ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 674 : กองกำลังทหารโลกา
ตอนที่ 674 : กองกำลังทหารโลกา
ก่อนที่หลงปู้หยู๋จะแสดงสกิลใหม่ออกมา ฉันแนะนำว่าพวกนายควรถอยออกไปหน่อย” หวังเย่ายิ้มและถอยออกมา
“มันไม่เกินไปหน่อยหรือ ? พี่หลงได้สกิลอะไรมา ? ” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้นมาและถอยตามหวังเย่าไป
เฟิงที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น “ตะกี้นี้นายคงเห็นแล้วว่าการเพิ่มเลเวลของเขาอันตรายแค่ไหน เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาง่าย ๆ ”
หวังเย่าพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
พื้นดินปกคลุมไปด้วยหิมะหนา มันเหลือแค่หลงปู้หยู๋เพียงลำพังที่ยืนอยู่ใจกลางลาน เขามองไปที่คนที่ยืนอยู่ที่ริมกำแพงก่อนจะค่อย ๆ รวบรวมพลัง จากนั้นเขาก็ต่อยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ครืน…
หมอกกระจายออกมาทันที ที่พื้นดินที่นั่นได้เปลี่ยนเป็นทะเลไฟ หลงปู้หยู๋ยืนอยู่ใจกลางทะเลไฟโดยมีชั้นไฟครอบคลุมตัวของเขาเอาไว้ มันมีเงาของกิเลนไฟปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลังของเขา
กิเลนไฟ !
ปัง ปัง ปัง…
เขาฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่พลังจะเปลี่ยนเป็นมังกรไฟที่ม้วนตัวกลับลงมาอัดที่พื้น
พื้นดินสั่นไหวไปตาม พวกคนที่ยืนดูอยู่ต่างก็พากันเซไปมาทันที
ที่ลานกลับเกิดรอยร้าวขึ้นมาพร้อมกับเศษหินที่กระจายไปทั่ว
“พลังดูดีแต่ไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหนในการต่อสู้จริง ? ” โจวอวิ๋นพูดขึ้นมาด้วยท่าทีสงสัย
หวังเย่ามองไปที่โจวอวิ๋นแล้วอธิบายออกมา “นี่ยังไม่ใช่สกิลจริง ๆ ที่ใช้ในการโจมตี มันไม่ใช่พลังทั้งหมดของเขา สกิลนี้หากใช้กับศัตรูมันก็แค่ครึ่งหนึ่งของพลังที่เขามีก็เท่านั้น ถ้านายได้ลองสู้กับเขาแล้ว นายจะเข้าใจเองว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน”
“งั้นก็คงเป็นสกิลป้องกันสินะ ? ” โจวอวิ๋นพูดขึ้นมา
“นายมีสายตาที่ดีนี่” หวังเย่าหัวเราะออกมา
“มาลองดูหน่อย พี่หลงฉันจะฝึกกับพี่เอง” ลัวจ้าวฮวากระโดดออกมาก่อนจะเดินเข้าไปหาหลงปู้หยู๋
“ได้ ! ” เมื่อเห็นว่าลัวจ้าวฮวาเสนอตัว หลงปู้หยู๋ก็ยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขวาขึ้นพร้อมกับไฟที่ลุกไหม้ไปทั่วทั้งตัว และตอนที่ไฟดับลงก็เผยให้เห็นหลงปู้หยู๋ที่อยู่ในชุดเกราะสีทอง เกราะนี้ส่องแสงออกมาดูโดดเด่นอย่างมาก
“ลองใช้ดาบนายโจมตีฉันดู ! ” หลงปู้หยู๋ยักคิ้วและยิ้มออกมา
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” ลัวจ้าวฮวารู้ว่าถึงหลงปู้หยู๋จะไม่มีวิญญาณสัตว์อสูรแต่ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง และแน่นอนว่าการป้องกันของเกราะก็นี้ต้องไม่ธรรมดา
เขาค่อย ๆ ดึงดาบกระดูกออกมาจากตัว เขาใช้พลัง 70 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีหลงปู้หยู๋
ปัง !
ดาบที่ห่อหุ้มด้วยพลังได้ตัดเข้าใส่เกราะของหลงปู้หยู๋ หลงปู้หยู๋ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย ดาบกระดูกแทนที่จะตัดผ่านเกราะได้ แต่ลัวจ้าวฮวาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าดาบของเขากลับกระเด็นออกมา
อันตงจ๋ากางปีกออกและรีบบินไปรับตัวลัวจ้าวฮวาเอาไว้
“พี่หลง ฉันเองก็ขอลองหน่อย ! ” อันตงจ๋าเริ่มคันไม้คันมือขึ้นมาแล้ว
หลงปู้หยู๋พยักหน้าและยิ้มออกมา ที่ข้างตัวของเขากลับเกิดลมก่อตัวขึ้นพร้อมกับมือขวาที่พลิกไปมา
แสงส่องประกายขึ้นมาจากใต้เท้าของเขาพร้อมกับค่ายกลที่มองไม่เห็นก่อตัวขึ้นมาที่พื้น
การปรากฏตัวของค่ายกลนี้ทำให้ลัวจ้าฮวาชะงักไปทันที เขาได้แต่โจมตีหลงปู้หยู๋ด้วยพลังที่ไม่เต็มที่
ไม่ใช่แค่อันตงจ๋าที่โดนควบคุมโดยค่ายกลนี้ แม้แต่ลัวจ้าวฮวาก็ยังยกหมัดขึ้นและต่อยเข้าใส่หลงปู้หยู๋
ปัง !
หมัดทั้งสองอัดเข้าที่ตัวหลงปู้หยู๋แต่เขากลับยืนนิ่งราวกับภูเขา
ที่ใต้เท้าของเขากลับมีเสียงมังกรคำรามออกมา พลังที่อันตงจ๋าและลัวจ้าวฮวาโจมตีมากลับโดนดูดซับเอาไว้ก่อนจะใช้ออกมาใส่คืนทั้งสอง
หวังเย่ามองดูทั้งสามคนก่อนที่ข้อมูลของหลงปู้หยู๋จะปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา
ชื่อ : กิเลนไฟ เลเวล : 120 ระดับ : เทพขั้นต้นสกิล : เลือดมังกร สามารถร่ายไฟพิเศษได้ ไฟจะเปลี่ยนแปลงไปตามทักษะของผู้ใช้ ใช้เลือดของตัวเองในการประทับตราในตัวศัตรู มันจะสามารถควบคุมความคิดของศัตรูได้, มังกรทะยาน ใช้มังกรไฟ 3 ตัว มังกรไฟตัวแรกจะมองข้ามการป้องกัน 20 เปอร์เซ็นต์ของศัตรู มังกรไฟตัวที่สองมองข้ามการป้องกัน 30 เปอร์เซ็นต์ของศัตรู มังกรไฟตัวที่สามมองข้ามการป้องกัน 50 เปอร์เซ็นต์ของศัตรู หากมังกรไฟสองตัวไม่โดนการโจมตีของศัตรู งั้นมังกรไฟตัวที่สามจะมองข้ามการป้องกัน 80 เปอร์เซ็นต์ของศัตรู หลังจากที่สร้างความเสียหายให้กับศัตรูแล้วจะเพิ่มโอกาสหลบหลีกให้กับตัวเอง 50 เปอร์เซ็นต์เทคนิคอสูร : เกราะทอง ใช้เกล็ดปกคลุมร่างกายเพิ่มการป้องกัน 300 เปอร์เซ็นต์ มองข้ามอาการบาดเจ็บ 60 เปอร์เซ็นต์เป็นระยะเวลา 60 วินาที ระหว่างนี้จะทำการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเอง 30 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่หมดเวลาลง ความเสียหายที่ดูดซับมาได้นั้นจะใช้คืนให้กับศัตรู, ดึงดูด หลังจากที่ใช้สกิลออกมาแล้วมิตรและศัตรูในระยะใกล้ไม่อาจจะใช้สกิลออกมาได้ มันเป็นการดึงดูดความสนใจของทุกคนและบังคับให้โจมตีใส่ตนเอง สกิลนี้กินเวลา 30 วินาที
ฟู่หมิงมองไปยังทั้งสามคนก่อนจะมองไปที่หวังเย่า “นายให้วิญญาณสัตว์อสูรนี่กับคนอื่น ฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นโชครึคำสาปกันแน่”
โจวอวิ๋นได้ยินแบบนั้นก็ถามขึ้นมา “แม้ว่าอาหลงจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ที่พี่จะพูดไม่เกินไปหน่อยหรือ ? ”
“พวกเขารู้แค่ว่าวิญญาณสัตว์อสูรนี้แข็งแกร่งแต่ไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของมัน”
เฟิงมองหลงปู้หยู๋อยู่นาน ก่อนจะละสายตากลับมามองที่หวังเย่า “ฉันรู้สึกว่าหลงปู้หยู๋ในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่ฉันก็ไม่อาจจะรับมือเขาได้”
หวังเย่ายิ้มออกมา “ไม่ใช่แค่พี่ที่รู้สึกหรอก ฉันเองก็คิดแบบนั้นแต่ยิ่งเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งมั่นใจกับการจะสร้างกองกำลังขึ้นมาที่นี่”
ฟู่หมิงมองไปที่หวังเย่า “ในเมื่อนายมีความคิดแบบนั้น งั้นฉันก็จะช่วยนายเอง”
เฟิงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา “หวังเย่า นายนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ เมื่อมีเทพไฟอยู่ด้วย ใครกันจะกล้ามาหาเรื่องนาย ? ”
ฟู่หมิงตบหลังเฟิงและยิ้มออกมา “นายมีสายตาที่ดี ในโลกนี้ผู้คนต่างก็รู้จักฉัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง”
“หือ งั้นหรือ”
หวังเย่ามองไปที่โจวอวิ๋นและพูดขึ้นมา “ โจวอวิ๋น นายคิดว่ายังไงกับเรื่องการสร้างกองกำลังขึ้นมา ? ”
โจวอวิ๋นมองไปยังทั้งสามคนที่ลาน ลัวจ้าวฮวาและอันตงจ๋าไม่อาจจะทำอะไรหลงปู้หยู๋ได้เลย
ก่อนที่เขาจะละสายตากลับมาและพูดขึ้น “ถ้าเรายังเรียกมันว่ากองกำลังทหารโลกาดังเดิมเหมือนตอนที่นายก่อตั้งบริษัทขึ้นมาก็คงจะดี เราต่างก็เคยเป็นสมาชิกของกองกำลังทหารรับจ้างนั้นมาแล้ว มันมีความหมายกับเราอย่างมาก”
“กองกำลังทหารโลกา มันเป็นชื่อที่ดี ! ” หวังเย่าพูดขึ้น
“เมื่อเรียกมันว่ากองกำลังทหารโลกา งั้นฉันคงได้เป็นผู้ดูแลกองกำลังนี้ใช่ไหม ? ” ฟู่หมิงถามขึ้นมา
หวังเย่าส่ายหน้า “ไม่ ฉันอยากให้พี่อยู่เบื้องหลัง พี่เฟิงจะเป็นคนดูแลกองกำลังนี้เอง ฉันคิดว่าน่าจะเหมาะกว่า”
เฟิงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา “ขอบคุณที่ชม ฉันอยากเข้าร่วมกองทหารนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะฉันรู้สึกว่าฉันกับต่งเหลิ่งต้องได้สะสางหนี้แค้นกันในสักวัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งของหลงปู้หยู๋ตอนนี้มีสิทธิ์เป็นหัวหน้ามากกว่าฉัน และการที่ฉันจะเป็นรองหัวหน้าก็ถือว่าเหมาะสมกว่า”
“พี่เฟิง..” โจวอวิ๋นอยากจะพูดบางอย่าง
เฟิงยกมือขึ้นห้ามและขัดขึ้นมา “เชื่อในมุมมองฉันสิ ฉันอาสารับตำแหน่งนี้เอง หากในอนาคตจะมีคนที่เหมาะกว่าฉัน ฉันก็จะยอมลงจากตำแหน่งนี้”
หวังเย่าเข้าใจนิสัยของเฟิง เขาจึงพูดขึ้นมา “ในเมื่อพี่เฟิงตัดสินใจแบบนั้น งั้นฉันก็ไม่คิดปฏิเสธ”
เฟิงยิ้มออกมา “ที่ดินแดนนรกแห่งนี้มีสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องมือสื่อสารทั่วไปไม่อาจจะใช้งานได้ เมื่อเราเป็นพวกเดียวกันแล้ว ฉันคิดว่ามันจำเป็นที่จะหาทางติดต่อกันไว้”
หวังเย่าพยักหน้า “พี่เฟิง มีความคิดอะไร ? ”
“มันมีร้านขายของที่ระลึกในเมือง เจ้าของร้านสามารถทำเชือกจิตได้ หลังจากที่หยดเลือดลงไป เราจะรับรู้ตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ บอกกันว่าเชือกจิตนี้มีบทบาทที่ว่าเมื่ออีกฝ่ายตายไป ตำแหน่งของเชือกนั้นจะโดนเผา มันสามารถใช้ดูได้ว่าเพื่อนเรายังอยู่ดีรึไม่” เฟิงพูดขึ้น
“เมืองนี้เต็มไปด้วยคนที่แข็งแกร่ง”
“ฟังจากที่พี่บอกแล้วฉันเองก็อยากไปที่ร้านนั้นบ้าง”
เฟิงเตือนขึ้นมา “แต่มีคนบอกกันว่าราคาในการทำเชือกจิตนั้นแพงอย่างมาก ยิ่งใช้เลือดก็ยิ่งราคาสูงขึ้นไปอีก”
“ไม่เป็นไรหรอก !”
“พี่เย่า พวกพี่คุยอะไรกันอยู่ ?” ลัวจ้าวฮวาเดินกลับมาและถามขึ้น
หวังเย่ามองไปที่หลงปู้หยู๋ “เรื่องตะกี้คงต้องรบกวนพี่เฟิงบอกให้พวกเขาฟังด้วย ฉันจะกลับที่พัก คืนนี้พวกนายพักกันที่นี่ไปก่อน ตอนนี้ยังไม่ดึก ฉันกับพี่ฟู่หมิงยังไม่ได้ดื่มด้วยกันเลย”
“พี่ฟู่หมิง พี่เย่า เดินทางปลอดภัย ”
แฟนธอมทำความเคารพทุกคนก่อนจะเดินตามหวังเย่าและฟู่หมิงออกมาเพื่อกลับไปที่โรงแรม
เมื่อมาถึงหน้าประตูโรงแรม พวกเขาก็พบกับฉากที่วุ่นวาย
นี่มันกลางคืนแล้วแต่ยังมีไฟถูกจุดขึ้นมา แขกแทบทุกคนต่างก็ตื่นขึ้นมา
หลินฉีเห็นว่าหวังเย่าและคนอื่น ๆ กลับมาก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยท่าทีกังวล “พี่ฟู่หมิง แย่แล้ว เสี่ยวหยิงหายตัวไป ! ”
“ว่าไงนะ ! ” หวังเย่าและฟู่หมิงต่างก็ตกใจ