ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 672 : พี่น้อง
ตอนที่ 672 : พี่น้อง
หวังเย่าแนะนำทุกคนให้แฟนธอมรู้จัก
เฟิงและคนอื่น ๆ เพิ่งจะได้พบกับสัตว์อสูรในร่างมนุษย์เป็นครั้งแรก แม้ว่าเสี่ยวซวีจะอยู่ในร่างมนุษย์เหมือนกัน แต่เธอก็อยู่แค่ระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
ตอนนั้นหิมะได้หยุดตก ทุกอย่างได้กลับคืนสู่ความเงียบสงบ
เฟิงมองไปที่แฟนธอม และถามขึ้นมา “หวังเย่า นายคิดจะเข้าไปในดินแดนนรกเพื่อหาตัวเสี่ยวซวีรึเปล่า ? ”
ความแข็งแกร่งที่แฟนธอมแสดงออกมานั้นโดดเด่น หากนับรวมเสี่ยวซวีไปด้วย งั้นอนาคตของหวังเย่าต้องน่ากลัวเกินกว่าจะคาดถึงอย่างแน่นอน !
“เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนที่ดินแดนนรกจะเปิดออก ฉันต้องหาผู้ช่วยและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางเข้าไป” หวังเย่าตอบกลับ
“พี่เย่า ฉันอยากช่วยพี่” ลัวจ้าวฮวาเสนอตัว
“ฉันด้วย”
“ฉันเองก็ด้วย ”
ทุกคนต่างก็พากันพูดขึ้นมา
หวังเย่าส่ายหน้าและตบไหลลัวจ้าวฮวา “ขอบคุณพวกนายทุกคน แต่การเดินทางครั้งนี้อันตรายเกินไป มีคนต้องการตัวอสูรมิตินี้ไม่ใช่น้อยเลย การแข่งขันจะต้องดุเดือด ฉันต้องหาคนที่แกร่งกว่าฉัน ไม่อย่างนั้นเราอาจจะแพ้”
เฟิงพยักหน้า “ที่นายพูดก็มีเหตุผล ฉันได้ยินจากคนที่นี่บอกว่าครั้งนี้ดูเหมือนว่าพันธมิตรดวงดาวจะลงมือด้วย พวกเขาได้ส่งนักรบมา ความแข็งแกร่งอาจจะเลเวล 150 รึสูงกว่านั้น ฉันได้ยินมาว่าการเกิดใหม่ของเสี่ยวซวีในครั้งนี้ถึงกับทำให้ตระกูลสามตาสนใจ การที่เราจะไปกับหวังเย่านั้นมีแต่จะเป็นตัวถ่วง”
“ตระกูลสามตา….มันใช่ตระกูลหยางเว่ยรึเปล่า ? ” ลัวจ้าวฮวาถามขึ้นมา
เฟิงพูดขึ้น “เท่าที่ฉันรู้มา ตระกูลนี้เกี่ยวข้องกับหยางเว่ยจริง ๆ ”
ทุกคนรวมถึงหลงปู้หยู๋พากันสลดขึ้นมา
“ฉันขอรับไว้แต่น้ำใจก็พอ ขอบคุณพวกนายทุกคนมาก” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ แล้วตบไหล่หลงปู้หยู๋ การที่ได้เห็นเพื่อนเก่ายังปลอดภัยอยู่นั้นทำให้เขาพอใจอย่างมาก
“ใช่สิ พวกนี้คงมีใบขออนุญาตก่อตั้งกองกำลังสินะ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
โจวอวิ๋นยืดอกและพูดขึ้น “อยู่กับฉัน ! ”
เมื่อพูดจบ โจวอวิ๋นก็ได้ส่งเอกสารให้กับหวังเย่า
หวังเย่ารับมาดูและพูดขึ้น “นี่คือเอกสารสำหรับการก่อตั้งกลุ่มอีกาดำ”
หวังเย่ายังไม่ทันได้สั่ง แฟนธอมก็ได้สั่งค้างคาวให้บินไปที่ร่างของอูทา ก่อนจะเอาแหวนมิติออกมาจากศพ
“พี่เย่า ลองดูว่ามีอะไรอยู่ในแหวนบ้าง ” แฟนธอมส่งแหวนมิติให้กับหวังเย่า
หวังเย่ารับแหวนมาดูก่อนจะตรวจสอบและพบว่ามีเอกสารอยู่ในแหวนมิติอยู่ “ของทั้งหมดที่กลุ่มอีกาดำยึดมาอยู่ในนี้หมด”
หลงปู้หยู๋ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “หวังเย่า นายต้องการใบขออนุญาตไปทำไม นายคิดจะก่อตั้งกองกำลังขึ้นมารึไง ? ”
หวังเย่าเก็บของใส่แหวนมิติก่อนจะมองไปรอบ ๆ “ พวกนายคิดว่ายังไง ? ”
โจวอวิ๋นพูดขึ้นมา “เราไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก คนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มอีกาดำก็ยังไม่ตาย ถ้าเรายึดรังของพวกมันเอาไว้ ฉันกลัวว่ามันคงมีแต่จะสร้างปัญหาให้ตัวเราเอง”
อันตงจ๋าพูดขึ้นมา “ใช่ แค่คนเดียวที่อยู่เบื้องหลังพวกมันก็อันตรายพอแล้ว นี่ยังไม่นับคนอื่นอีก แค่นักเดินทางทั่วไปก็ฆ่าเราได้แล้ว”
“ฮ่าฮ่า..” หวังเย่าหัวเราะออกมา “พวกนายกลัวรึไง ? ”
ลัวจ้าวฮวาหรี่ตาลงและพูดขึ้น “กลัวกะผีสิ เรากลัวว่าเราจะสร้างปัญหาให้พี่ต่างหาก พี่คงต้องมาช่วยเราตลอด”
หวังเย่าหัวเราะออกมาอีกครั้ง “พวกนั้นกล้ามายึดสมบัติของพี่น้องฉัน ทำไมฉันจะปล้นพวกมันคืนไม่ได้ ? ถ้าฉันกล้าให้พวกนายอยู่ที่นี่ต่อ ก็เป็นธรรมดาที่ฉันจะไม่กลัวกลุ่มอีกาดำมาหาเรื่อง นอกจากนี้แล้วก็ยังมีร้านค้ามากมายที่นี่ พวกนายคงไม่รู้ว่าทุกคนต่างก็มีเบื้องหลังของตัวเอง ไม่งั้นแล้วพวกเขาไม่รอดมาจนถึงตอนนี้หรอก”
หลงปู้หยู๋กำหมัดแน่นและพูดขึ้น “หวังเย่าพูดถูก คนอื่นยังรอดมาได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ? หลายปีมานี้เราได้แต่ซ่อนตัว เราเสียเกียรติของตัวเองไป เราไม่เหมือนกับตอนที่เราอยู่ในโลกเดิม เราได้ข้ามโลกมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฉันคิดว่าแผนของ หวังเย่าต้องมีเหตุผล ถ้าเราเลือกทางอื่นคงเป็นการเสียเวลา เราคงอยู่รอดได้ไม่นาน”
เสียงของหลงปู้หยู๋ดังก้อง
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ แล้วพยักหน้า “ฉันจะให้พวกเราอยู่ที่นี่ แต่เป็นธรรมดาที่มันจะมีอันตรายอยู่บ้าง พวกนายลองคิดดู แม้ว่าสภาพแวดล้อมที่นี่จะแย่และเราต้องอยู่ในอันตรายตลอด แต่ที่นี่คือสวรรค์ในการบ่มเพาะตัวเอง ดาวเคราะห์ของเขตดาวโบไลด์อยู่ที่เลเวล 20 แต่เขตหวงห้ามทั้งสามอยู่ที่เลเวล 170 ที่นี่ไม่ค่อยมีคนแข็งแกร่งนัก มันเหมาะกับการใช้เป็นที่บ่มเพาะตัวเอง จนกว่าอสูรมิติจะกำเนิด ตอนนั้นพวกนักเดินทางจากที่อื่นก็จะยังไม่มาที่นี่ พวกนายแค่ต้องเผชิญหน้ากับพวกสัตว์อสูรและผีเท่านั้น”
โจวอวิ๋นเห็นด้วย “พวกที่พัฒนาสัตว์อสูรของตัวเองได้สำเร็จต่างก็ออกจากที่นี่ไปแล้ว ที่นี่เหลือแต่สัตว์อสูรที่ไม่อาจจะพัฒนาตัวเองได้ ด้วยความแข็งแกร่งของเราแล้ว เราก็พอปกป้องตัวเองได้”
หลงปู้หยู๋ , โจวอวิ๋น, อันตงจ๋า และลัวจ้าวฮวา ต่างก็เป็นทหารของหวังเย่ามาก่อน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหวังเย่าตัดสินใจ แต่เฟิงน่ะไม่ใช่
เฟิงเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ ฟังจากที่นายบอกมาแล้วที่นี่ก็เป็นที่บ่มเพาะที่เหมาะสม หากนายคิดจะก่อตั้งกองกำลังที่นี่ ฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยนาย”
หวังเย่ามองไปที่เฟิงแล้วยิ้มออกมา “พี่เฟิง พี่สบายใจได้ ถึงพี่อยากไปที่อื่น แต่ฉันก็จะชวนให้พี่อยู่ต่อเอง ฮ่าฮ่า…”
“งั้นก็ดี ” เฟิงเองก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน
“ใช่สิ อาเย่า นี่ตั๋วที่เรายึดมาได้ มันมีทั้งหมด 25 ใบ” โจวอวิ๋นส่งแหวนมิติที่มีตั๋ว 25 ใบให้กับหวังเย่า
เฟิงมองไปที่แหวนมิติในมือหวังเย่าและพูดขึ้นอย่างภูมิใจ “หวังเย่า ฉันกับหลงปู้หยู๋ได้ของดีมา ฉันอยากให้นายดูมันหน่อย”
“หือ ? อะไรกัน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
เฟิงหันไปหาหลงปู้หยู๋ ก่อนที่หลงปู้หยู๋จะส่งแหวนมิติให้กับหวังเย่า
หลังจากที่รับแหวนมิติมาแล้ว หวังเย่าก็ตรวจสอบด้านในก่อนที่จะแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
“เป็นยังไง ? ดีใช่ไหม ? ” เฟิงยักคิ้วและยิ้มออกมา
“สัตว์อสูรเทพ แน่นอนว่าต้องเป็นของดี ! ”
“ พระเจ้า เอาให้ฉันดูหน่อย” ลัวจ้าวฮวาตื่นเต้นขึ้นมา
หวังเย่าโยนแหวนมิติให้กับลัวจ้าวฮวาและคนอื่น ๆ ดู
“พี่มั่นใจหรือว่าจะยกให้ฉัน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เฟิงแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “แน่นอน ถ้าไม่เอาให้นาย ฉันก็จะรู้สึกว่าติดหนี้นายอยู่ ฉันคงกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่ ! ”
หวังเย่าพยักหน้า “ในเมื่อพี่ยกมันให้ฉันแล้ว ฉันจะทำยังไงกับมัน พี่คงไม่มีปัญหาสินะ ? ”
“แน่นอน” เฟิงตอบกลับ
หวังเย่าพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่หลงปู้หยู๋ “อาหลง นายยังไม่ขอบคุณที่ได้รับของขวัญจากพี่เฟิงอีกหรือ ?”
หลงปู้หยู๋อึ้ง “หวังเย่า นายคิดจะทำอะไร ? ”
“ไข่สัตว์อสูรนี่ ฉันยกให้นาย นายยังไม่ขอบคุณเขาอีกหรือ ? ”
“หวังเย่า นายไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ! ”
เฟิงแปลกใจกับการกระทำของหวังเย่า แต่เมื่อคิดดูดี ๆ แล้วเขาก็เสียงหัวเราะออกมา “หลงปู้หยู๋ เมื่อหวังเย่าบอกมาแล้ว นายก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก”
ตอนนี้ทุกคนต่างก็มีวิญญาณสัตว์อสูรกันหมดแล้ว ยกเว้นแค่หลงปู้หยู๋ ไข่ของกิเลนไฟนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือคุณสมบัติของมันต่างก็เหมาะกับหลงปู้หยู๋ การที่หวังเย่ายกมันให้กับหลงปู้หยู๋นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นและนึกถึงอดีต “ฉันจำได้ว่าตอนที่นายขโมยลูกกิเลนไฟมา นายเกือบตาย เราได้เดินทางด้วยกันจนกลายเป็นเพื่อนกัน ฉันบอกแล้วว่าฉันจะหาสัตว์อสูรที่ดีให้กับนาย ผ่านมาหลายปีสุดท้ายฉันก็ได้ทำตามที่รับปากเอาไว้ได้สักที นายคงไม่คิดจะปฏิเสธฉันหรอกนะ ? ”
หลงปู้หยู๋มองไปที่หวังเย่าก่อนที่ตาเขาจะแดงก่ำขึ้นมา “เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่นายยังจำได้อยู่อีก”
“แน่นอน ทั้งชีวิตฉันก็ไม่มีทางลืม” หวังเย่าพูดขึ้น
หลงปู้หยู๋ใจสั่น ปากของเขาสั่นอยู่นาน สุดท้ายเขาก็โค้งให้กับหวังเย่า “ขอบคุณ ! ”
เมื่อพูดจบเขาก็หันกลับไปหาเฟิง “ขอบคุณพี่เฟิง”
เฟิงก้าวออกมาจับไหล่หลงปู้หยู๋และหวังเย่าเอาไว้ “เราต่างก็เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย ไม่ต้องสุภาพไป”
“ใช่ เราคือพี่น้องกัน” อันตงจ๋าพูดขึ้นมา
“เราด้วย”
ทุกคนพากันก้าวออกมากอดกัน
แฟนธอมยังยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหลังของหวังเย่า แต่ก็รับรู้ได้ถึงความผูกพันของพวกเขา
“ไปที่บ้านพักของอูทากันก่อน หวังเย่าจะได้ผนึกวิญญาณให้กับนาย” เฟิงเสนอขึ้นมา
“ฉันก็ตั้งใจจะทำแบบนั้น” หวังเย่าพูดขึ้น
“มันคงหนักกับการผนึกวิญญาณ 5 ดวงในวันเดียว” โจวอวิ๋นพูดขึ้น
“ใช่ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันกลัวว่าพี่คงต้องพักไปหลายวัน ” อันตงจ๋ารู้จากเฟิงว่าการผนึกวิญญาณสัตว์อสูรนั้นยากแค่ไหน แม้ว่าในมุมมองของพวกเขาแล้ว สิ่งที่หวังเย่าแสดงออกมาจะไม่ได้ซับซ้อนแต่สำหรับคนอื่นต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ
“ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ไปกันเถอะ” หวังเย่าพูดขึ้นและมุ่งหน้าไปที่บ้านพักทันที