ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 719 : สนามรบ
ตอนที่ 719 : สนามรบ
หยุนซีฮึดฮัดออกมากับคำพูดของหวังเย่า “ มันอาจจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาก็ได้ แค่คำพูดใครก็พูดได้ แกบอกว่าตระกูลของฉันอยู่เบื้องหลังการทดลองกับมนุษย์ แกมีหลักฐานอะไรรึเปล่า ? ”
หวังเย่ามองไปที่ฐานที่กำลังจมไปใต้ทะเล แต่เดิมแล้ว ดูฉีชุยคือหลักฐานชั้นดี แต่เขาลืมเรื่องนี้ไปและฆ่าอีกฝ่ายไปแล้ว
เมื่อฐานระเบิดไปแล้วกลัวว่าคงไม่เหลือร่างของดูฉีชุยอีก ตอนนี้มันจึงยากที่จะหาหลักฐานได้ เมื่อเห็นสีหน้าของ หวังเย่าหม่นไป หยุนซีก็ยิ้มออกมาและพูดขึ้น “เมื่อไม่มีหลักฐาน การป้ายความผิดให้กับตระกูลหยุน ฉันคิดว่าแกต้องขอโทษเรา”
“เรื่องนี้ไม่อาจจะตัดตระกูลหยุนออกไปได้ หลังจากที่กลับไปที่ดินแดนนรกด้านล่าง เราก็จะรู้ความจริง ฉันจะกล้าโยนความผิดให้กับตระกูลหยุนได้ยังไงถ้าพวกแกไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นจริง ? ” หวังเย่าพูดขึ้น
“และไม่ใช่แค่ฉันที่รู้ ลูกของวานเรนก็รู้เรื่องนี้ สองพี่น้องนั้นได้ไล่ตามเข้าไปในรังของพวกชุดดำและโดนจับไป หาก วานเรนรู้เรื่องนี้เข้า พวกแกคงรู้ว่ามันจะส่งผลยังไง ? ”
เมื่อได้ยินหวังเย่าพูดถึงวานเรน แม่ทัพของพันธมิตรดวงดาว หยุนซีก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสบถด่าดูฉีชุยที่สร้างปัญหาให้กับเขามากแบบนี้
การหาเรื่องหวังเย่าที่มีเทพไฟคอยหนุนหลังนั้น พวกเขาก็ยังพอรับได้ แต่การที่มีวานเรนหนึ่งในสามแม่ทัพของพันธมิตรดาวเข้ามาเกี่ยวด้วยนั้นถือว่าเป็นปัญหา เขาถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ทั้งในฐานะและความแข็งแกร่งในจักรวาลแห่งนี้
คนใหญ่โตแบบนั้นแม้แต่ตระกูลหยุนก็ไม่กล้าที่จะมีปัญหาด้วย นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่วานเรนลงมือเอง แค่กองทัพของเขาก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว
เจียงหยานเห็นสีหน้าของหยุนซีก็พอเดาได้ว่าสิ่งที่หวังเย่าพูดมานั้นเป็นความจริง อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลหยุน
อีกฝั่งนั้นมีฟู่หมิง หยานเทียน และอาจจะมีวานเรนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนอีกฝั่งคือตระกูลหยุนที่มาจากดาวเค่อเซวีย
เขาไม่อาจจะเลือกฝั่งได้ มันไม่ดีที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อระบบของดินแดนนรกฟ้า แต่แม้แต่เทพธิดาน้ำแข็งก็คงไม่รู้ว่าต้องเลือกฝั่งไหน
มันไม่จำเป็นที่เจียงหยานจะต้องตัดสินใจในตอนนี้
“ฉันคิดว่าเรื่องมันสิ้นสุดแล้ว” เจียงหยานเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นมา “เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่หยุนซีคงไม่รู้เรื่องนี้ หลายครั้งคนในตระกูลก็อาจจะทำเรื่องบางอย่างลับหลังและทำผิดพลาดขึ้นมา เทพไฟคงใจกว้างพอที่จะไม่เอาความเรื่องนี้”
“ในความเห็นของฉันแล้วเมื่อคนร้ายโดนจัดการไปแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ตราบใดที่ตระกูลหยุนดูแลคนของตัวเองให้ดี งั้นเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นอีก” เจียงหยานพูดขึ้น
หวังเย่าอยากจะพูดบางอย่างแต่หยานเทียนได้ห้ามเอาไว้และพูดขึ้น “งั้นฉันขอพูดแทนพี่ฟู่หมิง เราก็คิดแบบนั้น หากไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวก่อน ”
หลังจากที่พูดจบ หยานเทียนก็หันกลับแล้วเดินทางออกไป ฟู่หมิงมองไปที่คนตระกูลหยุนก่อนจะพยักหน้าให้กับ เจียงหยานแล้วจากไปพร้อมกับหวังเย่า
“เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณผู้อาวุโสเจียงหยานที่ช่วย” หยุนซีป้องมือและไม่คิดจะอยู่ที่นั่นต่อ
ฐานของพวกเขาโดนทำลายไปแล้ว ชัดแล้วว่าตระกูลเจียงคิดจะยึดเสานี้เอาไว้เพื่อเป็นที่พัก การที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อก็มีแต่ทำให้ตัวเองอับอาย
“ทำไมถึงยอมแบบนี้ ? ” หวังเย่ามองไปที่หยานเทียนและพูดขึ้น ชัดแล้วว่าเขาสงสัยกับการกระทำของหยานเทียนเป็นอย่างมาก
“ถ้านายยังเถียงกับตระกูลหยุนต่อ แม้ว่าฉันจะแกร่งแต่มันอาจจะทำให้ตระกูลหยุนคนอื่นเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย” หยานเทียนอธิบาย
“อย่าพูดถึงการจัดการกับหยุนซีและคนอื่น ๆ เลย แม้แต่นายก็จะมีปัญหาไปด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็แปลกใจและถามขึ้น “แล้วเจียงหยานล่ะ ? ”
“เมื่อเขาออกตัว เขาก็เหมือนจะเข้าข้างอีกฝ่าย” หยานเทียนพูดขึ้น “แต่เขาน่ะสนใจนาย นายคงไม่รู้ตัว แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเขาสนใจนายเป็นพิเศษ”
ตอนนั้นหยานเทียนก็มองไปที่หวังเย่าด้วยความสงสัยและพูดขึ้น “นายอยู่แค่เลเวล 130 ทำไมคนแบบนั้นถึงได้สนใจนาย ? ”
ฟู่หมิงเองก็มองไปที่หวังเย่า แต่ก็พบว่าหวังเย่าไม่ได้มีอะไรพิเศษ ถ้ามีอะไรพิเศษเด็กนี่คงไม่อาจจะปิดบังเขาได้
แต่ชัดแล้วว่าเจียงหยานนั้นไม่ได้สนใจสมบัติที่หวังเย่ามี แต่เป็นตัวหวังเย่าต่างหากที่เขาสนใจ
หวังเย่าคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ชั้นแรก เจียงหยานนั้นลงมือกับเขา แม้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจตอนไหนกัน
เขาคิดอยู่สักพักแต่ก็หาเหตุผลไม่เจอ เขาจึงบอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้เขาต้องระวังตัวให้มากเมื่ออยู่ตัวคนเดียว
“งั้นก็ช่างมันเถอะ เมื่อมีเราสองคนคอยช่วยนาย ในเขตดาวโบไลด์นั้นก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับนายหรอก“ หยานเทียนพูดขึ้นและยิ้มให้กับหวังเย่า “นายรับปากว่าจะให้น้ำศักดิ์สิทธิ์กับฉัน 10 ขวด นายห้ามผิดคำพูด”
หวังเย่ากลอกตาใส่ เขารู้ว่าหยานเทียนนั้นโลภ เขาจึงเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากแหวนมิติและส่งให้กับหยานเทียน “ผมมีของแบบนี้อยู่จำนวนมาก มันส่งผลแค่ครั้งแรก คนแก่แบบลุงคิดจะเอามันไปขายรึไง ? ”
“นายเองก็เป็นนักปรุงยา การขายของดีแบบนี้ให้กับคนอื่นน่ะเป็นเรื่องต้องห้าม เมื่ออยู่ในมือคนอายุน้อยแบบนายมันถึงมีค่า สำหรับคนแก่อย่างฉันแล้ว ฉันสามารถเปลี่ยนมันเป็นยาได้” หยานเทียนพูดขึ้น
“ลุงจะทำแก่นพันชีวิตงั้นหรือ ? ” หวังเย่าคิด เขามั่นใจว่าหยานเทียนจะใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นแก่นพันชีวิต
สำหรับระดับความแข็งแกร่งของหยานเทียนแล้ว แม้แต่น้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้มีพลังอะไรมากนัก มีแค่แก่นพันชีวิตเท่านั้นที่จะเพิ่มอายุไขของเขาได้
“ใช่ นายไม่ได้โง่นี่ เดาว่าฟู่หมิงคงได้ของพวกนี้ไปด้วย เขาเลยไม่สนใจน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้มา ? ” หยานเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าหวังเย่าให้น้ำศักดิ์สิทธิ์กับเขาง่าย ๆ แบบนี้ งั้นดูจากความสัมพันธ์ระหว่างหวังเย่ากับฟู่หมิงแล้ว ดูเหมือนว่าฟู่หมิงจะได้น้ำนี่ไปแล้ว
เขาไม่ต้องกังวลว่าฟู่หมิงจะแย่งมันไปจากเขา
“ใช่สิ แล้วผู้อาวุโสโม่ยู่หลินอยู่ไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
โม่หยู่หลินเป็นสัตว์อสูรของหยานเทียน แต่กลับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาด้วย บางทีเขาน่าจะอยู่กับพี่น้องตระกูลวาน แต่แค่ไม่รู้ว่าสองคนนั้นอยู่ไหน
“สองคนนั้นไปตามหาทางเข้าสู่ชั้นต่อไป พวกเขาไม่รู้ว่ามีเบาะแสอะไร ทะเลนี้เหมือนจะใหญ่กว่าชั้นแรกอย่างมาก มันไม่ได้มีลำแสงนำทาง มันไม่ง่ายเลยที่จะหาเบาะแส” หยานเทียนพูดขึ้นมา
เมื่อพูดถึงเส้นทางที่นำไปสู่ชั้นที่สาม หวังเย่าก็จำภาพที่เขาเห็นในห้องควบคุมในยานของตระกูลหยุนได้ “ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ” เขาบอกกกับทั้งสองคน “เดี๋ยวผมกลับมาหา ถ้าผมยังไม่กลับมาใน 1 วัน งั้นก็ไปที่ชั้นต่อไปได้เลยไม่ต้องห่วงผม”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า ฟู่หมิงก็ขมวดคิ้ว “ในทะเลนี้อันตราย นายไปคนเดียวมันเสี่ยงเกินไป”
“ไม่ต้องกังวล ถ้ามีปัญหาอะไร ผมจะรีบหนีมาทันที แต่ที่นี่น่ะแม้ว่าจะเจอกับศัตรู แต่ผมก็พอมีทางหนีได้อยู่” หวังเย่าพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
ด้วยลูกปัดน้ำที่เจียงหยานให้มา เมื่อเขาพบอันตรายเขาก็จะดำลงไปในทะเลทันที
เมื่อเห็นท่าทีมั่นใจของหวังเย่าแล้ว ฟู่หมิงก็ไม่คิดจะห้าม แต่กลับบอกให้หวังเย่าระวังตัวและปล่อยหวังเย่าไป
หลังจากที่แยกจากทั้งสองคนแล้ว หวังเย่าก็ได้มุ่งหน้าไปตามที่เขาจำได้จากแผนที่ หากเขาจำไม่ผิดแล้วมันต้องมีบางอย่างที่แปลกประหลาดที่นี่ บางทีมันอาจจะเป็นทางเข้าสู่ชั้นต่อไปก็ได้
แค่ว่ามันไม่แน่นอน ตัวตนของฟู่หมิงและหยานเทียนนั้นพิเศษ การที่ให้ทั้งสองไปด้วยอาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้
หลังจากที่บินมาได้ครึ่งวันสุดท้าย หวังเย่าก็มาถึงที่หมาย หวังเย่าพบว่าด้านหน้ามีกองกำลังสองกองกำลังต่อสู้กันอยู่ ฝั่งหนึ่งคือสัตว์อสูร อีกฝั่งคือกลุ่มคน
พวกสัตว์อสูรกลายพันธุ์นั้นแยกร่างได้ตอนที่โดนฆ่า ทุกครั้งที่มันโดนฆ่านั้นพวกมันจะแยกร่างออกจากกันได้แม้ว่าจะโดนตัดเป็นชิ้น ๆ ก็ตาม
พวกสัตว์อสูรพวกนี้ได้เปรียบกับสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำ ดังนั้นจึงยากที่อาวุธจะส่งผลกับพวกมัน พวกมันควบคุมน้ำเข้าโจมตีได้ ดังนั้นผู้คนจึงเสียเปรียบอย่างมาก
เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็คิ้วขมวด มันชัดแล้วว่าสถานการณ์นี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
ตอนที่เขาแอบสังเกตการณ์อยู่นั้นก็มีคลื่นพลังงานซัดเข้ามาจนทำให้หวังเย่ารับรู้ได้ถึงอันตราย
หวังเย่าพุ่งขึ้นมาที่ผิวน้ำก่อนจะพบว่ามีลำน้ำพุ่งขึ้นมาในจุดที่เขาเคยอยู่
ลำน้ำที่เหมือนกับเสาพุ่งขึ้นสูงหลายสิบเมตรก่อนจะร่วงลงมา เมื่อน้ำหายไปก็พบกับร่างกายหนึ่งที่มีส่วนล่างเหมือนกับปลาส่วนบนนั้นเป็นคนมองมาที่หวังเย่าด้วยสายตาไม่พอใจ