ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 700 : พ่อของวานเซ่
ตอนที่ 700 : พ่อของวานเซ่
“ ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่ายังไม่สายเกินไป ไม่ได้เจอกันนาน เทพธิดาน้ำแข็งยังดูสวยเหมือนเดิมเลยนะ ฉันล่ะอิจฉาจริง ๆ ! ” เสียงแหบ ๆ ดังขึ้นด้านบนเวทีก่อนที่จะมีคนค่อย ๆ บินลงมายังเวที
คนที่พูดนั้นคือชายแก่อายุประมาณ 50 ปี แม้ว่าจะดูธรรมดาแต่ร่างกายของเขาก็แผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา
“กลับเป็นหยุนซีนี่เอง ไม่ได้เจอกันนานได้ยินมานานว่านายมาที่เขตดาวโบไลด์ เสียดายที่ไม่ได้ต้อนรับทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ของฉันแท้ ๆ ” เทพธิดาน้ำแข็งพูดขึ้น
หยุนซีโบกมือและพูดขึ้น “เราต่างก็มาที่นี่เพราะการเปิดดินแดนนรก เธอไม่จำเป็นจะต้องสุภาพก็ได้”
ที่ด้านหลังของหยุนซีนั้นมีคนตามมาอีก 4 คน เป็นผู้หญิง 1 คนและผู้ชายอีก 3 คน ทั้งสี่ต่างก็ใส่เกราะที่ดูต่างจากผู้บ่มเพาะทั่วไป
“พวกนี้เป็นใคร ? ” หวังเย่าถามขึ้นหลังจากที่เห็นพวกนั้น
“พวกนี้คือตระกูลหยุนจากดาวเค่อเชวีย พวกนี้เป็นตระกูลที่ใหญ่โตอย่างมาก และมีอำนาจไม่ด้อยกว่าตระกูลทั้งสี่ ดาวเค่อเชวียไม่เหมือนดาวอื่น ๆ หลัก ๆ แล้วใช้เทคโนโลยีในการยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นมา ฉันได้ยินมาว่าพวกเขามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและทรงพลังที่สุดในจักรวาล แม้แต่พันธมิตรดวงดาวก็ไม่อาจจะเทียบได้”
“พี่เคยเห็นอุปกรณ์ที่พวกนั้นใส่รึเปล่า ? มันน่าจะเป็นเกราะโน้มถ่วง มันคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดในดาวตอนนี้ บอกกันว่าร่างกายของเขาโดนปรับแต่ง เขาไม่ได้อ่อนแอเหมือนผู้ใช้อสูรทั่วไป พี่ต้องระวังเขาให้ดี ๆ ” หลังจากที่เห็นพวกนี้ วานเซ่ก็เตือนหวังเย่า
หวังเย่ามองไปที่เกราะโน้มถ่วงที่พวกนั้นใส่ก่อนจะมองไปที่คนด้านหลัง “ฉันคิดว่าเขาตายไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมาที่นี่ ดูเหมือนว่ากองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเขาจะเป็นตระกูลหยุนสินะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า วานเซ่และวานซิดต่างก็มองไปที่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด นี่คือดูฉีชุยที่หนีไปได้
“เขานั่นเอง ! แต่เขากลายร่างเป็นเงาแบบนั้นได้ยังไง ? ” วานซิดมองดูฉีชุยด้วยสีหน้าแปลกใจ ตอนนี้ร่างของดูฉีชุย เป็นเหล็กเหมือนกับหุ่นยนต์
“ครั้งที่แล้วพี่เย่าทำลายกระดูกเขาหมดแล้ว มีแค่เทคโนโลยีของตระกูลหยุนเท่านั้นที่ทำให้คนปางตายแบบนี้ฟื้นฟูกลับมาได้ในเวลาอันสั้น” วานเซ่ไม่ได้แปลกใจเมื่อรู้เกี่ยวกับตระกูลหยุน
“ครั้งที่แล้วเขากลับหนีไปได้ ! ” วานเซ่มองดูฉีชุยด้วยสายตาแค้นเคือง
เพราะอีกฝ่ายมีลูกปัดน้ำกับตัว เขาไม่ทันระวังตัวก็โดนขัง เขาจึงยากจะจัดการอีกฝ่ายได้
แต่แล้ว ตอนนั้นก็มีแสงสีทองส่องประกายขึ้นมาในโรงละคร ท้องฟ้าเหมือนจะมีดวงอาทิตย์สีทองปรากฏขึ้นมา ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นดูและพบว่ามีหลายคนเดินทางมาที่นี่โดยแต่ละคนต่างก็เปล่งแสงสีทองออกมา
แสงสีทองนี้ให้ความรู้สึกสูงส่ง ที่แม้แต่แสงอาทิตย์ก็ยังด้อยกว่า
ร่างในแสงสีทองที่ราวกับเทพจนทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกย่อง โชคดีที่มีคนแข็งแกร่งอยู่ที่นี่หลายคน แม้ว่าพลังจะแข็งแกร่งแต่ก็ยังพอต้านทานได้ระดับหนึ่ง
“ทำไมพวกนั้นถึงได้มาที่นี่ได้ ? ” เมื่อเห็นแสงสีทองเหล่านั้น วานเซ่ก็ร้องออกมาด้วยความแปลกใจ
“นายรู้หรือว่าพวกนี้มาจากไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
วานเซ่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “เผ่าสามตาน่ะแข็งแกร่งก็จริง แต่การเปิดดินแดนนรกในครั้งนี้พวกเขาจำเป็นต้องมีตั๋วในการเข้าร่วม แม้ว่าจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจจะมองข้ามกฎนี้ได้”
เทพธิดาน้ำแข็งมองไปที่แสงสีทองที่พุ่งลงมาด้วยสีหน้าเฉยเมย เธอไม่ได้หวั่นไหวกับพลังของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เผ่าสามตาคือเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลตอนนี้ การที่พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะทำลายค่ายกลคัดกรองเข้ามาแบบนี้
หากอีกฝ่ายมีตั๋วผ่านเข้ามา งั้นเธอก็จะรับรู้ได้
“ กฎของเขตดาวโบไลด์นั้นฉันจะไม่ฝ่าฝืน แค่ตั๋วไม่กี่ใบเรามีอยู่แล้ว” แสงได้สลายไปพร้อมกับชายวัยกลางคนในเกราะสีทองได้โบกมือให้กับผู้คนด้านล่างก่อนที่จะมีตั๋วลอยเข้าไปหาพวกเขา
พวกคนที่โดนแย่งตั๋วไปพากันโกรธ เผ่าสามตาน่ะไม่เห็นพวกเขาในสายตาแม้แต่น้อย
“เอาคืนมา ! ” ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นจับตั๋วเอาไว้ เพื่อนอีกสองคนก็พากันดึงเขาเอาไว้
แต่ทันทีที่สามคนเคลื่อนไหว พวกเขาก็เห็นหอกสีทองยาวกว่า 10 เมตรพุ่งลงมาจากฟ้าแทงเข้าใส่ทั้งสามคนทันที ทั้งสามพยายามจะตอบโต้ หนึ่งในนั้นได้เรียกสัตว์อสูรของตัวเองออกมา
“ฮึ่ม ! ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ! ” ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นก่อนจะสะบัดลงไป ค่ายกลที่ทั้งสามคนนั้นใช้โดนหอกแทงทะลุ โล่ได้พังลงพร้อมกับสัตว์อสูรที่โดนแทงที่หัวจนตาย
อีกสองคนกำลังจะลงมือ แต่เมื่อเห็นสามคนโดนโจมตีแบบนั้นและถึงเสียสัตว์อสูรไป พวกนั้นก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา
พวกนี้เลเวลสูงกว่า 130 หนึ่งในนั้นเลเวลเกือบ 150 มันเห็นได้ว่าชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
“เรามีตั๋วแล้ว เราก็มีสิทธิ์เข้าร่วมแล้วสินะ ? ” ชายหนุ่มคนหนึ่งกางมือออกพร้อมกับตั๋วอีก 5 ใบ
เทพธิดาน้ำแข็งมองอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเผ่าสามตาก็เข้าร่วมได้”
“บอกกันว่าเผ่าสามตาน่ะเย่อหยิ่ง มันเป็นแบบที่เขาพูดกันมาจริง ๆ ชายหนุ่มคนนี้ถึงกับกล้าทำตัวแบบนั้นกับเทพธิดาน้ำแข็ง” โม่ยู่หลินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชมชายหนุ่มคนนี้
“เขาไม่กลัวเทพธิดาน้ำแข็งรึไง ? ที่นี่เป็นเขตดาวโบไลด์ เทพธิดาน้ำแข็งไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง แต่ยังเป็นคนปกครองที่นี่ แม้ว่าจะมีพี่ฟู่หมิงอยู่แต่ก็อาจจะรับมือไม่ไหว” หวังเย่าพึมพำออกมา
วานเซ่กรอกตาใส่และพูดขึ้น “เธอไม่ลงมือกับพวกนี้หรอก อีกฝ่ายคือเผ่าสามตา ในจักรวาลมีกองกำลังแค่ไม่กี่แห่งที่กล้าหาเรื่องพวกนี้ พวกนี้น่ะไม่เคยเห็นค่าใคร ทุกคนนั้นชินกันแล้ว”
“และ…” เขาชี้ไปที่อีกสี่คนที่เหลือและพูดขึ้น “สี่คนนั่นก็ไม่ธรรมดา แม้ว่าเทพธิดาน้ำแข็งจะลงมือ แต่พวกนั้นคงไม่คิดอยู่เฉย”
สี่คนนี้ทัดเทียมกับเทพธิดาน้ำแข็งได้เลยรึไง ?
“การแข่งขันครั้งนี้พวกนี้น่ะอันตรายที่สุดแล้ว แต่คนพวกนี้ไม่คิดจะลงมือกับคนอ่อนแอ” วานเซ่พูดขึ้น
เทพธิดาน้ำแข็งมองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นมา “พรมแดนของดินแดนนรกคือหนึ่งในเขตสวรรค์ทั้งสามของเขตดาวโบไลด์ มันคือที่สำคัญที่สุดที่ผนึกเอาไว้ ไม่ใช่แค่มีโอกาสมากมาย แต่ยังมีอันตรายหลบซ่อนอยู่นับไม่ถ้วน พรมแดนดินแดนนรกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีอันตรายแตกต่างกันออกไป แม้แต่คนที่แข็งแกร่งก็อาจจะตายได้ สถานการณ์แน่ชัดนั้นแม้แต่ฉันที่เป็นผู้ปกครองก็ยังไม่แน่ใจ หวังว่าทุกคนจะเตรียมตัวให้พร้อม”
คนส่วนมากพากันกังวลนิด ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเทพธิดาน้ำแข็ง แม้แต่คนแบบเธอก็ยังบอกว่ามันมีอันตรายอยู่
กองกำลังอื่น ๆ ได้ยินสถานการณ์ของที่นี่มาและรู้ว่าเทพธิดาน้ำแข็งไม่ได้ปิดบังอะไร
“หลังจากนี้ ค่ายกลส่วนนอกของดินแดนนรกจะหายไป เมื่อค่ายกลหายไป พวกนายก็จะเข้าไปได้ เตือนไว้ก่อนว่าหลังจากที่ลงไปที่ฐานด้านล่างแล้ว ค่ายกลทั้งเจ็ดจะทำงาน มันทรงพลังกว่าค่ายกลด้านนอก” เทพธิดาน้ำแข็งพูดขึ้น
ทันทีที่เทพธิดาน้ำแข็งพูดจบ โล่หลากสีก็ได้ปรากฏขึ้นทั่วทั้งยาน มันเหมือนกับจอที่แสดงสถานการณ์ในที่ต่าง ๆ ให้ทุกคนได้เห็นถึงทวีปด้านล่างและค่ายกลที่ทรงพลัง
“ถึงกับใช้ค่ายกลปกคลุมทั้งทวีป ! ” หวังเย่าอุทานออกมา
“นี่แค่ส่วนนอก หากค่ายกลด้านในทำงาน พลังของมันคงน่ากลัวกว่านี้” โม่ยู่หลินพูดขึ้น
“พี่ ไปเถอะ ฉันจะแนะนำคนให้รู้จัก” ในตอนที่ค่ายกลยังไม่หยุดทำงาน วานเซ่ก็ได้ลากหวังเย่าเดินไปที่เวที
“นายจะพาฉันไปไหน ? ” หวังเย่ามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง” วานเซ่ทำตัวลึกลับ
ก่อนที่เขาจะขึ้นไปบนเวที วานเซ่ก็โบกมือให้กับผู้ชายบนเวที “พ่อ ผมมาแล้ว ! ”
“ฉันไม่ได้ตาบอด ฉันเห็นนายแล้ว ! ” ชายกำยำพูดขึ้นและมองมาที่วานเซ่
“ผมพาคนมาแนะนำให้รู้จัก” วานเซ่ลากหวังเย่าไปหาอีกฝ่ายและพูดขึ้น “ นี่คือพี่หวังเย่า อย่างที่ผมบอกไปในจดหมาย”
หวังเย่ามองไปที่ชายวัยกลางคน แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูอายุแค่ 40 ปี แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและดูมีเสน่ห์
แต่หวังเย่ารู้ว่าอายุของชายคนนี้จะต้องมากกว่าหมื่นปีแน่ ๆ แน่นอนว่าต้องเป็นพวกระดับสูงในจักรวาล
“หือ ? นายคือหวังเย่าสินะ ฉันได้ยินมาว่านายช่วยลูกฉันไว้ ฉันต้องขอบคุณนายจริง ๆ ” ชายวัยกลางคนตบไหล่ หวังเย่าและยิ้มออกมา
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย” สีหน้าของหวังเย่าแน่นิ่งไป เขารีบป้องมือบอกกับอีกฝ่ายทันที
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ระดับความแข็งแกร่งของวานเรนในตอนนี้ แต่ชายคนนี้ก็ทัดเทียมกับคนอื่น ๆ บนเวทีได้
วานเซ่เห็นว่าหวังเย่าเกร็ง ก็ยกนิ้วและชี้ไปที่วานเรน “พี่ นี่พ่อฉันเองไง ! ”