ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 678 : ปล้นร้าน
ตอนที่ 678 : ปล้นร้าน
แม้ว่าพวกชายชุดดำจะโดนกำจัดไปแล้วและแมวก็ได้หนีไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีปัญหาอยู่
อย่างน้อยก็มีผู้หญิงกว่าสิบคนที่หวังเย่าไม่อาจจะพาเดินทางกลับในระยะทางหลายพันไมล์ได้ในเวลาอันสั้น ผู้หญิงเหล่านี้สวมใส่แต่เสื้อผ้าที่บาง ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้แล้ว หากไม่มีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นแล้วก็ยากที่จะทนไหว
หวังเย่าพบกว่าหลายคนเริ่มหน้าซีดไปแล้ว ทั่วทั้งร่างกายเริ่มมีน้ำแข็งเกาะ หากอยู่ที่นี่ไปอีก 1-2 ชั่วโมง เดาว่าพวกเธอคงไม่รอด โชคดีที่มีฟู่หมิงอยู่ที่นี่ด้วย เรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาเอาสมบัติที่เหมือนกับแจกันออกมาก่อนจะสะบัดมือดึงพวกผู้หญิงเหล่านั้นเข้าไปด้านใน
“ มันมีมิติอยู่ด้านใน มันออกแบบมาเพื่อใส่สิ่งมีชีวิต แม้ว่าปกติแล้วจะไม่ได้ใช้กับมนุษย์แต่มันก็สามารถใช้กับมนุษย์ได้อยู่ ” ฟู่หมิงพูดขึ้น
มันทำให้หวังเย่าคิดถึงน้ำเต้า แต่ของสิ่งนี้มันสามารถจุคนได้
ตอนที่ทั้งสองรวมกับเสี่ยวหยิงกลับไปถึงโรงแรมก็เช้าแล้ว โรงแรมที่มีเรื่องวุ่นวายตลอดทั้งคืนในที่สุดก็สงบลง
เหอเจียเห็นว่าทั้งสองกลับมาก็เข้ามาต้อนรับก่อนจะรีบเข้าไปดูเสี่ยวหยิงด้วยความกังวล “ผู้อาวุโสทั้งสอง พวกครึ่งมนุษย์คนอื่น ๆ พวกเธอเจอปัญหาอะไรรึเปล่า ? ”
พวกคนที่โดนจับตัวไปหลายคนเป็นแขกของที่นี่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอ งั้นชื่อเสียงของโรงแรมก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย นี่คือโรงแรมที่สามีเธอพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างมันขึ้นมา
“ไม่ต้องกังวล ทุกคนปลอดภัยดี” หวังเย่าเห็นว่าเหอเจียกังวลก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ฟู่หมิงเอาขวดออกมาและเปิดฝาออกก่อนที่เหล่าหญิงสาวจะถูกส่งออกมา ทันทีที่พวกผู้หญิงปรากฏตัวขึ้น พวกเธอก็พูดคุยกันอย่างพอใจราวกับไม่ได้โดนจับตัวไปแม้แต่น้อย
หวังเย่าชื่นชมกับท่าทีของพวกเธอ พวกเธอดูคึกคักและมีชีวิตชีวาดี
ตอนนั้นแขกคนอื่นที่ได้ยินเสียงผู้หญิงก็พากันออกมาจากห้อง ตอนที่หลินฉีลงมาด้านล่างและเห็นว่าหวังเย่ากลับมาแล้ว เธอก็รีบวิ่งเข้ามากอดเสี่ยวหยิงเอาไว้และถามขึ้น “น้องเสี่ยวหยิง เธอไม่เป็นไรนะ ? ถ้าเธอบาดเจ็บตรงไหนรึรู้สึกไม่สบายอะไรก็รีบบอกมาได้เลย….”
หวังเย่ามองไปที่เอไนน์ที่กำลังเดินลงมาและถามขึ้น “เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม ? ”
“ทุกอย่างปกติดี หลังจากที่นายท่านออกไปแล้ว คนในโรงแรมก็พากันคุ้มกันที่นี่เผื่อว่าจะมีการโจมตีอีก แต่จนถึงเช้าก็ยังไม่มีคนน่าสงสัยปรากฏตัวขึ้นมา” เอไนน์พูดขึ้น
เมื่อรู้ว่าเสี่ยวหยิงไม่ได้บาดเจ็บ หลินฉีก็โล่งอกขึ้นมาทันที เธอเดินเข้าไปหาหวังเย่า เอไนน์เองก็เดินไปหาแฟนธอม และบอกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้ทั้งสองรู้
แขกคนอื่น ๆ ได้พากันมารับตัวคนของพวกเขา พวกเขารู้จากปากพวกผู้หญิงว่าเป็นหวังเย่าและฟู่หมิงที่ไปช่วยพวกเธอเอาไว้
แขกคนอื่น ๆ พากันเข้ามาขอบคุณหวังเย่าและฟู่หมิง เดาว่าหากพวกเขาต้องไปช่วยพวกเธอเอง มันคงไม่ราบรื่นแบบนี้แน่
ทั้งสองไม่ได้ใส่ใจกับคำขอบคุณ แต่กลับเตือนทุกคนว่าอย่าลดความระวังลง
“คนพวกนี้ลงมือมาหลายครั้ง แม้ว่าครั้งนี้จะผิดพลาดแต่พวกนั้นคงไม่หยุด แม้ว่าฉันจะไม่รู้เป้าหมายของพวกเขาในการลักพาตัวพวกผู้หญิงครึ่งมนุษย์ แต่เราก็ต้องระวังตัวเผื่อว่ามันจะเกิดขึ้นอีก” หวังเย่าพูดขึ้น
คนเหล่านั้นรู้ว่าหวังเย่าและฟู่หมิงสนิทกัน จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะให้ความสำคัญกับคำพูดของหวังเย่า
เมื่อจัดการเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายหวังเย่าก็โล่งอกขึ้นมา เขารู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าตั้งแต่การหาสัตว์อสูรให้กับเพื่อนและผนึกวิญญาณให้กับพวกนั้นแล้ว จากนั้นก็ไปกำจัดพวกอีกาดำแล้วยังมีเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงแรมอีก เขากับฟู่หมิงนั้นเดินทางหลายพันไมล์ในคืนเดียวเพื่อตามหาพวกที่ถูกลักพาตัว เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ แม้ว่าหวังเย่าจะมีร่างกายที่แข็งแรง แต่ก็ไม่อาจจะรับงานหนักแบบนี้นาน ๆ ได้ หลังจากที่เตือนทุกคนแล้วเขาก็ได้กลับไปที่ห้องพักและหลับไปทันที
ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาก็เป็นเช้าของวันใหม่แล้ว
มีหางส่ายไปมาบนหน้าของหวังเย่า ตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าหลินฉีนั่งอยู่บนอกของเขา
“นายท่าน นายตื่นแล้ว ! ” หลินฉีเห็นว่าหวังเย่าตื่นก็คึกขึ้นมาทันที เธอยิ้มออกมาก่อนจะมุดหน้าเข้าไปที่ซอกคอของเขา
หวังเย่าดึงเธอกลับมาและถามขึ้น “แล้วคนอื่นล่ะ ? ”
“พวกนั้นกินข้าวเช้าอยู่” หลินฉีตอบกลับ
“กินข้าวเช้า ? ” หวังเย่ารู้ว่าเขาหลับไป 1 วันเต็ม ๆ “ทำไมเธอถึงไม่ไปด้วย ? ”
“ฉันไม่หิว ฉันอยากไปซื้อของกับนายตอนที่นายตื่น” หลินฉีพูดขึ้น “ไปซื้อของกันเถอะ ฉันไม่ได้ออกไปเดินเล่นมานานแล้ว”
หวังเย่าเห็นท่าทีตื่นเต้นของเธอก็นึกถึงคนที่ทุกคนเรียกว่าเจ้าหญิง ตั้งแต่ที่เธอตามเขามา เขาก็ไม่ได้พาเธอไปเดินซื้อของหรือเที่ยวบ้างเลย
เขานึกถึงเชือกจิตที่เฟิงและคนอื่น ๆ พูดถึง มันบันทึกข้อมูลของคนเอาไว้ได้ เมื่อพวกนั้นอาสาจะจัดการกับเรื่องนี้ หวังเย่าก็ไม่คิดจะเข้าไปแย่งหน้าที่ แต่เมื่อเขามีเวลาเขาก็ไม่รังเกียจที่จะลองหาสิ่งที่เรียกว่าเชือกจิตนี้ดู
ตอนที่ทั้งสองแต่งตัวเสร็จและเดินมาด้านล่างก็พบว่าคนอื่น ๆ นั้นรออยู่แล้ว
แม้ว่าจะเป็นแค่เมืองในดินแดนนรก แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เล็กเลย บนท้องถนนมีผู้คนมากมาย มันมีร้านค้าอยู่ทั้งสองฝั่งถนนรวมถึงพวกร้านค้าแผงลอยด้วย
คนส่วนมากเป็นคนท้องถิ่น พวกเขามักจะเอาของมาขายในวันหยุด เพราะการขาดแคลนทรัพยากรที่นี่จึงทำให้ทุกร้านสร้างขึ้นมาแบบโบราณ มันไม่ได้มีประตูไฟฟ้า มันไม่ได้มีเซนเซอร์ตรวจจับ ทุกอย่างนั้นเป็นแรงงานคนทั้งหมด
แต่หวังเย่านั้นชอบบรรยากาศแบบนี้ มันทำให้รู้สึกว่าราวกับได้ย้อนกลับไปในช่วงโบราณ ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ดวงใดรึช่วงเวลาไหน ผู้หญิงก็ต้องคู่กับการซื้อของเหมือนเดิม
เอาสาว ๆ ตรงหน้าเป็นตัวอย่าง หลินฉีถือถุงใบใหญ่ ระหว่างทางเธอเข้าไปซื้อเสื้อผ้าทุกร้าน เอไนน์เองก็กินอย่างเดียว ในมือทั้งสองข้างถือขนมเอาไว้โดยมีแฟนธอมที่เดินตามมาพร้อมถือถุงจำนวนมาก
แม้แต่สาวใช้อย่างเสี่ยวหยิงก็ยังถือถุงเสื้อผ้าและถุงอาหารจำนวนมากโดยมีฟู่หมิงยืนอยู่ข้าง ๆ
“ตรงหน้านี้คือร้านของที่ระลึกที่นายตามหา นี่เป็นร้านเดียวในเมืองที่ขายเชือกจิต” ฟู่หมิงชี้ออกไป
ทุกคนพากันเดินทางไปที่ร้านตรงหน้า หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองที่ป้ายตรงหน้าร้าน มันมีชื่อว่า “ตู้หัวใจ”
“มันไม่เหมือนร้านขายของที่ระลึกเลย มันเหมือนร้านขายเครื่องสำอางมากกว่า” หวังเย่ามองดูชื่อร้านและยิ้มออกมา
ดินแดนนรกไม่ใช่ที่ที่สงบสุข มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาตอนไหนก็ได้ ในยามค่ำคืนจะมีผีหรือสัตว์อสูรที่ดุร้ายที่อาจจะเข้ามาในเมืองตอนไหนก็ได้ แต่ที่นี่กลับมีร้านขายของที่ระลึก ไม่รู้เลยว่าเจ้าของร้านนี้ไม่เข้าใจการค้าขายรึว่าเขามีความคิดที่แปลกประหลาดกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับหวังเย่า เขามาที่นี่ก็เพราะเชือกจิตเท่านั้น
หลังจากที่เข้ามาในร้าน หวังเย่าก็มองไปรอบ ๆ และพบว่าการตกแต่งนั้นเรียบง่ายแต่กลับดูหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือสินค้าต่าง ๆ ล้วนแต่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ มันมีแผงสำหรับอาวุธที่เรียงไว้เป็นอย่างดีด้วย
“เจ้าของร้านนี่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนเจ้าระเบียบ” หวังเย่าคิดในใจ
แต่ตอนนั้นกลับมีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ นั่นคือเสียงของฟู่หมิง “น่าสนใจดี ในที่เล็ก ๆ แบบนี้ไม่คิดว่าจะมีของมีค่าแบบนี้อยู่ด้วย”
เมื่อได้ยินที่ฟู่หมิงพูดแบบนั้น หวังเย่าก็ต้องแปลกใจ ที่ร้านเล็ก ๆ แบบนี้กลับทำให้เทพไฟกล่าวชมออกมาได้ อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ความคิดของหวังเย่าและชี้ไปที่แจกันแล้วพูดขึ้น “อย่ามองข้ามสิ่งที่อยู่ด้านในไป นายรู้ไหมว่ามันราคาเท่าไหร่ ? ”
หวังเย่ามองไปที่แจกันที่อีกฝ่ายพูดถึงซึ่งมีกิ่งของต้นพลัมปักเอาไว้อยู่
“1 ล้าน ? ” หวังเย่าตอบกลับ
เขาไม่รู้ราคาของเครื่องประดับสักเท่าไหร่โดยเฉพาะในเขตดาวโบไลด์ และราคา 1 ล้านที่เขาพูดออกไปนั้นก็ไม่ใช่น้อย ๆ สำหรับหวังเย่า
“แค่ล้านเดียวยังแตะมันไม่ได้เลย” ฟู่หมิงกลับส่ายหน้าและยิ้มออกมา
“มันมีค่าถึงพันล้านเลยรึไง ? ” หลินฉีพูดขึ้นมา “มันก็เป็นแค่แจกัน กินไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“สามเท่าของที่พูดมาคือราคาของแจกันนี่” ฟู่หมิงพูดขึ้น
“ว่าไงนะ ! ” หวังเย่าและคนอื่น ๆ มองไปที่แจกันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ราคามันสูงถึง 3,000 ล้านเลยหรือ
“เห็นนั่นไหม ? ” ฟู่หมิงชี้ไปที่ก้อนที่มีชั้นสีฟ้าปกคลุม “มันแลกแจกันได้ 2 อัน แต่อาจจะขาดไปอีกนิดหน่อย”
“6,000 ล้านเลยหรือ ? ” เสียงของหวังเย่าเริ่มสั่น
“ประมาณนั้น ! ” ฟู่หมิงพยักหน้าและพูดขึ้น
“พี่ ! ” หวังเย่าเริ่มแสดงสีหน้าจริงจังออกมา
“หือ” ฟู่หมิงมองไปที่หวังเย่าด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าหวังเย่าจะพูดอะไร
“มาปล้นร้านนี้กันเถอะ ! ” หวังเย่าดึงเอาดาบออกมาก่อนจะเดินไปที่ประตู