ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 708 : พายุ
ตอนที่ 708 : พายุ
“ ชั้นสองเหมือนจะปลอดภัย เทพธิดาน้ำแข็งลืมเปิดค่ายกลของชั้นนี้รึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ เราพึ่งมาถึง มันคงไม่มีทางธรรมดาแบบที่เห็นหรอก ” แม้ว่าแมวจะสับสนแต่ก็ยังคงระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
หวังเย่าเห็นทะเลที่ดูไม่มีที่สิ้นสุดตรงหน้าก็ต้องคิ้วขมวด เขาไม่เห็นเลยว่าจะมีอันตรายอะไรอยู่ ต้องบอกว่าที่นี่ไม่ได้ต่างอะไรจากสถานที่ท่องเที่ยวเลย มันคือเขตหวงห้ามจริง ๆ งั้นหรือ ?
“นายคิดว่าทะเลที่สงบนี้จะพัดคนจนปลิวรึไง ? ” หวังเย่าหัวเราะออกมา
แต่ตอนนั้นเองกลับมีพลังงานรวมตัวกันเป็นพายุด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ในพริบตามันก็มีพายุหลายสิบลูกก่อตัวขึ้นมา
หลังจากที่พายุเหล่านั้นก่อตัวขึ้นมา น้ำทะเลโดยรอบก็ถูกดึงเข้าไปในพายุ มันราวกับมังกรน้ำ แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังเปลี่ยนไป ในพริบตาท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆดำ
“ … ” หวังเย่าเห็นพายุเหล่านั้นก็ต้องปากกระตุกไปตาม เขาไม่น่าพูดมากเลยจริง ๆ
แมวกลอกตาใส่หวังเย่า เขาก้าวออกไปเพียงก้าวเดียวก็พุ่งออกไปได้ไกลกว่าร้อยฟุตแล้ว พลังของพายุนี้ชัดแล้วว่าเหนือกว่าที่นักสู้ทั่วไปจะรับมือไหว มันสูบน้ำเข้าไปหลายร้อยลิตร แม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งแต่เมื่อโดนน้ำนี่อัดเข้าก็แทบจะพิการก็ว่าได้
“จ้าวแห่งแมว รอด้วย ! ” เมื่อเห็นว่าแมวพุ่งหนีออกไป หวังเย่าก็ได้ตะโกนออกมา เขารีบตามแมวไปทันที เพราะแม้แต่แมวก็ยังไม่กล้าที่จะรับมือกับพายุนี่ แน่นอนว่าเขาคงไม่อาจจะรับมือไหวแน่
น้ำในท้องทะเลถูกสูบเข้าไปในพายุจนเห็นดินที่อยู่ลึกลงไปหลายพันกิโลเมตร ในพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยฝนห่าใหญ่ที่กระจายไปทั่วราวกับน้ำตก มันราวกับทั้งโลกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำ
ทั้งทะเลเกิดพายุก่อตัวขึ้นมา มันมีทั้งฟ้าแลบฟ้าร้องและฟ้าผ่าเป็นระยะ ๆ ขึ้นมาในท้องฟ้าซึ่งทำให้ฉากนี้ราวกับหายนะและวันสิ้นสุดของโลก
“ในตอนที่ฉันอยู่บนโลก มันมีคำพูดหนึ่งที่ว่าอากาศในทะเลนั้นเปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งกว่าอารมณ์ของผู้หญิง แต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ในดินแดนนรกเองก็เป็นเหมือนกัน พายุตรงหน้า พลังของมันมากกว่าที่ฉันเคยได้ยินมาเป็นพันเท่า ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาพร้อมกับบินหนีออกจากเขตพายุ
เขาพบว่าไม่ใช่แค่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป แม้แต่แรงโน้มถ่วงก็ยังเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นร้อยเท่า แมวเองก็เพิ่งรู้ตัวและพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าค่ายกลจะเริ่มทำงานแล้ว ทั้งทะเลตอนนี้เต็มไปด้วยพายุ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นนี่ไม่ต้องคิดที่จะบินหนีจากที่นี่เลย ถ้ายังบินต่อไปก็มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ เราลดระดับการบินลงดีกว่า เพื่อไม่ต้องรับผลจากพลังของพายุมากนัก” หวังเย่าเสนอ
ในตอนที่ทั้งสองคนคุยกันนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฎตัวขึ้นมา หลังจากที่คนกลุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาก็ต้องตะลึงกับพายุที่ก่อตัวขึ้น
ในพริบตาระยะห่างระหว่างพวกเขากับพายุก็ห่างกันไม่ถึงพันเมตร เพื่อที่จะหนีจากพายุให้ได้ ชายคนหนึ่งก็ได้ดำดิ่งลงไปในทะเลเพื่อที่จะเลี่ยงพลังของพายุที่ส่งผลกับตน
แต่ตอนที่เขากำลังจะลงไปในน้ำนั้นก็มีสัตว์อสูรโผล่ออกมาจากน้ำ กลืนชายคนนั้นเข้าไปก่อนจะมุดกลับลงไปในน้ำต่อ
“ลงไปในทะเลงั้นหรือ ? ” แมวเห็นแบบนั้นก็มองไปที่หวังเย่า
“ฉันคิดว่าฉันคงทนได้สักพัก” หวังเย่าบอกและเปลี่ยนทิศทางทันที
ไม่รู้เลยว่าทั้งสองบินออกไปไกลแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ออกจากเขตพายุมาได้ ท้องฟ้าเริ่มสว่างดังเดิม พายุด้านหลังก็หยุดลงราวกับกำลังจะสลายตัว
“ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่นี่ ไปดูกัน ! ” หวังเย่าพบว่ามีบางอย่างดูสะดุดตา
หลังจากที่ทั้งสองบินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่ามันคือเสาหินสีขาวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 100 เมตร เสาเหล่านี้ตั้งขึ้นมาจากทะเล มันสูงประมาณ 100 เมตร
ทั้งสองสังเกตการณ์อยู่สักพักและเห็นว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ก่อนจะลงไปที่เสานั้น ที่นี่มีชื่อว่าอาณาจักรสวรรค์หมื่นมังกร สถานการณ์ในดินแดนนรกนั้นยากจะคาดเดาได้ มันอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ ตะกี้ที่ท้องฟ้าสดใสอยู่แต่วินาทีต่อมากลับมีพายุที่ครอบคลุมระยะหลายพันไมล์ก่อตัวขึ้นมา
สุดท้ายหวังเย่าก็ได้พักสักที แม้ว่าพวกเขาจะบินมาไม่นานแต่ก็ยังทำให้ทั้งสองรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นจากพายุ
แมวมองไปรอบ ๆ แม้ว่าท้องฟ้าตอนนี้จะสดใสแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนของสภาพอากาศได้อยู่ มันอาจจะเกิดพายุขึ้นตอนไหนก็ได้
แมวคิดสักพักและพูดขึ้นมา “ที่นี่น่าจะเป็นอาณาจักรสวรรค์หมื่นมังกร มีข่าวลือว่ามันเป็นทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ใช่แค่มีพายุอันรุนแรงแต่ยังมีสัตว์อสูรทะเลนับไม่ถ้วน เมื่อลงไปในทะเลด้านล่างแล้วก็จะกลายเป็นอาหารของพวกมันทันที”
“สัตว์อสูรพวกนี้น่าจะได้รับผลจากพายุด้วย ไม่งั้นแล้วพวกมันคงกระโดดขึ้นมาจากน้ำทันทีเมื่อรู้ว่ามีคนมา” แมวพูดต่อ
ตอนนั้นหวังเย่าก็ต้องขมวดคิ้วและพูดขึ้น “มีคนกำลังตรงมาที่นี่และเร็วด้วย”
เท่าที่เขารับรู้ได้นั้นมีคลื่นพลังที่แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามันคงอีกไม่นานที่เขาจะได้พบกับอีกฝ่าย
คนกลุ่มนั้นนำโดยสองคน คนหนึ่งดูแก่แต่แข็งแกร่งอย่างมาก อีกคนดูเด็กกว่า พวกที่ตามหลังมามี 5-6 คนใส่ชุดเกราะที่ดูประหลาด มันจะเรียกว่าเกราะก็ไม่เชิง เรียกมันว่าเครื่องจักรกลคงจะเหมาะสมกว่า
เพราะร่างของพวกนั้นเชื่อมต่อกับเหล็ก เครื่องกลเหล่านั้นเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งกับร่างกาย เมื่อเห็นคนเหล่านั้น หวังเย่าก็จำได้ทันทีว่านี่คือตระกูลหยุนที่วานเซ่เคยพูดถึง ตระกูลที่ไม่ได้อาศัยการบ่มเพาะแต่อาศัยเทคโนโลยีในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
พวกนั้นมุ่งหน้าไปที่เสาหินแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับหวังเย่าและแมวอยู่ที่นั่น
“มีคนอยู่แล้ว” ชายแก่เห็นหวังเย่าและแมวก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
“จะไปยากอะไรก็จัดการพวกมันทิ้งไปซะสิ ! ” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังมองมาที่หวังเย่าด้วยท่าทีไม่พอใจก่อนจะพูดขึ้นมา “พวกแกสองคนรีบออกจากเสานี้ไปซะ เราจะพัก ! ”
หวังเย่ามองไปที่ชายหนุ่มและพูดขึ้น “ถ้าพวกนายอยากพักก็พัก ที่นี่ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ ทำไมต้องให้เราออกจากที่นี่ด้วย ? ”
“ฉันพูดดี ๆ แล้ว ถ้าแกไม่อยากจะโดนโยนลงทะเลก็รีบไสหัวไปซะ ! ” ชายหนุ่มกอดอกและพูดขึ้นมา
“นี่คือหวังเย่าที่ฉันพูดถึง” ชายวัยกลางคนมองไปที่หวังเย่าด้วยสายตาแค้นเคืองก่อนจะบอกกับชายแก่ตรงหน้า
“หือ ? คนที่ทำร้ายแก เป็นหวังเย่าคนนี้น่ะหรือ ? ” ชายแก่ถามขึ้นมาก่อนจะมองไปที่เด็กหนุ่มข้างกาย “เล่ยหยาน นี่คือหวังเย่าจริง ๆ เด็กนี่คือคนที่คิดจะแข็งข้อกับตระกูลหยุน ? ”
ชายหนุ่มตอบกลับ “อันที่จริงเขาคือคนที่ทำร้ายคนของเจ้าชายและทำลายฐานของเจ้าชาย”
“เมื่อเจอมันแล้วก็จัดการมันซะ” ชายแก่พูดขึ้น
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมา แม้ว่าหวังเย่าอยากจะกำจัดดูฉีชุย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีคนจำนวนมากรวมถึงการที่พวกนี้ยังแข็งแกร่งจนแม้แต่คนอย่างดูฉีชุยก็ยังไม่อาจจะเทียบได้ หากต้องสู้กันจริง ๆ เขาก็คงต้องแพ้
ถึงอย่างนั้นทั้งสองฝ่ายยังไม่ทันได้ลงมือก็มีคนกลุ่มอื่นปรากฏตัวขึ้นมา บางคนมาเป็นกลุ่ม บางคนมาคนเดียว บางคนก็มาจากกองกำลังเดียวกัน
หลังจากที่เห็นเสานั้น ทุกคนก็พากันหยุดและมองมาที่หวังเย่าและแมว พวกเขาต่างก็คิดจะเป็นเจ้าของเสาต้นนี้ หากทั้งสองคนคิดจะอยู่ที่นี่ต่อ งั้นพวกเขาคงโดนหมายหัว
ตระกูลหยุนเห็นแบบนั้นก็ไม่คิดจะลงมือ
ชายหนุ่มที่ด่าหวังเย่าตะกี้ได้พูดเยาะเย้ยออกมา “ฉันอยากเห็นจริง ๆ เลยว่าแกจะรับมือยังไง”
หวังเย่าเห็นคนรอบตัวมองมาที่เขาก็ต้องใจหล่นวูบ เขารู้ว่าการที่พวกนี้ยังไม่ลงมือนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวิธีจัดการกับเขา พวกนี้แค่ไม่มั่นใจว่าเมื่อลงมือไปแล้วคนกลุ่มอื่นจะลงมือกับตัวเองเช่นเดียวกันรึไม่
หวังเย่าเงียบอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น “ที่นี่กว้างจะตาย พวกนายลงมาพักก็ได้นี่ มันไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ ฉันก็แค่มาพักที่นี่เฉย ๆ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า ทุกคนก็พากันมองหน้ากัน พวกเขาไม่เข้าใจความคิดของหวังเย่า แต่หากคิดตามเหุตผลแล้วก็ควรจะยึดเสานี้เอาไว้ แต่ด้วยการที่มีคนกลุ่มอื่นอยู่โดยรอบ พวกนั้นคงไม่ปล่อยให้ยึดเสานี้ไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
ดังนั้นทุกคนจึงไม่คิดอะไรต่ออีก เพราะบินมานานไม่รู้เท่าไหร่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการต้องลงไปพักที่เสานี้ก่อน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหวังเย่า ทุกคนก็พากันบินลงไปที่เสาหิน พวกนั้นพากันมองไปที่หวังเย่าด้วยสายตาเป็นมิตร พวกเขานั้นต่างก็ประทับใจในตัวหวังเย่า
แต่หลังจากที่คนหลายสิบคนลงไปที่เสา อยู่ ๆ เสาก็เกิดการสั่นไหวและเริ่มจมลงช้า ๆ