ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 702 : บึงขังมังกร
ตอนที่ 702 : บึงขังมังกร
โล่พลังรอบยานจางหายไป เมื่อมองออกไปด้านอกยานก็รับรู้ได้ถึงพลังของค่ายกลที่ครอบคลุมด้านนอก
“ค่ายกลขนาดใหญ่แบบนี้แต่กลับเป็นแค่ค่ายกลส่วนนอก ฉันไม่รู้เลยว่าค่ายกลด้านในนั้นจะน่ากลัวแค่ไหน” มีคนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตะลึง
ในเขตสวรรค์ทั้งสามแล้ว พวกคนพื้นเมืองอาศัยอยู่แค่ในเขตดินแดนนรกส่วนนอก ดินแดนนรกส่วนในนั้นลึกลับในสายตาของพวกเขา
หลังจากที่ค่ายกลด้านนอกยานปิดตัวลง ผู้คนก็พากันลงจากยาน ก่อนจะลงไปที่ทวีปด้านล่าง การเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ก็เพื่ออสูรมิติ ไม่มีใครอยากให้คนอื่นแซงหน้าไป พวกเขาจึงรีบเดินทางลงไปที่ด้านล่างทันที
“เทพไฟ หยานเทียน ฉันขอตัวก่อน” เจียงหยานหันไปบอกกับทุกคน ก่อนจะมองไปที่หวังเย่าและยิ้มออกมา “หวังเย่านรกฟ้านี่อันตราย พวกนายต้องระวังตัวด้วย”
เมื่อพูดจบ เจียงหยานก็ได้พาคนของตระกูลเจียงหลายร้อยคนลงไปจากยาน ตระกูลเจียงและตระกูลจีนั้นเป็นสองตระกูลใหญ่ที่ไม่คิดที่จะให้ใครแซงหน้า
“ลุงเรน ไม่ลงไปด้วยกันหรือ ? ” หวังเย่าเห็นว่าวานเรนไม่มีท่าทีจะขยับจึงได้ถามขึ้นมา
“มันเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ฉันแก่แล้วคงไม่เข้าไปยุ่งด้วย นายลงไปเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่” วานเรนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“งั้นรบกวนผู้อาวุโสดูแลเพื่อนผมสองคนด้วย” หวังเย่าพูดถึงหลินฉีและเสี่ยวหยิง
เสี่ยวหยิงมองไปที่ฟู่หมิง ก่อนที่ฟู่หมิงจะพูดขึ้นมา “ที่นี่น่ะอันตรายจนไม่อาจจะคาดเดาได้ แม้แต่ฉันก็ยังต้องระวังตัว เธออยู่ที่นี่น่ะดีแล้ว”
“พวกนายไปเถอะ ฉันจะดูแลพวกเธอเอง” วานเรนพูดขึ้นมา
ทุกคนได้เดินทางออกมาจากยาน นอกจากวานเรนและคนของเทพธิดาน้ำแข็งแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็ลงไปที่พื้นด้านล่าง หวังเย่าและคนในทีมไม่รอช้า พวกเขารีบเดินตามคนอื่นไปทันที
ในตอนที่ผ่านหมู่เมฆมาได้ ก็เห็นพื้นดินได้ชัดเจนขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ลงไปถึงพื้นด้านล่างได้
“นี่คือดินแดนนรกที่แท้จริงงั้นหรือ ? ” หวังเย่ามองไปยังพื้นที่โดยรอบที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่เบ่งบานก็นึกไม่ออกว่าพื้นที่นี้จะอันตรายยังไง
เขานึกถึงคำอธิบายของเฉียนจิงที่เคยบอกกับเขาว่าที่นี่เหมือนจะเป็นมิติลับที่ดูสงบสุข เพราะค่ายกลป้องกันจึงทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่หวงห้าม ทวีปแห่งนี้ห้ามคนอื่นเข้ามา ไม่รู้เลยว่าเฉียนจิงและคนอื่น ๆ เข้ามาได้ยังไง
“นี่คือเชือกจิต ไม่รู้ว่าที่นี่เราจะพบอันตรายมากแค่ไหน ถึงเราจะหลงจากกัน แต่เมื่อมีเชือกจิตนี่เราก็ยังรับรู้ถึงได้ตำแหน่งของอีกฝ่ายได้” หยานเทียนพูดขึ้นพร้อมกับส่งเชือกจิตให้กับทุกคน
หวังเย่าเรียกแมวออกมาก่อนที่ทุกคนจะทิ้งพลังไว้ในเชือกจิต
“ฉันได้ยินมานานแล้วว่าเชือกจิตนั้นเป็นของที่ดี แต่เพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก” วานเซ่อดไม่ได้ที่จะมองดูเชือกจิตด้วยความแปลกใจ
“ฉันไม่รู้ว่าที่นี่อยู่ส่วนไหน ที่นี่น่าจะเป็นที่ราบแห่งหนึ่งแต่กว้างมาก มันมีที่ราบแบบนี้อยู่นับไม่ถ้วน เราควรไปทางไหนดี ? ” หวังเย่าพูดขึ้นมา
ฟู่หมิงเงยหน้าขึ้นมองไปด้านหน้าและพูดขึ้น “ยานจอดอยู่ทางตะวันตกของทวีป เราน่าจะอยู่ใกล้พรมแดนทางตะวันตก”
มันมีคนอื่น ๆ ที่เพิ่งลงมาถึงพื้นรวมถึงพวกที่มาถึงก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างก็พากันมองไปรอบ ๆ คนเหล่านี้ต่างก็พากันระวังตัวจากคนอื่น ๆ ยังไงซะทุกคนที่นี่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน หากมีโอกาสพวกเขาคงกำจัดคนอื่นทิ้ง
มันแค่ว่าคนเหล่นนี้มองมาที่หวังเย่าและคนอื่นๆด้วยสายตาตกตะลึง ยังไงซะมันก็มีฟู่หมิงและหยานเทียนอยู่ในทีมด้วย พวกนั้นไม่กล้ามาหาเรื่องสองคนนี้
“เรามีคนที่คุ้นกับที่นี่เป็นอย่างดี ฉันคิดว่าเราได้เปรียบคนอื่น ๆ ” หยานเทียนมองไปที่แมวแล้วพูดขึ้นมา
หวังเย่าจำได้ว่าแมวเดินทางไปมายังเขตสวรรค์ทั้งสามได้อย่างอิสระ แม้ว่าจะผ่านมาหลายพันปีแล้วแต่ทวีปนี้คงไม่เปลี่ยนไปมากนัก
“ที่นี่น่าจะเป็นที่ราบดอกไม้ มันคือที่ราบที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันตก” แมวมองไปรอบ ๆ และพูดขึ้นมา เขาพอตัดสินตำแหน่งของทุกคนได้ “ค่ายกลกำลังจะเริ่มทำงาน ในไม่ช้าพวกเจ้าจะได้พบกับดินแดนนรกของจริง”
“มันมีทั้งหมด 7 ชั้น เราต้องหาทางเข้าชั้นแรกให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่งั้นแล้วคงมีปัญหาหากค่ายกลเริ่มทำงาน” แมวพูดขึ้นมา
วานเซ่ไม่รู้ว่าแมวมาจากไหนแต่เมื่อได้ยินแมวพูดก็ถามขึ้นมา “แล้วทางเข้าอยู่ไหน?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้ามาที่นี่ตอนที่ดินแดนนรกยังไม่เปิด ตอนนั้นค่ายกลยังไม่ทำงาน ทางเข้าโดนซ่อนเอาไว้ มันมีค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมด 10 ที่ในชั้นแรก ข้าเชื่อว่ามันน่าจะอยู่แถว ๆ นี้ พวกเจ้าลองหาดูดี ๆ ก็น่าจะพบ” แมวพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินที่แมวพูด หวังเย่าก็ถามขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นเราจะแยกกันหา ถ้าหาพบก็ค่อยแจ้งคนอื่น ๆ ”
ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของหวังเย่า พวกเขาเลือกทางก่อนจะแยกย้ายกันออกไป ฟู่หมิงและหยานเทียนมองหน้ากันก่อนจะแยกย้ายกันไป หยานเทียนได้ไปกับโม่ยู่หลิน หวังเย่าไปกับแมว
คนเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอ แม้ว่าคนที่เลเวลน้อยที่สุดจะเป็นหวังเย่า แต่เขามีความสามารถที่จะสู้กับคนเลเวลสูงกว่า นี่ไม่ต้องพูดถึงกับการที่เขามีสัตว์อสูรอยู่ด้วยเลย ตราบใดที่ไม่เจอกับคนเลเวล 150 งั้นหวังเย่าก็รับรองได้ว่าเขาจะหนีเอาตัวรอดมาได้ พื้นที่ราบนี้เป็นแบบที่แมวบอกมา มันมีพื้นที่กว้างขวาง หากอยากจะออกจากที่นี่ด้วยความเร็วของหวังเย่าแล้วต้องใช้เวลากว่าครึ่งวัน นี่ไม่ต้องพูดถึงการหาค่ายกลเคลื่อนย้ายเลย
ระหว่างทาง หวังเย่าได้พบกับคนอื่น ๆ มากมาย แต่ก็ไม่พบกับค่ายกลเคลื่อนย้ายเลย พวกนั้นเหมือนจะรู้จักหวังเย่า เด็กหนุ่มที่สนิทกับเทพไฟ หากไม่จำเป็นแล้วพวกนั้นคงไม่คิดไปหาเรื่องหวังเย่าเป็นอันขาด
ในตอนที่ออกตามหานั้น หวังเย่าก็เห็นว่ารอบตัวเขาเหมือนกับมีการเปลี่ยนแปลงไป
“จ้าวแห่งแมว อยู่ ๆ ก็มีหมอกขึ้นมาได้ยังไง ? ” หวังเย่าเห็นหมอกที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาที่พื้น การเพิ่มขึ้นของหมอกนั้นรวดเร็วอย่างมาก ในพริบตามันก็เอ่อล้นไปทั่ว
“มันคือ….ค่ายกลขังมังกร !” แมวมองไปรอบๆแล้วพูดขึ้นมา
“ค่ายกลขังมังกรงั้นหรือ ? มันคือค่ายกลชั้นแรกรึเปล่า ? ” หวังเย่ามองไปที่แมวด้วยสีหน้าอึ้ง
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเอาความกล้ามาจากไหนที่เข้ามาที่นี่ แม้แต่เรื่องพื้นฐานก็ยังไม่รู้” แมวฮึดฮัดออกมาและอธิบาย “โลกนี้เหมือนกับโลกด้านนอก มันแบ่งออกเป็น 7 ส่วน ค่ายกลชั้นแรกคือค่ายกลขังมังกร มันรู้จักกันในชื่อบึงขังมังกร ”
ค่ายกลขังมันกรเป็นไปตามที่ชื่อมันบอก แม้แต่มังกรก็ยังโดนขังอยู่ด้านใน ยิ่งโดนขังไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นปัญหามากเท่านั้น แม้แต่สัตว์อสูรระดับสูงก็อาจจะโดนขังไว้ที่นี่ตลอดกาล
“ใช่ ข้าเคยได้ยินมันมาบ้างแต่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ในสงครามสามโลกนั้น หลายตระกูลใหญ่ได้คิดค้นมันขึ้นมา” แมวพูดขึ้น
“อย่าเพิ่งสนใจ รีบหาค่ายกลเคลื่อนย้ายให้เจอโดยเร็วที่สุด” ตอนนี้หวังเย่าไม่มีเวลามาฟังความรู้สึกของแมว เขาพบว่าหมอกขาวนี้บดบังการมองเห็น มันถึงกับกลืนกินจิตของเขาไปด้วย เมื่อพลังจิตหมดลง จิตของเขาก็จะได้รับความเสียหาย วิญญาณของเขาอาจจะโดนหมอกนี่กลืนกินไปด้วย
“ต้องรีบแล้ว หมอกนี่กลืนพลังจิตเราไปด้วย…” หวังเย่ายังพูดไม่ทันจบก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังงานที่น่าตกใจใต้เท้าของเขา
ตูม…
พื้นดินใต้เท้าของเขาแตกออกพร้อมกับเสาหินที่พุ่งขึ้นมา หวังเย่าหลบออกไปและรีบถอยกลับ เสานั้นไม่ได้หยุดพุ่งขึ้นมา จนมันสูงหลายร้อยฟุต ก่อนที่จะหยุดลง
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าตรงหน้าเขาไม่ใช่เสาหินอีกต่อไปแต่เป็นภูเขาหินที่สูงและกว้างกว่าร้อยฟุต
ไม่ใช่แค่นั้น แต่มันยังมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาไม่ไกลจากนั้น แม้ว่าการรับรู้จะโดนบดบังแต่หวังเย่าก็ยังรับรู้ได้ว่าไม่ไกลจากนั้นมีภูเขาโผล่มาจากพื้นเช่นกัน
แมวยังไม่ทันอธิบาย หวังเย่าก็รู้ว่าค่ายกลขังมังกรนี้ไม่ใช่แค่หมอกขาวที่กลืนกินพลังจิตได้ แต่ยังมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศอีกด้วย
เมื่อหมอกพรั่งพรูขึ้นมา การรับรู้ก็โดนบดบังมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้หวังเย่ารับรู้ระยะได้ไม่ถึง 100 เมตรเท่านั้น ในการเปลี่ยนแปลงของที่นี่ จึงทำให้หวังเย่าได้แยกกับแมว เขาไม่อาจจะรับรู้ตำแหน่งของอีกฝ่ายได้
โชคดีที่มีเชือกจิตอยู่ด้วย มันสามารถตรวจสอบสถานการณ์ของอีกฝ่ายได้ เดาว่าคนอื่นตอนนี้ก็คงเหมือนกันซึ่งไม่รู้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ที่ไหน
หวังเย่าจำทิศทางได้ เขาต้องผ่านเนินเขาตรงหน้าไปให้ได้แต่เมื่อเดินไปได้กว่าร้อยก้าวก็ต้องหยุดเพราะหุบเหวตรงหน้า ภูมิประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปตอนไหนก็ได้
หวังเย่าพยายามทะยานข้ามเนินเขาไป แต่ก็พบว่ายิ่งบินสูงเท่าไหร่หมอกก็ยิ่งหนาขึ้นเท่านั้น เมื่อบินขึ้นมากว่าร้อยเมตร พลังจิตของเขาก็โดนกลืนกินด้วยความเร็วอันน่ากลัว แม้แต่พวกที่แข็งแกร่งก็ไม่อาจจะวางใจได้
“ดูเหมือนว่าเราคงได้แต่ต้องหาค่ายกลเคลื่อนย้ายให้เจอ” หวังเย่าถอนหายใจออกมา