ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 676 : ปีศาจแมว
ตอนที่ 676 : ปีศาจแมว
“ไปดูกันเถอะ ! ” หวังเย่ามองไปตามทางที่ฟู่หมิงหายตัวไปและรีบตามไปทันที แฟนธอมเองก็ตามไปด้วยเช่นกัน
“หลินฉี เธออยู่ที่นี่ ตอนนี้ที่โรงแรมถือว่าปลอดภัยอยู่” เสียงของหวังเย่าดังขึ้นพร้อมกับร่างหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของหลินฉี
แม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ทันลงมือ แต่หวังเย่าก็ยังไม่สบายใจ ดังนั้นเขาจึงให้เอไนน์คอยดูแลหลินฉีที่นี่ แม้ว่าเอไนน์ จะอยู่แค่ระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่การป้องกันนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก มันยังมีคนแข็งแกร่งในเมืองอยู่ แม้ว่าคนพวกนี้คิดจะลงมือกับ หลินฉี แต่หากมีเอไนน์แล้วก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย
“เกิดอะไรขึ้น ? ” เอไนน์เห็นความวุ่นวายโดยรอบก็ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เพราะเธออยู่แต่ในแหวนมิติ เธอจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลินฉีมองไปที่เอไนน์ ก่อนจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เอไนน์ฟัง เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวหยิงหายตัวไป เอไนน์ก็แปลกใจอย่างมาก
“โชคดีในโชคร้ายที่ไม่ใช่เธอ คนพวกนั้นคงรู้แล้วว่าเสี่ยวหยิงไม่ใช่มนุษย์จิ้งจอก พวกนั้นไม่น่าจะทำอะไรเธอ เทพไฟก็ได้ออกไปช่วยแล้ว เสี่ยวหยิงคงไม่เป็นอะไร” เอไนน์พูดปลอบหลินฉี
“ขอบคุณเธอมากที่ปลอบฉัน แต่เทพไฟบอกว่าดูจากพลังลึกลับนี้ อีกฝ่ายอาจจะเลเวล 120 ฉันจะไม่กังวลได้ยังไง” หลินฉีมองออกไปด้านนอกด้วยสีหน้ากังวล
ฟู่หมิงรวดเร็วอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุด แต่ไม่ว่าหวังเย่าจะพยายามไล่ตามแค่ไหนก็แทบจะไม่ทัน หากอยากตามให้ทัน หวังเย่าได้แต่ต้องใช้สกิลใหม่ของตัวเอง
แน่นอนว่าการทำแบบนั้นต้องใช้พลังอย่างมาก มันถึงกับทำให้หวังเย่ามองฟู่หมิงในระดับที่สูงขึ้นไปอีก
หากมีคนแบบนี้อยู่บนดาวทมิฬ โปโปวิชและกองทัพคงโดนทำลายโดยที่ฟู่หมิงยังไม่ทันได้เหงื่อออกด้วยซ้ำ
“นายเร็วดีนี่ น่าแปลกใจ” ฟู่หมิงเห็นว่าหวังเย่าตามมาติด ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“พี่แทบจะทิ้งฉันเอาไว้ ฉันเลยต้องใช้พลังเต็มที่ แต่ก็แทบตามพี่ไม่ทันแล้ว” หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
เขตดาวโบไลด์นี้ใหญ่กว่าดาวอื่น ๆ อย่างมาก กฎของจักรวาลที่นี่แข็งแกร่งกว่าในดินแดนนรก ดาวระดับ170 นี้ทุกอย่างต่างก็ถูกจำกัดพลังเอาไว้
สัตว์อสูรรึผู้ใช้อสูรไม่อาจจะฝ่ากฎนี้ได้ มันคือกฎของจักรวาล ไม่งั้นแล้วด้วยความสามารถในการบินของหวังเย่า เขาคงไม่ใช้เวลามากแบบนี้ในการบินรอบดินแดนนรก
“เราต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะตามพวกนั้นทัน ? พี่รู้ตำแหน่งพวกนั้นรึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ตอนนี้เขาอยากรู้อย่างมากว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
แม้ว่าจะมีคนแข็งแกร่งอยู่ตรงหน้า แต่หวังเย่าก็รู้สึกว่าต้องรู้สถานการณ์ของอีกฝ่ายให้ได้ก่อน อย่างน้อยก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหนไม่งั้นแล้วอาจจะไม่มีวิธีรับมือ เพราะการที่อีกฝ่ายกล้าบุกเข้ามาในโรงแรมกลางดึกเพื่อลักพาตัวคนไป คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ฟู่หมิงยังบอกว่าอีกฝ่ายมีสัตว์อสูรเลเวล 120 นั่นคือตัวตนที่คอนข้างโดดเด่น ถ้ามันมีคนแบบนี้อยู่หลายคน งั้นถ้าจับคนพวกนี้ได้ไม่ใช่ว่าเท่ากับสร้างผลงานรึไง ?
ฟู่หมิงทำการล็อคเป้าหมายและพูดขึ้นมา “อาจจะไม่ถึงพันไมล์ อีกไม่นานก็ตามทัน แต่พวกนั้นยังเดินหน้ากันต่อ พวกมันน่าจะยังไม่ถึงที่อยู่”
“คนพวกนี้จับมนุษย์จิ้งจอกไปทำไม ? เอาไปทำการทดลองงั้นหรือ ? ” หวังเย่าคาดเดาเป้าหมายของคนกลุ่มนี้
“คิดมากทำไม ? ” ฟู่หมิงมองไปที่หวังเย่าแล้วเตือนขึ้นมา “เราแค่ตามพวกนี้ให้ทัน คนพวกนี้น่าจะไปหยุดที่รังของพวกมันนั่นแหละ”
เมื่อเห็นว่าฟู่หมิงเร่งความเร็วขึ้นกว่าเก่า หวังเย่าก็ต้องเพิ่มพลังของไฟหยินหยางขึ้นไปอีก ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ถ้าเป็นคนอื่นคงเหนื่อยและหมดพลังไปแล้ว”
ระยะทางพันไมล์สำหรับทั้งสองคนกินเวลาแค่ 1 ชั่วโมง ในตอนที่ไล่ตามนั้น หวังเย่ารู้สึกว่าอุณหภูมิโดยรอบเริ่มต่ำลงเรื่อย ๆ รอบ ๆ ไม่มีร่องรอยของผู้คน มันมีแต่หิมะ แต่หิมะเหล่านั้นไม่อาจจะเข้าใกล้ตัวทั้งสองคนได้เลย
มันมีภูเขาหิมะอยู่ทั่วทุกที่ มองออกไปภายนอกก็พบแต่สีขาวที่สะท้อนไปกับแสงจันทร์ยามค่ำคืน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาวทำให้มองทุกอย่างได้ชัดเจน และทำให้พวกเขามองได้ไกลกว่าเดิม แม้ว่าทั้งสองจะพึ่งการรับรู้โดยไม่ต้องใช้สายตาก็ตาม
เมื่อเห็นหุบเขาแห่งหนึ่ง ฟู่หมิงก็ปกปิดคลื่นพลังของตัวเองแล้วพุ่งลงไปที่ด้านล่าง
ลมเย็นถูกกันไว้โดยภูเขาทั้งสองด้าน ร่องรอยตรงทางเข้าหุบเขายังเหลืออยู่ ทั้งสองลงไปที่พื้นและพบรอยเท้าที่หิมะลากยาวเข้าไปในหุบเขา
“พวกนั้นอยู่ที่นี่ ! ” หวังเย่าเห็นชายคนหนึ่งโดนฝังไว้ในหิมะ เขาเดินเข้าไปดูและพบว่านี่คือชายวัยกลางคนในชุดดำ และด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้ ชายคนนี้ก็ตัวแข็งทื่อกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว ที่ท้องของเขามีแผลโดนฟัน มันมียาหล่นอยู่รอบตัวของเขาด้วย
“เขาตายไม่น่าจะเกิน 1 ชั่วโมง” หวังเย่ามองไปที่ศพนั้นและสรุปออกมา
“ดูเหมือนว่าเขาจะไล่ตามพวกนั้นมาเหมือนกัน” ไม่ไกลออกไปก็มีร่างในชุดดำนอนอยู่
“พวกนี้ตายไปแล้วหรือ ? ใครเป็นคนทำ ? ! ” หวังเย่าขมวดคิ้ว
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดนี้ไม่รู้เลยว่าดีรึแย่ คนพวกนี้กลับตายที่นี่แล้วพวกผู้หญิงที่โดนจับตัวมาไปไหน ? ในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่แบบนี้คนทั่วไปไม่อาจจะรอดได้
หวังเย่าลองตรวจสอบศพดูดี ๆ และพบว่าแผลนี้เกิดขึ้นมาจากอาวุธแหลมคม มันเป็นแผลร้ายแรง บางคนมีแผลฉีกขาด แม้ว่าจะดูไม่ร้ายแรงแต่แน่นอนว่าต้องเป็นผลงานของสัตว์อสูร
โดยรอบแล้วนอกจากรอยเท้าของคน มันยังมีรอยเท้าของสัตว์อยู่ด้วย รอยเท้าพวกนี้ใหญ่อย่างมาก มันเหมือนสัตว์อสูรขนาดใหญ่ รอยเท้ามันกระจัดกระจายไปทั่ว ชัดแล้วว่ามีการต่อสู้กันเกิดขึ้นที่นี่
สัตว์อสูรนั่นฆ่าคนพวกนี้รึไง ?
นี่คือสิ่งที่หวังเย่าคาดเดาไว้ แต่เขาไม่มั่นใจมากนัก ยังไงซะในดินแดนนรก สัตว์อสูรระดับเทพก็ไม่ธรรมดา แม้ว่าสัตว์อสูรส่วนมากจะล้มเหลวในการพัฒนา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีสัตว์อสูรระดับเทพที่นี่จริง ๆ
กั้วหงเองก็ยังเป็นถึงสัตว์อสูรเลเวล 150
แต่ตอนนั้นเอง หวังเย่าก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธของฟู่หมิงดังขึ้นมา
ท่าไม่ดีแล้ว !
สัตว์อสูรเลียเลือดที่เท้าของมัน มันมองมาที่ชายตรงหน้า มันรับรู้ได้ว่าชายตรงหน้านี้อันตรายกว่าพวกที่มันจัดการมาก่อนหน้านี้อย่างมาก
มันคืออสูรตัวใหญ่ที่สูงกว่า 10 เมตร มันมีรูปร่างคล้ายกับแมว
“สัตว์อสูร ! ” เมื่อเห็นร่างของผู้หญิงในปากของอสูรแมว ฟู่หมิงก็สีหน้าหม่นลง
ไฟสีทองระเบิดออกมาจากตัวของเขา มันทำให้หุบเขาร้อนขึ้นมาอย่างมาก น้ำแข็งและหิมะโดยรอบละลายไปอย่างรวดเร็ว
หมัดได้ต่อยออกไป พายุไฟได้รวมตัวกันเป็นหมัดขนาดกว่า 100 เมตรพุ่งลงมาจากฟ้า พยายามที่จะฆ่าอสูรแมวนี่
แมวก้มลงและวางร่างของผู้หญิงลงไปที่พื้นก่อนจะกระโดดขึ้นสูงหลายสิบเมตร มันสะบัดกรงเล็บของมันออกมา ในพริบตาก็มันก็สะบัดกรงเล็บมาได้หลายร้อยครั้ง
ใบมีดลมนับไม่ถ้วนขนาดกว้างหลายสิบเมตรก่อตัวขึ้นกลายเป็นพายุใบมีด พายุนี้ใหญ่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ในตอนที่มันปะทะกับหมัดไฟนั้นพายุกลับสูงถึง 100 เมตร
ปัง…
หมัดไฟและพายุมีดได้ปะทะกันจนเกิดเสียงระเบิดดังก้อง หมัดไฟมีพลังทำลายล้างที่สูงจนทำลายพายุมีดได้ แต่พลังของพายุมีดไม่ได้เสียเปล่า มันสามารถลดพลังของหมัดไฟไปได้อย่างมาก
แมวได้กางมือออกพร้อมกับใบมีดลมนับไม่ถ้วนได้ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือ จากนั้นมันก็ได้โจมตีออกมา
ใบมีดเหล่านั้นกลับโดนทำลายจนเกิดการระเบิดขึ้น !
ถึงทำลายใบมีดลมเหล่านั้นได้แต่หมัดไฟก็เหมือนจะหมดพลังลงเช่นกัน หมัดนั้นพยายามโจมตีเข้าใส่อสูรแมว แต่สุดท้ายแมวก็ยังหลบไปได้
ไฟได้ดิ่งลงมาพร้อมกับแมวที่กลับลงมาที่พื้นก่อนจะมองไปที่ฟู่หมิง
“แกกล้าทำร้ายคนของฉัน ! วันนี้แกต้องตาย ! ” ฟู่หมิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาสะบัดมือก่อนจะมีพายุไฟพุ่งเข้าใส่อสูรแมว ไฟราวกับคลื่นที่กลืนพื้นที่ในหุบเขาไปกว่าครึ่ง
อสูรแมวได้กระโดดขึ้นไปตามหน้าผาเพื่อหนีออกจากไฟที่พุ่งมาก่อนจะขึ้นไปยืนอยู่บนหน้าผาด้านบน
มันมองมาที่ฟู่หมิงด้วยสายตาโกรธแค้น ขนสีทองของมันมีกลิ่นเหม็นไหม้ลอยออกมา ถ้ามันไม่ใช่สกิลของมัน มันคงหนีจากการโจมตีนี้ไม่ได้
“แกหนีเก่งดีนี่ แต่แกไม่มีทางรอดไปได้อย่างแน่นอน ! ” ฟู่หมิงพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย
ตอนนั้นที่ด้านหลังของอสูรแมวกลับมีไฟสีทองดวงเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น จากนั้นไฟก็ขยายตัวขึ้น ในพริบตามันก็กลายเป็นลูกไฟที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายกิโลเมตร
อุกกาบาตไฟ !
อุกกาบาตได้พุ่งเข้าใส่อสูรแมว แม้ว่าอสูรแมวจะรวดเร็วแต่ก็ยากที่มันจะหนีได้
“เดี๋ยว ! ” แต่ตอนนั้นเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความกังวลของหวังเย่าก็ดังขึ้นมา