ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 668 : เริ่มแผน
ตอนที่ 668 : เริ่มแผน
ลมหนาวยังพัดหวนอยู่ด้านนอก แต่ด้านในนั้นไม่ได้หนาวเลย
กองไฟยังคงให้แสงสว่างทั่วทั้งห้อง และสะท้อนใบหน้าของหวังเย่ากับคนอื่น ๆ
โจวอวิ๋นได้วาดโครงสร้างที่อยู่ของกลุ่มอีกาดำและอธิบายแผนที่ “หลังจากที่โรงแรมโดนยึดโดยกลุ่มอีกาดำ เมื่อเข้าไปจากด้านหน้าก็จะพบกับห้องนั่งเล่นตรงกลางและที่พักของอูทาอยู่ด้านหลัง”
หวังเย่ามองไปที่แผนที่แล้วพยักหน้า “แล้วอูทามีสกิลอะไรบ้าง ? ”
เฟิงยกมือขึ้นมาและพูดขึ้น “เท่าที่ฉันรู้มา ระดับของอูทาน่าจะอยู่ที่เลเวล 125-130 มันผนึกอีกาดำไว้กับตัว มันเก่งเรื่องการโจมตีจากระยะไกล”
“มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย” หวังเย่าพูดขึ้นมา
“แล้วหลงปู้หยู๋ล่ะ ? เขาโดนจับตัวไว้ที่ไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนที่เราพบกับอูทา เขาได้พาหลงปู้หยู๋มาจากประตูหลังของห้องนั่งเล่น มันคือพื้นที่ระหว่างที่พักของเขากับห้องนั่งเล่น” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้น
หวังเย่าคิดสักพักแล้วชี้ไปที่แผนที่ “ให้พี่เฟิงเปลี่ยนร่างเป็นอีแร้งแล้วจับตาดูรังของพวกมันเอาไว้ เมื่อพบร่องรอยของ หลงปู้หยู๋ เราค่อยหาโอกาสลงมือ”
อันตกจ๋าขัดขึ้นมา “อาเย่า ฉันกลัวว่าคงทำแบบนั้นไม่ได้ อูทาบอกให้พี่เฟิงไปแลกเปลี่ยนด้วย ถ้าพี่เฟิงไม่อยู่ ฉันกลัวว่าอูทาอาจจะสงสัยได้”
หวังเย่ามองไปที่อันตกจ๋าแล้วยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็มองไปที่โจวอวิ๋น “นายลืมไปแล้วรึไงว่าเรามีมนุษย์พันหน้าอยู่ด้วย ? ”
อันตกจ๋าได้สติขึ้นมาและยิ้ม “พี่หมายความว่า…”
โจวอวิ๋นเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน จากนั้นตัวของเขาก็สั่นไหวก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นเฟิง “อาเย่า มนุษย์พันหน้า ฉันว่าฉันชอบฉายานี้”
“มนุษย์พันหน้า อีแร้งสายลม ฉันเองก็อยากได้ฉายาบ้าง” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้นมา
“นายไม่ต้องคิดหรอก ฉันคิดมาให้นายแล้ว ! ”
“อะไร ? ”
“เทพแห่งปัญหา ! เป็นยังไง นายชอบชื่อนี้รึเปล่า ? ”
“พี่..” ลัวจ้าวฮวาแยกเขี้ยวออกมาและมองไปที่หวังเย่า “พี่เย่า พี่ช่วยตั้งชื่อให้ฉันดี ๆ หน่อยสิ ! ”
หวังเย่าหัวเราะออกมา “ชื่อน่ะไม่สำคัญหรอก นายจัดการเรื่องของตัวเองให้ดี จากนั้นนายก็จะมีชื่อเสียงเอง”
อันตกจ๋าพูดขึ้นมาทันที “ที่พี่เย่าพูดน่ะถูก เรื่องชื่อเสียงน่ะไม่สำคัญ ถ้าฉันทำได้ดี คนอื่น ๆ ก็จะเห็นเอง ฉันไม่รีบร้อนอะไร ! ”
“ไร้สาระ” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้นมา
โจวอวิ๋นส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก่อนจะมองไปที่หวังเย่า “อาเย่า การที่ให้ฉันปลอมตัวเป็นพี่เฟิงน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ถ้าฉันไม่อยู่ด้วย ฉันกลัวว่าจะทำให้อูทาสงสัยน่ะสิ”
หวังเย่ายิ้มออกมา เขายกมือขึ้นเช็ดหน้าตัวเองก่อนที่เขาจะกลายเป็นโจวอวิ๋นทันที
ทุกคนพากันมองมาที่หวังเย่าด้วยความแปลกใจ
“พี่เย่า พี่มีอะไรบ้างที่ทำไม่ได้ ? พี่ถึงกับใช้สกิลของโจวอวิ๋นได้อีก ! ” ลัวจ้าวฮวาร้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
“ฉันใช้ภาพลวงตา แค่แตะก็พังแล้ว มันเทียบกับโจวอวิ๋นไม่ได้หรอก” หวังเย่าอธิบายออกมา
“พี่ว่างก็สอนฉันหน่อยสิ” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“เราคุยเรื่องแผนที่จะช่วยหลงปู้หยู๋กันก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง” หวังเย่าพูดขึ้นและมองไปที่แผนที่
หลังจากนั้นสักพักประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับทั้งห้าคนที่เดินออกมา
“เรามาเริ่มกันเลย”
แกร๊
เสียงนกร้องดังขึ้นพร้อมกับเฟิงที่ตอนนี้เปลี่ยนร่างเป็นอีแร้งก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปที่รังของอีกาดำ
ที่รังของกลุ่มอีกาดำ
ด้านนอกหิมะยังตกอย่างต่อเนื่องแต่ด้านในกลับร้อนอบอ้าว
อูทานั่งอยู่ตรงกลางและดื่มกับลูกน้องคนอื่น ๆ อยู่
“พี่ ทำไมเราไม่ส่งไข่สัตว์อสูรให้มันด้วยตอนที่เราเอาตั๋วไปให้กับมัน ? ” ชายตัวใหญ่ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าได้ถามขึ้นมา
คนที่เขาพูดถึงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซิดดี้ที่หนีออกมาจากเหมืองได้
หลังจากที่โดนหวังเย่าตัดขา ด้วยความช่วยเหลือจากต่งเหลิ่ง เขาก็หนีไปที่ดาวโบไลด์ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีอำนาจแบบเดิม แม้ว่าจะมีต่งเหลิ่งคอยหนุนหลัง แต่การที่จะสร้างอำนาจขึ้นมาในเขตดาวโบไลด์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่าม้าทะเลและหัวเราะกับการที่เขาเหลือขาแค่ขาเดียว
เขาไม่ได้แกร่งเท่ากับอูทาหัวหน้ากลุ่มอีกาดำ แต่อูทาต้องรายงานทุกการเคลื่อนไหวให้ซิดดี้รู้ มันทำให้อูทารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
“ฉันจะทำในสิ่งที่อยากทำ ทำไมฉันต้องรายงานไอ้ขยะนั่นด้วย ? ” อูทายกเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะตบโต๊ะอย่างแรง
ชายตัวสูงที่นั่งข้าง ๆ ได้พูดขึ้น “พี่ ไอ้ม้าทะเลสั่งให้เราดูไข่กิเลนไฟมาหลายปีแล้ว ทุกครั้งที่พบกันก็มักจะถามเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าไข่สัตว์อสูรนี่ต้องสำคัญแน่ แต่ตอนนี้เรายังต้องไว้หน้ามันอยู่”
อูทาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะกังวลอยู่บ้างแต่ตอนนี้…ฉันไม่กลัวเลยสักนิด ! น้องสาวฉันได้เป็นคนของต่งเหลิ่งแล้ว ไม่นานกลุ่มอีกาดำก็จะหลุดจากการควบคุมของไอ้พิการนั่นได้ ถ้าฉันฟักกิเลนไฟออกมาได้สำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือของกิเลนไฟแล้ว ฉันจะได้กลายเป็นมือขวาของท่านต่งเหลิ่ง ทำไมฉันต้องไว้หน้าไอ้พิการนั่นด้วย ? ”
เมื่อชายตัวใหญ่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา “ฮ่าฮ่า พี่มีน้องสาวด้วย งั้นเราก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เรามาดื่มกันดีกว่า ! ”
อูทาเติมเหล้าให้กับตัวเองแล้วพูดขึ้นมา “มาดื่มกัน ! ” เมื่อดื่มจนหมดแก้วเขาก็ถามขึ้นมา “มีข่าวเรื่องไอ้เฟิงรึเปล่า ? ถ้ามันไม่มาในคืนนี้ คนของมันก็ต้องตาย ! ”
ชายตัวสูงตอบกลับ “ฉันยังไม่เห็นเงาของมันเลย ฉันเดาว่ามันคงโดนจับได้และโดนฆ่าไปแล้ว”
อูทาพูดขึ้นมา “ท่านต่งเหลิ่ง ต้องการให้เราหาตั๋วอย่างน้อย 3 ใบ ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับอสูรมิติอย่างมาก เราคงได้แต่ส่งตั๋วให้เขา 2 ใบไปก่อน เพราะตอนนี้มันยากที่เราจะหาตั๋วเพิ่มได้”
“ไอ้เฟิง มันมีความสามารถในการขโมย พี่อย่าปล่อยมันไป ฉันอยากให้มันคอยขโมยตั๋วให้กับเราต่อ”
“แล้วถ้ามันได้ตั๋วมาในคืนนี้ เราจะปล่อยคนของมันไปรึเปล่า ? ” ชายตัวใหญ่ถามขึ้นมา
อูทายิ้มออกมา “ให้มันพบกับคนของมัน ถ้ามันไม่เชื่อฟังเรา เราก็ต้องจับคนที่มากับมันไปอีก”
ทุกคนพากันยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดต่อ “นอกจากนี้แล้วนายลองไปที่ตลาดมืดดู ถ้าราคามันพอฟังขึ้น งั้นนายก็ซื้อตั๋วมาด้วย”
ลูกน้องสองคนพยักหน้าทันทีและรีบออกไป
“พี่ มันขโมยตั๋วมาได้ ! ” ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอกและตะโกนออกมา
อูทาลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “ให้มันเข้ามา ! ”