ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 697 : การทดลอง
ตอนที่ 697 : การทดลอง
เมื่อเห็นว่าดูฉีชุยหนีไป แม้แต่หวังเย่าก็ไม่คาดคิดว่าพลังชีวิตของอีกฝ่ายจะสูงได้แบบนี้ การโจมตีเมื่อตะกี้นี้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคงอยู่ได้แค่อึดใจเดียวเท่านั้น แต่ใครจะไปคิดว่าดูฉีชุยจะยังรอดอยู่ได้แม้จะเหลือแค่วิญญาณก็ตาม ?
“อย่าเพิ่งไล่ตามไป เราไปช่วยคนกันก่อน” หวังเย่าหยุดแมวที่คิดจะไล่ตามไป
การไล่ตามดูฉีชุยนั้น หวังเย่ารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งนักแค่เลเวล 130 สำหรับหวังเย่าที่ตอนนี้เลเวล 135 และเกือบมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับเลเวล 140 แล้ว เขาสามารถขยี้อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
องค์กรใต้ดินนี้ก็โดนพวกเขาทำลายแล้ว แม้ว่าดูฉีชุยจะหนีไปได้แต่ก็ไม่ได้เป็นภัยอะไรมากเหมือนแต่ก่อน นี่ไม่ต้องพูดถึงกับการที่อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักจนต้องใช้วิธีลับในการหนีไป มันถือว่าพวกนี้ได้ชดใช้ไปอย่างมากแล้ว
หวังเย่าคิดถึงประตูอีกสามทางที่เหลือและบอกกับทุกคน “แบ่งกันเป็นสามกลุ่ม เจ้าแห่งแมวไปทางขวา แฟนธอมกับเอไนน์ไปทางซ้าย ส่วนฉันกับวานซิดจะไปตรงกลาง”
นี่คือการจัดทีมที่เหมาะที่สุดในตอนนี้แล้ว ยังไงซะดูฉีชุยก็หนีไปแล้ว มันจึงไม่ได้มีอันตรายใด ๆ แม้ว่าจะมีพวกลูกน้องหลงเหลืออยู่ แต่พวกนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แฟนธอมที่มีเอไนน์คอยช่วย ตราบใดที่อีกฝ่ายมีเลเวลไม่เกิน 120 ก็ไม่มีใครมาทำอันตรายได้
หลังจากที่พูดจบ หวังเย่าก็เดินไปที่อุโมงค์ตรงกลางโดยมีวานซิดตามไปติด ๆ แฟนธอม, เอไนน์ และแมวก็แยกย้ายไปตามที่หวังเย่าสั่ง
อุโมงค์ตรงกลางนั้นไม่ได้ยาวแบบที่คิดเอาไว้ มันมีเทียนอยู่ตามผนังเพื่อให้แสงสว่างกับทางเดิน มันไม่ได้ชื้นรึอับ ที่นี่ถือว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
“เธอรู้ไหมว่ามันนำไปสู่ที่ไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ฉันไม่รู้ ฉันกับพี่โดนเจอที่ห้องโถงด้านนอก พี่ฉันพยายามช่วยให้ฉันหนีออกไปได้ เขาพยายามปกป้องฉันเอาไว้และโดนจับไปแทน” วานซิดส่ายหน้า
เดินมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร หวังเย่าก็พบกับประตูหิน หวังเย่าเปิดประตูออกก่อนที่ทั้งสองจะพบกับห้องหิน
ห้องหินด้านในกว้างกว่าด้านนอก แค่พวกแก้วทดลองก็สูงกว่าตัวคนแล้ว มันวางเรียงรายตามผนังห้องเอาไว้ มันเต็มไปด้วยของเหลวสีน้ำตาลแดง บางอันก็มีก้อนเนื้อลอยอยู่
“พวกนี้มันคืออะไร ดูน่ารังเกียจจริง ๆ ! ” วานซิดเห็นก้อนเนื้อในหลอดแก้วก็ต้องแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
หลังจากที่หวังเย่าเห็นเขาก็ต้องขมวดคิ้ว ของแบบนี้ทำให้หวังเย่านึกถึงหนังที่เกี่ยวกับการทดลอง โลกนี้ยังด้อยกว่าโลกที่เขาจากมาอยู่มาก เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายมันยังไง
แต่หลังจากที่เห็นมันแล้วหวังเย่ากลับรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
“พี่” ด้านหลังห้องกลับมีเสียงร้องดังขึ้น หวังเย่าเดินตามเสียงไปก็พบกับวานเซ่ที่นั่งขดอยู่มุมห้อง
ตอนนั้นตัวของเขาชุ่มไปด้วยเลือด มือและขาของเขาโดนตะขอจิกเอาไว้ล่ามกับโซ่ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยเพราะโดนทรมาน ไม่รู้เลยว่าตัวเองมีบาดแผลมากเท่าไหร่
แม้แต่หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเห็นแบบนั้น “นายมาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง ? ”
วานซิดพยายามประคองพี่ของเธอออกมา แต่ตะขอกลับฝังลึกลงไปอีกจนวานเซ่ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “เธออยากฆ่าฉันเพื่อเอาสมบัติรึไง ? ตะขอนี่มันฝังอยู่ในตัวฉัน เธอดึงฉันออกไปไม่ได้”
“ฉันจัดการเอง” หวังเย่าเดินออกมาและมองไปที่ตะขอก่อนจะยกมือขึ้นจับที่ปลายตะขอ หวังเย่ารู้สึกได้ว่าตะขอนี้มีพลังบางอย่างซ้อนอยู่ พลังที่เหมือนจะจำกัดพลังของผู้ใช้อสูรเอาไว้ เขาใช้ไฟแผ่เข้าไปในตะขอก่อนที่จะมีควันดำลอยออกมา หลังจากที่ควันลอยออกมาแล้ว หวังเย่าก็รู้สึกว่าตะขอกลายเป็นแค่ก้อนเหล็ก ตอนนั้นเขาดึงมันออกมาได้อย่างง่ายดาย
“อึก ! ” วานเซ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามีพลังอะไรในตะขอแต่ความร้อนที่แผ่ออกมาจากตะขอก็ทำให้เขาปวดแสบปวดร้อนอยู่
หวังเย่ามองไปที่ตะขอทั้งสี่ที่มีควันดำลอยออกมา เขาได้ใช้ไฟหยินหยางกลืนมันเอาไว้ ควันดำเหล่านี้เหมือนจะกลัวไฟหยินหยางอย่างมาก มันลอยไปมารอบ ๆ แต่ไม่นานก็โดนไฟกลืนกินไป
“ตะขอพวกนี้มันอะไรกัน ? ” หวังเย่ามองไปที่ตะขอด้วยความสงสัยรวมถึงมองไปที่วานเซ่ที่นั่งหอบหายใจอยู่
“ขอบคุณที่ช่วย หากมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลย ! ” วานเซ่รีบขอบคุณหวังเย่าและมองไปที่ตะขอตรงหน้า
“ตะขอนี่เอาไว้ใช้จำกัดการเคลื่อนไหว แม้แต่การรบในระดับจักรวาล ของนี่ก็ถือว่าเป็นอาวุธลอบฆ่า มันผนึกการเคลื่อนไหวของผู้ใช้อสูรเลเวล 150 ได้ แม้แต่สัตว์อสูรก็ยากจะรับมือกับพลังของมันได้” วานเซ่พูดขึ้น
ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถึงเลเวล 150 หากไม่ใช่เพราะหวังเย่ามีไฟหยินหยางแล้ว คงไม่มีทางที่จะหลุดพ้นมันได้
เมื่อได้ยินคำพูดของวานเซ่ หวังเย่าก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา ถ้ารู้ว่ามันดีขนาดนี้ เขาคงหาทางเก็บตะขอเอาไว้ เพราะแม้แต่สัตว์อสูรเลเวล 150 ก็ไม่อาจจะทำอะไรตะขอนี่ได้
แต่โชคร้ายที่มันพังลงไปแล้ว
“ใช่สิ คนอื่นที่โดนจับไปอยู่ไหน ? นายรู้รึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
เป้าหมายในการเดินทางของเขาคือการช่วยวานเซ่กับคนอื่น ๆ เพื่อดูว่าคนที่หนุนหลังองค์กรนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
วานเซ่แสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมาเมื่อได้ยินหวังเย่าพูดถึงคนที่โดนจับตัวมา อีกทั้งวานเซ่ยังแผ่รังสีอาฆาตที่รุนแรงออกมา
“คุณเห็นหลอดทดลองด้านนอกรึเปล่า ? ” วานเซ่พิงกำแพงและเงยหน้ามองทั้งสองคนก่อนจะถามขึ้นมา
“พี่หมายถึงก้อนเนื้อพวกนั้นน่ะหรือ ? แน่นอนว่าเห็น ฉันไม่รู้ว่าพวกนั้นมีงานอดิเรกอะไร แค่มองก้อนเนื้อพวกนั้นก็ทำฉันแทบอ้วกแล้ว” วานซิดเอามือกุมอกและแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
“นั่นคือพวกผู้หญิงที่โดนจับตัวมา..” วานเซ่มองไปยังหลอดทดลองด้านนนอก “ก้อนเนื้อพวกนั้นคือผู้หญิงที่โดนจับตัวมา”
“พวกเธอถูกใช้เป็นหนูทดลอง มันคือการทดลองที่ผิดหลักมนุษย์ คนชุดดำจับพวกเธอขังกรงที่มีสัตว์อสูรและบังคับให้พวกนั้นผสมพันธุ์กันจนพวกเธอตั้งท้อง พวกที่ตั้งท้องไม่ได้รึรับการทรมานไม่ไหวก็จะถูกใช้ไปทดลองอย่างอื่นที่โหดร้ายกว่า”
“สุดท้าย..พวกเธอก็เป็นแบบที่เห็น นี่คือการกลายพันธุ์ของพวกเธอ บางคนให้กำเนิดลูกออกมา…ฉันน่าจะฆ่าพวกนั้นด้วยตัวเอง ! ” วานซิดกำหมัดและกัดฟันแน่น
หวังเย่าแปลกใจกับความจริงที่ได้ยิน เขาไม่คิดเลยว่าก้อนเนื้อพวกนั้นจะเคยเป็นคนมาก่อน เขาไม่คิดเลยว่าพวกชุดดำจะทำการทดลองกับคนแบบนี้ !
“ดูฉีชุย…ไอ้บัดซบ ! ” หวังเย่าแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา
แต่ทันใดนั้นเขากลับยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและหัวเราะออกมา ทุกคนต่างก็แปลกใจว่าทำไมเขาถึงหัวเราะ
“ดูฉีชุยไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้หรอก เพราะมันมีความแข็งแกร่งไม่พอที่จะทำเรื่องแบบนี้ เลเวลของมันแค่ 130 นายคิดว่ามันจะควบคุมเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองงั้นหรือ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“คุณหมายความว่า….” วานเซ่รู้ตัวทันที
“คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อาจจะเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ ดูฉีชุยเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่ง” หวังเย่าพูดขึ้น “ถ้านายอยากแก้แค้นให้พวกเธอ นายก็แค่ต้องลากกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังออกมาแล้วทำลายมันซะ”
“ผู้อาวุโส ฉันทำแบบนั้นคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้าคุณมีโอกาสก็ให้ฉันได้ช่วยจัดการพวกมันเถอะ” วานเซ่ยิ้มออกมาและพูดขึ้น
หวังเย่าโบกมือและพูดขึ้นมา “นายเลิกเรียกฉันว่าผู้อาวุโสได้แล้ว เรายังไม่รู้เลยว่าใครแก่กว่ากัน ! เรียกชื่อฉันเฉย ๆ ก็พอ”
ตอนนั้นแมวก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเล่มหนา เขาได้ส่งมันให้กับหวังเย่า “ข้าเจอมันในห้องของดูฉีชุย ดูเหมือนว่าจะเป็นบันทึก”
หวังเย่าเปิดหนังสือออกและพบว่าด้านในมีภาพโครงสร้างของคน นอกจากภาพวาดเหล่านั้นแล้วก็ยังมีคำอธิบายด้วย
แต่คำอธิบายนั้นไม่ได้มีหลักการใด ๆ หวังเย่าไม่เข้าใจ ทันใดนั้นวานเซ่และวานซิดก็เข้ามาดู และพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าจะเป็นบันทึกอธิบายร่างกายครึ่งมนุษย์ งั้นก็เป็นบันทึกเกี่ยวกับการทดลองนี้งั้นหรือ ? ”
หวังเย่าเปิดไปหน้าอื่นต่อ วานเซ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา ยิ่งหวังเย่าเปิดไปหน้าต่อไปเท่าไหร่ สีหน้าของวานเซ่ก็ยิ่งตรึงเครียดมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายเขาก็พูดขึ้น “คนพวกนี้ศึกษายีนส์ของครึ่งมนุษย์ แต่ยังทดลองไม่สำเร็จก็โดนขัดขวางเอาไว้”
ยีนส์ครึ่งมนุษย์ ?
หวังเย่าขมวดคิ้ว ยิ่งรู้ความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้ก็ยิ่งน่าตกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ