ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 673 : วิญญาณสัตว์อสูร
ตอนที่ 673 : วิญญาณสัตว์อสูร
ที่บ้านพักของอูทา ตอนที่เอาไข่ออกมา ทุกคนต่างก็มาล้อมหวังเย่าเอาไว้
ตอนที่ไข่อยู่ในแหวนมิติ พลังงานในไข่ก็ถูกปกปิดเอาไว้แต่เมื่อเอามันออกมา พลังที่แข็งแกร่งของมันก็แผ่ออกมาโดยรอบ
ไข่นี่มีเปลือกสีทอง มันส่องแสงสีแดงออกมา ไข่นี้ราวกับว่ามันจะลุกไหม้กลายเป็นไฟ
“ชั้นด้านนอกดูเหมือนว่าจะเป็นไฟ” เฟิงพูดขึ้น
หวังเย่าพยักหน้า มันเป็นไฟจริง ๆ มันต่างจากพลังธาตุไฟทั่วไป มันสามารถกลืนไฟอื่น ๆ เพื่อเพิ่มระดับของตัวเองได้ แต่พลังของมันยังอ่อนแอกว่าพลังกฎ
ไฟของมันด้อยกว่าของหวังเย่า ดังนั้นหวังเย่าจึงไม่รู้สึกว่ามันจะทรงพลังอะไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสัตว์อสูรนี่พิเศษ
“กิเลนไฟคือลูกผสมของมังกรไฟกับกิเลน มันอารมณ์ร้ายกว่าพ่อแม่มัน มันยากที่จะควบคุมได้ ดังนั้นการทำให้เป็นวิญญาณจึงเป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุด”
หลงปู้หยู๋พูดขึ้น “ฉันไม่คิดมากอยู่แล้ว ยังไงซะนายก็เป็นผู้ดูแลที่เก่ง ถ้านายบอกว่าควบคุมมันได้ยาก งั้นก็ทำให้มันเป็นวิญญาณ มันจะได้ลดปัญหาไปด้วย ”
“ข้อดีมากกว่านั้น วิญญาณของมันจะไม่ได้รับการลงโทษจากสวรรค์ หากมันพบกับทางตัน มันก็จะไม่ได้อยู่ในอันตราย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันไม่ได้อ่อนแอกว่าสัตว์อสูรที่มีร่างมากนัก”
เฟิงพูดขึ้นมา “ใช่ แม้ว่าวิญญาณสัตว์อสูรของเราจะเลเวล 119 แต่ความแข็งแกร่งของมันก็ทัดเทียมกับสัตว์อสูรเลเวล 89 แต่มันมีสกิลมากกว่า เราจึงได้เปรียบในการต่อสู้ วิญญาณสัตว์อสูรนั้นไม่เหมือนกัน แต่วิญญาณสัตว์อสูรเลเวล 120 กับสัตว์อสูรเลเวล 115 นั้นถือว่าทัดเทียมกัน ความต่างชั้นจึงไม่ได้แสดงออกมามากนัก”
โจวอวิ๋นถามขึ้นมา “ฉันไม่รู้ว่าอาเย่าจะเพิ่มเลเวลให้หลงปู้หยู๋ถึงเลเวลเท่าไหร่ ? ”
อันตงจ๋าพูดขึ้นมา “ถ้าเลเวล 119 งั้นก็ไม่รู้เลยว่าต้องใช้ทรัพยากรเท่าไหร่ ยังไงซะมันก็เป็นสัตว์อสูรระดับเทพ”
หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ลองดูก่อน พยายามทะลวงผ่านไปให้ได้จนกว่าจะเจอกับทางตัน”
“หวังเย่า ฉันได้ยินมาว่าผลสมองราชาภูติกับแม่เหล็กเลือดน่ะหายาก มันจะดูไม่คุ้มที่จะใช้มันกับฉัน” หลงปู้หยู๋พูดขึ้น
“เราเป็นพี่น้องกันอย่าสุภาพเลย ยังไงซะฉันก็มีของพวกนี้มาก ไข่นี่ใช้อย่างมากก็ไม่เท่าไหร่ นายไม่ต้องคิดมากหรอกมาเริ่มกันเลยดีกว่า”
เมื่อพูดจบทุกคนก็พากันกระจายตัวกันออกโดยมีหวังเย่านั่งอยู่กับไข่ตรงกลาง
เขาวางมือลงบนไข่และหลับตาลงก่อนจะเปิดใช้งานระบบ
ยังไงซะสัตว์อสูรนี่ก็ใช้ทรัพยากรมากว่าสัตว์อสูรทั่วไป มันต้องใช้ระบบช่วยในการดูดซับสมุนไพร
หวังเย่าเลือกใช้ยาอาหารและเพิ่มดินพลังงานไปด้วยเพื่อฟักไข่นี่
เมื่อเห็นพลังงานที่ไหลจากมือของหวังเย่าไปที่ไข่ ลัวจ้าวฮวาก็แปลกใจขึ้นมา “การฟักนี่เหมือนจะต่างจากของเรา พี่เย่าไม่ได้ฉีดยาเข้าไป เขาทำได้ยังไง ? ”
“ขั้นตอนการฟักมันจะต่างกันออกไป สำหรับว่าทำไมเราถึงไม่เห็นเขาใช้ยา นั่นเป็นเพราะพี่เย่ามีเทคนิคที่สูงกว่านั้น” อันตงจ๋าพูดขึ้น
เฟิงมองไปที่หวังเย่าพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย
หลังจากนั้นสักพักไข่ก็เริ่มแตกออกพร้อมกับมีหัวกิเลนไฟโผล่ออกมา ตัวของมันมีเกล็ดสีทอง
ตัวของกิเลนไฟยังโผล่ออกมาได้ไม่หมด หวังเย่าก็แยกวิญญาณออกมาจากตัวมันก่อนจะทำให้มันอยู่ในร่างวิญญาณ
“หลงปู้หยู๋ นายเตรียมตัวให้พร้อม ! ” หวังเย่าเตือนให้หลงปู้หยู๋ลงไปนั่งและเตรียมร่างกายเอาไว้
มันเหมือนกับขั้นตอนก่อนหน้านี้ มือของหวังเย่าประกบไปที่แผ่นหลังของหลงปู้หยู๋ ก่อนที่ด้านหลังจะมีค่ายกลก่อตัวขึ้นมา จากนั้นวิญญาณกิเลนไฟก็หลอมรวมกับร่างหลงปู้หยู๋
เมื่อวิญญาณกิเลนไฟและหลงปู้หยู๋รวมกันเสร็จ ผมของหลงปู้หยู๋ก็ลอยขึ้น ที่ผมสีขาวข้างหูของเขามีเขางอกออกมา ตอนนี้เขาราวกับภูติทรงเสน่ห์
หวังเย่ายังวางมือไว้บนแผ่นหลังของหลงปู้หยู๋ เพื่อทำให้วิญญาณสงบลง เมื่อวิญญาณสงบลงแล้ว หวังเย่าก็ได้ทำการสลักอักขระเอาไว้
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ในเมืองปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ทั้งเมืองราวกับดินแดนวิเศษ
ตอนนั้นเกิดลมก่อตัวขึ้นมาจากที่โรงแรมแต่ก็ไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไรมากนัก
แต่เมื่อเลเวลของวิญญาณในตัวหลงปู้หยู๋เพิ่มขึ้น มันก็เริ่มมีเมฆดำมารวมตัวกันพร้อมกับสายฟ้าที่สะท้อนไปมา
“สัตว์อสูรนี่ถึงกับสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติขึ้นมาได้ ! ” เฟิงถึงกับอึ้งไป
“ระวังอย่าให้ใครเข้ามาใกล้” โจวอวิ๋นตะโกนขึ้นมา
ผ่านไปสักพักก็มีเงาดำปรากฏตัวขึ้นที่กำแพงของโรงแรม
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด” เมื่อเห็นศพที่กระจายไปทั่วก็มีคนตะโกนขึ้นมา
“น่าสนใจนิที่ผนึกวิญญาณเข้าร่างได้ด้วย”
“พี่ใหญ่ นั่นวิญญาณสัตว์อสูรในตำนาน แย่งมันมาให้ได้”
“ไม่ต้องกังวลไป รอให้พวกนี้ตายก่อนก็ได้”
“พวกแกเป็นใคร ? ” ลัวจ้าวฮวาดึงดาบกระดูกออกมาและมองไปที่กลุ่มคนแปลกหน้า
“เด็กน้อย ทิ้งเขาไว้ แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก” ชายคนนั้นมองไปที่ลัวจ้าวฮวาแล้วพูดขึ้นมา
รอบตัวหลงปู้หยู๋และหวังเย่าเกิดพายุขึ้นมา พลังงานจากตัวหวังเย่าได้โคจรเข้าไปในตัวหลงปู้หยู๋
เฟิงแสดงสีหน้าเคร่งเครียดและพูดขึ้นมา “พวกนี้อยากจะแย่งวิญญาณของกิเลนไฟไป หวังเย่า นายหยุดมือก่อนได้รึเปล่า ? ”
ที่หน้าผากของหวังเย่ามีเหงื่อผุดขึ้นมา เขากัดฟันแน่น “เมื่อเริ่มผนึกแล้วก็ไม่อาจจะหยุดมือได้ ถ้าดึงวิญญาณออกมาตอนนี้จะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของหลงปู้หยู๋อย่างมาก ! ”
“แย่ขนาดนั้นเลยหรือ ? ” เฟิงมองไปรอบ ๆ และรับรู้ว่ามีศัตรูซ่อนตัวอยู่
โจวอวิ๋นลุกขึ้นยืน “อาเย่า นายไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น ปล่อยให้เราจัดการเอง แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิต แต่ฉันก็สาบานว่าจะปกป้องนายเอาไว้”
“มีคนกำลังมาเพิ่ม ! ” อันตงจ๋าเห็นลำแสงที่พุ่งตัดอากาศมา เขาไม่ลังเลที่จะกางปีกออกแล้วทะยานขึ้นไปบนฟ้า
กรร…
เสียงเสือคำรามดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ถูกฟาดออกไป
อีกฝ่ายสลายพลังฝ่ามือไปได้ง่าย ๆ ก่อนจะปัดอันตงจ๋าให้ตกลงมา
“นายเป็นใคร ? ” เฟิงตะโกนถามออกมาเมื่อพบว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา
หวังเย่าใจสั่นแต่เมื่อหันกลับไปมองก็อดดีใจไม่ได้ “พี่ ! ”
ฟู่หมิงหันกลับมาพยักหน้าให้กับหวังเย่า เขายืนเอามือไพล่หลังและพูดขึ้น “พวกแกรีบหนีไปโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นแล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้าย ! ”
“รนหาที่ตาย ! ” พวกคนที่ซ่อนตัวอยู่ทนไม่ไหว พวกนั้นพุ่งเข้ามาโจมตีทันที
ฟู่หมิงยิ้มออกมา เขาชี้นิ้วออกไปก่อนจะมีกระสุนไฟพุ่งเข้าใส่ชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นกระเด็นออกไปแต่ไม่นานเขาก็โดนเผาจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“พี่สาม ! ” ชายอีกคนตะโกนออกมา ตอนนั้นเขากำลังจะพุ่งเข้ามา แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักไป
“นี่มัน เทพไฟ ! ” ชายคนที่คิดจะลงมือกับลัวจ้าวฮวาได้ตะโกนขึ้น
“เทพไฟ…” ทุกคนพากันตัวสั่นแทบจะยืนไม่ไหว
“ไปกันเถอะ” ชายคนนั้นจับตัวน้องของเขาเอาไว้แล้วรีบหนีไปทันที
“พวกนายจะอยู่ดื่มชากับฉันไหมล่ะ ? ” เฟิงมองไปรอบ ๆ แล้วตะโกนขึ้นมา จากนั้นชายชุดดำที่มีตาเหมือนกับเสือก็ได้วิ่งหนีออกไปทันที
อันตงจ๋ามองไปที่ฝ่ามือของตัวเองและพบว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขามองไปที่ฟู่หมิงและรู้สึกกดดันราวกับเผชิญหน้ากับขุนเขาอยู่
“เทพไฟ…” เฟิงเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขารีบป้องมือและคำนับฟู่หมิงทันที “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วย ! ”
โจวอวิ๋นและคนอื่น ๆ ไม่ได้โง่ พวกเขารีบคำนับทันที
“หวังเย่าเป็นน้องของฉัน เรื่องของเขาก็เป็นเรื่องของฉันด้วย พวกนายไม่ต้องสุภาพก็ได้”
ลัวจ้าวฮวากลืนน้ำลายและพูดขึ้นมา “เทพไฟยอมรับพี่เย่าเป็นน้องเลยหรือ ! ”
“ท่านฟู่หมิง” แฟนธอมเองก็ทำความเคารพ
ฟู่หมิงยิ้มรับ “เจ้านายของนายกำลังมีปัญหา นายยังไม่เรียกฉันอีก นายนี่ใจแคบจริง ๆ ”
แฟนธอมยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร
สุดท้ายการผนึกก็เสร็จสิ้น มันทำให้หวังเย่าโล่งอกอย่างมาก ตอนนี้ที่เขาต้องทำก็แค่เพิ่มเลเวลให้กับวิญญาณสัตว์อสูร ขั้นตอนนี้ไม่ได้อันตรายอะไรแล้ว
ด้วยการใช้ผลสมองราชาภูติ วิญญาณกิเลนไฟก็เพิ่มเลเวลขึ้นถึง 80 แต่หลังจากนั้นสรรพคุณของผลสมองราชาภูติก็ลดลงไป
ฟู่หมิงเห็นพลังงานที่ไหลออกจากตัวหวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “น้องฉันนี่เป็นคนที่แปลกจริง ๆ เขากลับใช้ตัวเองเป็นตัวส่งผ่าน หลังจากที่ดูดซับผลของยาแล้ว เขาก็ส่งมันเข้าไปที่วิญญาณสัตว์อสูร นายทำได้ยังไง ? ”
ฟู่หมิงไม่เข้าใจและไม่คิดว่าในจักรวาลนี้จะมีระบบอยู่ สุดท้ายเขาก็ต้องคิดหาเหตุผลที่จับต้องได้
“แต่มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยรึไงที่มาใช้ผลสมองราชาภูติพร่ำเพรื่อแบบนี้” ฟู่หมิงถอนหายใจออกมา
“หวังเย่านายใช้ผลสมองราชาภูติไปเท่าไหร่กัน ? ” ฟู่หมิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“5 ผล ! ” หวังเย่าตอบกลับ ยังไงซะตอนที่อยู่ในเหมืองเพื่อที่จะเพิ่มเลเวลให้กับแฟนธอม เขาก็เอาผลสมองราชาภูติมากินเล่นด้วยซ้ำ
“พระเจ้า ! ” ลัวจ้าวฮวาอึ้ง ต้องรู้ก่อนว่าวิญญาณสัตว์อสูรของพวกเขาเลเวล 119 ใช้ผลสมองราชาภูติไปแค่ 1 ผลกับแม่เหล็กเลือด 1 อันเท่านั้น แต่ดูจากระดับการเพิ่มเลเวลของหลงปู้หยู๋แล้ว มันต้องใช้ทรัพยากรเท่าไหร่กัน ?
“แต่ฉันพบว่าการใช้ผลสมองราชาภูติเริ่มให้พลังน้อย ฉันเลยจะเปลี่ยนมาให้แม่เหล็กเลือด” หวังเย่าพูดโดยไม่ได้แสดงท่าทีเสียดายออกมาแม้แต่น้อย
“เอาแม่เหล็กเลือดมาให้ฉันสิ ฉันจะช่วยนายกลั่นหลอมมัน” ฟู่หมิงพูดขึ้น
“งั้นก็ต้องรบกวนพี่ด้วย” หวังเย่าส่งแม่เหล็กเลือด 10 ก้อนให้กับฟู่หมิงทันที
ฟู่หมิงรับแม่เหล็กไป เขากางมือออกก่อนจะมีไฟลุกขึ้นมา จากนั้นแม่เหล็กเลือดทั้ง 10 ก้อนก็โดนโยนเข้าไปในไฟ จากนั้นมันก็เริ่มกลั่นหลอมกลายเป็นยาขึ้นมา
“นี่…คือการปรุงยางั้นหรือ ? ” โจวอวิ๋นถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
เฟิงตบไหล่โจวอวิ๋นและพึมพำออกมา “เทพไฟคือหนึ่งในนักปรุงยาที่เก่งที่สุดในจักรวาล นายจับตาดูไว้ให้ดี”
“อืม” โจวอวิ๋นตอบกลับ
ในพริบตาแม่เหล็กเลือดทั้ง 10 ก้อนก็เปลี่ยนเป็นเม็ดยาสีขาวราวกับหยก ผิวของมันเหมือนมีเมฆลอยอยู่
“พี่นี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! ” หวังเย่ารับยามาและรู้สึกได้ถึงพลังที่บริสุทธิ์กว่าเดิม เขาไม่ลังเลที่จะกำยาพวกนั้นไว้แล้วใช้มืออีกข้างประกบไปที่แผ่นหลังของหลงปู้หยู๋ ก่อนจะเปิดใช้งานระบบอีกครั้ง
ภายใต้สายตาของทุกคน มือของหวังเย่าก็ส่องแสงออกมา พลังของเขาได้ไหลเข้าไปในวิญญาณในร่างของหลงปู้หยู๋
80, 81….90 !
เลเวลยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดพัก มันมีเสียงคำรามของกิเลนไฟดังออกมาจากตัวหลงปู้หยู๋
“แกร่งจริง ๆ ” อันตงจ๋าพูดขึ้น
“ฉันรู้สึกว่าพี่หลงแกร่งกว่าฉันไปแล้ว ! ” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจ
100…105….110 !
เลเวลยังเพิ่มขึ้น เมฆดำบนท้องฟ้าก็เริ่มมีสายฟ้าส่องประกายบ่อยขึ้น ลมพัดหวนรุนแรงขึ้นมา หิมะเริ่มตกมาอีกรอบ
“หิมะตกอีกแล้ว ! ” ลัวจ้าวฮวากางมือออกมารับหิมะที่ตกลงมาก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาอยู่ที่นี่มีหลายปีแต่เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก
111,112, …..119 !
“เลเวลมันขึ้นถึงเท่าไหร่แล้ว ? ”
แรงกดดันทำให้ทุกคนแทบไม่อาจจะหายใจได้ บนหัวของหลงปู้หยู๋ มีร่างของมังกรไฟและกิเลนปรากฏขึ้นมา สุดท้ายเลเวลของมันก็ขึ้นไปถึง 120 ภาพทั้งสองได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันก่อนที่ร่างนั้นจะพุ่งกลับเข้ามาในตัวของหลงปู้หยู๋
“เรียบร้อย ! ” หวังเย่าสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วลุกขึ้น จากนั้นเขาก็กางมือออกและมองไปที่ฟู่หมิง
“ฉันใช้ไปแค่ 5 อัน ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ฉันกลัวว่าแม่เหล็กเลือด 10 อันก็คงไม่พอ”
ฟู่หมิงชื่นชมหวังเย่าอย่างมาก “นายไม่สนว่าต้องเสียอะไรไปเพื่อช่วยเพื่อน ฉันมองนายไม่ผิดจริง ๆ ”
หวังเย่ายิ้มออกมา “ถ้าพี่ต้องการผลสมองราชาภูติก็บอกฉันได้ตลอด แม่เหล็กเลือด 5 ก้อนนี้พี่เก็บมันไว้ ถ้าพี่อยากได้มันเพิ่มก็มาหาฉันได้”
“ฉันรู้ว่านายมีสมบัติเยอะ งั้นฉันจะรับมันไว้ละกัน” ฟู่หมิงรับยาจากหวังเย่าทันที
“พี่หลง พี่รู้สึกยังไงบ้าง ? ” ลัวจ้าวฮวาเดินไปตรงหน้าหลงปู้หยู๋และกระซิบถาม
หลงปู้หยู๋ค่อยๆลืมตาขึ้น เขาเผยสีหน้ามั่นใจออกมา “ยอดเยี่ยมไปเลย ! ”
“เร็วเข้า รีบแสดงสกิลให้เราดูที ! ” อันตงจ๋าเริ่มอดใจไม่ไหว ไม่รู้เลยว่ากิเลนไฟจะมีสกิลแบบไหนกัน
“ได้” หลงปู้หยู๋ลุกขึ้นยืนก่อนจะพุ่งไปตรงหน้าหวังเย่า, ฟู่หมิง และคนอื่น ๆ
หวังเย่ายิ้มออกมา แม้ว่าจะรู้ถึงสกิลเหล่านี้อยู่แล้วแต่สกิลที่หลงปู้หยู๋ได้มาก็เหนือกว่าที่หวังเย่าคาดเอาไว้
เขาถึงกับสงสัยว่าไข่นี่คงเก็บไว้ให้ซิดดี้ไม่ก็ต่งเหลิ่ง แต่สุดท้ายมันกลับตกมาเป็นของเขาแทน