ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 662 : เสือบิน
ตอนที่ 662 : เสือบิน
เมื่อมองไปรอบ ๆ เขาก็ไม่พบกับเบาะแสใด ๆ
หวังเย่าจึงหันไปสนใจพวกลูกอีแร้งที่นอนอยู่ที่พื้นและยิ้มออกมา
“เมื่อฉันหาไม่เจอ พวกแกก็ควรให้คำตอบกับฉันแทน”
หวังเย่ากางมือออกพร้อมกับมีค้างคาวตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปในหัวของนกตัวที่ใหญ่ที่สุด
นกนั่นรีบบินมาตรงหน้าของหวังเย่าราวกับเป็นคนรับใช้ของเขา
“พาฉันไปหาที่เก็บอาหารของแกที” หวังเย่าสั่งการออกมา
นกน้อยพยักหน้าและบินนำไป หวังเย่าเดินอ้อมกองฟางไป มันมองไปที่แสงบนหัวและร้องออกมา
หวังเย่าหรี่ตาลงก่อนจะพบความลึกลับของถ้ำนี้
ถ้ำนี้อยู่สูงอย่างมากก็จริงแต่มันไม่ได้หนาวเกินไปเพราะมันมีรูอากาศด้านบนถ้ำ รูนี้ไม่ได้หันเข้าไปเจอกับอากาศหนาวเย็นด้านล่าง
มันมีกำแพงหินด้านบนถ้ำนี้ มันเหมือนกับสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ ประตูนี้ราวกับประตูหยกที่ขวางทางเข้าของทุกคนเอาไว้ หากอยากจะเข้าไปแล้วก็ต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะเข้าไปด้านในได้
ถ้ำนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันถือว่าเป็นสมบัติ
ลมไม่อาจจะพัดเข้ามาในถ้ำได้ มันถูกขวางไว้โดยพวกหินที่อยู่ตรงทางเข้า หินพวกนั้นกลายเป็นรั้วและหน้าต่าง มันจะเหลือลมแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่พัดเข้ามาทำให้อากาศปลอดโปร่ง
ผลก็คือไอเย็นผ่านเข้ามาได้เล็กน้อยเท่านั้น อากาศในถ้ำจึงถือว่าดีอยู่พอตัว
“แม่แกเอาอาหารมาจากที่นี่งั้นหรือ ? ”
นกน้อยรีบร้องออกมา
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองประตูบนหัวและพบว่ามันไม่มีรูอยู่เลย
ท้องฟ้าด้านบนยังเต็มไปด้วยหิมะและแสงแดด
ด้านบนทางเข้านี้คงเป็นหน้าผา มันราวกับระเบียงบ้านของมนุษย์
ระเบียงนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะหนา มันมีไข่ฟองใหญ่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร สองใบวางอยู่ด้านบน
หวังเย่ากระโดดขึ้นไปและค่อย ๆ เดินไปหาไข่ทั้งสองอย่างช้า ๆ และพบว่าเปลือกของไข่ใบหนึ่งแตกออกแล้ว
เมื่อกระโดดขึ้นไปบนไข่และมองเข้าไปก็พบว่าไข่ขาวและไข่แดงด้านในได้ถูกแช่แข็งไปแล้ว
ไข่ใบหนึ่งถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ โดยแม่อีแร้ง เพื่อใช้เป็นอาหารตอนที่จำเป็น
ตอนนี้เนื้อไข่เหลือมากกว่าครึ่ง เดาว่าพวกลูกมันคงกินได้เป็นเดือน
“น่าอร่อยดีนี่ ! ” หวังเย่าพูดขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมจากไข่
ด้านในของไข่นี้ราวกับเยลลี่ มันมีพลังที่บริสุทธิ์อยู่
หวังเย่ามองไปที่เนื้อไข่แล้วใช้ระบบประเมินดูก่อนที่ข้อมูลจะถูกส่งเข้ามาในหัวของเขา
—
ชื่อ : ไข่เสือบินคำอธิบาย : ตำนานบอกว่ามันคือสัตว์อสูรบินได้ ไข่แดงของมันเต็มไปด้วยพลังงานที่บริสุทธิ์ มันมีฤทธิ์เป็นยา มันสามารถขับไล่ความหนาวเย็นได้ ไข่ขาวช่วยเพิ่มการรับรู้ทั้งห้าด้าน มันคือวัตถุดิบที่หาได้ยาก สกิล : ปีกบังเหิน กางปีกออกบินขึ้นสูง แต่ไม่เหมาะในการบินระยะไกล ใช้ในการต่อสู้, ไล่ล่าและหนีได้, คลั่ง หลังจากที่ใช้สกิลแล้วจะมีโอกาส 30 เปอร์เซ็นต์ที่จะโจมตีรุนแรงกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างที่ใช้สกิลมีโอกาส 20 เปอร์เซ็นต์ที่จะป้องกันการโจมตีกายภาพทั้งหมด, คำราม ทำให้ศัตรูหมดสติในระยะเวลาสั้น ๆ มีโอกาส 20 เปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้พลังของศัตรูลดลง 30 เปอร์เซ็นต์
“ กินสัตว์อสูรด้วยกันจริง ๆ ! แต่ตามกฎบอกว่าความเป็นไปได้จะต่ำแค่ไหนก็ต้องมีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ ! ”
30 เปอร์เซ็นต์ที่ว่ามานี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลย ปีกของมันสามารถใช้ทั้งโจมตีและป้องกันได้ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือสัตว์อสูรนี่มีพลังที่แข็งแกร่ง มันมีพลังชีวิตที่สูง หากได้วิญญาณของมันไป ร่างของผู้ผนึกจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อคิดแบบนั้น หวังเย่าก็รู้สึกว่าสัตว์อสูรนี่เหมือนจะเหมาะกับโจ๋วอวิ๋น
ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไปจำเป็นต้องใช้ตัวเสริมพลัง
เมื่อลองดูดี ๆ แล้ว สัตว์อสูรนี่เหมาะกับโจวอวิ๋นอย่างมาก
ยังไงซะโจวอวิ๋นก็อ่อนแอที่สุด เขากลัวว่าโจวอวิ๋นไม่อาจจะทนการต่อสู้ได้ไหว
เขาควรพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุด !
แต่พอคิดอีกมุมหนึ่ง สัตว์อสูรนี่ก็เหมาะกับอันตงจ๋ามากกว่า
หวังเย่ากระโดดลงมาก่อนจะกดลงไปที่เปลือกไข่แล้วหลับตาลง
พลังจากตัวเขาไหลผ่านเข้าไปในเปลือกไข่ ก่อนที่มันจะผ่านเข้าไปในไข่ขาวและไข่แดงที่โดนแช่แข็ง แต่หวังเย่าก็ยังรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตที่อ่อนแรงของมัน
“มันยังมีชีวิตอยู่ ”
เพื่อที่จะกันไม่ให้ไข่นี่ฟัก อีแร้งจงใจเอาไข่ทั้งสองนี่มาไว้ในที่ที่หนาวเย็น
เมื่อมันโดนแช่แข็งแล้ว มันจะเก็บไข่ไปได้อีกหลายปี
หวังเย่าเก็บไข่ของเสือบินใส่ไปในแหวนมิติก่อนจะปีนขึ้นไปบนหน้าผา เขามองหิมะที่ตกลงมาโดยรอบและรู้สึกคึกขึ้นมา
หวังเย่าก้มหน้าลงไปมองที่ตีนเขาและพบกับงูหุ่นเชิดที่เขาควบคุม มันยังนิ่งอยู่ภายใต้หิมะ
กระโดดเพียงครั้งเดียว หวังเย่าก็ลงมาจากยอดเขาได้
…
ในส่วนลึกของหุบเขา ภาพลวงตาที่หวังเย่าได้สร้างขึ้นมาสุดท้ายก็วิ่งไปพบกับทางตัน
อีแร้งร้องออกมาเบา ๆ ก่อนจะพุ่งไปที่ร่างที่มันเห็น
มันร้องออกมาราวกับสั่งการ จากนั้นพวกงูต่างก็พุ่งเข้าจัดการร่างของหวังเย่าที่พวกมันเห็นโดยไม่ปราณีแม้แต่น้อย
งูที่อยู่บนหน้าผาโดยรอบต่างก็พากันยกดาบขึ้นมาแล้วมองไปที่ด้านล่างหุบเขา
พวกมันได้กระโดดลงมาจากหน้าผา
ฟ่อ !
งูตัวหนึ่งขู่ออกมาก่อนจะไปอยู่บนตัวของอีแร้งได้
ตอนนั้นอีแร้งไม่ทันได้ระวังตัว
มันโดนฟาดลงไปที่พื้นก่อนจะกลิ้งไปชนกับหวังเย่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าหน้าผา
แต่มันไม่รับรู้เลยว่าตัวเองกระแทกกับหวังเย่า แต่มันกลับพบว่าหวังเย่ากลายเป็นเพียงแค่กลุ่มควันที่สลายไปอย่างไร้ร่องรอย
มันหรี่ตาลงและรู้แล้วว่าตัวเองโดนหลอก
ฟ่อ !
งูอีกตัวพุ่งเข้ามาเหยียบที่ท้องของอีแร้งไว้
อีแร้งได้ยื่นกรงเล็บออกมาข่วนเข้าที่ท้องของงูจนเกิดแผลขนาดใหญ่และเลือดที่กระจายออกมา
แต่ถึงงูตัวนั้นจะบาดเจ็บหนัก แต่มันก็ยังทำราวกับไม่รู้สึกอะไร มันยังจับตัวอีแร้งไว้แน่น
อีแร้งกระพือปีกไปมาพยายามจะบินขึ้นจากพื้น
มันใช้พลังทั้งหมดที่มีกลิ้งไปมา และต้องการจะทับให้พวกงูนี้ตายไปซะ
งูตัวหนึ่งกระโดดลงมาจากหน้าผาและเลื้อยเข้ามาหามัน
ปกติแล้วอีแร้งจะกินพวกงูนี่ ตอนนี้ถึงตาพวกมันกินอีแร้งคืนบ้างแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่อีแร้งรู้สึกอับอายที่สุดในชีวิตของมัน มันพยายามลุกขึ้นจากพื้นและผลักงูที่อยู่ตรงหน้ากลับไป
ไม่นานงูที่หยุดมันไว้ก็โดนฟันออกเป็นสองส่วน สมองของมันหลุดจากการควบคุม ตัวที่รัดอีแร้งเอาไว้ก็เริ่มคลายออก
อีแร้งอยากจะกระพือปีกเพื่อบินขึ้นไปต่อ แต่ตอนนั้นเองกลับมีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าพร้อมกับงูที่โยนหินก้อนใหญ่ลงมาใส่ที่ปีกของมัน
ปัง !
หินนั้นตกลงที่ท้องของอีแร้ง จนทำให้ตัวของมันจมลงไปในหิมะ
ฟ่อ…
งูโดยรอบส่งเสียงขู่ออกมาพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปหาอีแร้งที่โดนหินทับเอาไว้
แกร๊…
อีแร้งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ไม่นานเสียงของมันก็เริ่มเบาลง
เลือดกระจายไปทั่วพื้นหิมะ
ผ่านไปสักพักเลือดก็จับตัวเป็นน้ำแข็ง ศพของอีแร้งโดนพวกงูรุมทึ้ง
หวังเย่าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านงูที่เขาควบคุมอยู่ เขาค่อย ๆ ลงจากเขาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“แกคิดจะฆ่าฉันเอง แกผิดเองที่มาหาเรื่องฉัน แกอยากตายเองไม่ใช่รึไง ? ”
หวังเย่ากลับลงไปถึงตีนเขาก่อนจะเดินไปหางูที่ยังนอนนิ่งอยู่
หวังเย่าเดินกลับออกมาพร้อมกับงูที่ตามมาติด ๆ
เขาหันกลับไปมองงูและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอีกรอบ
“ดูจากที่แกช่วยฉันไว้ ฉันจะไม่ฆ่าแก แกขุดหลุมฝังตัวเองไปซะ ”
เมื่อพูดจบ หวังเย่าก็เดินออกไปต่อ
หลังจากที่ได้รับคำสั่ง งูก็ได้ขุดหลุมขึ้นมาก่อนจะลงไปนอนด้านในหลุม
หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น จากนั้นเขาก็ดีดนิ้วและดึงเอาค้างคาวที่อยู่ในตัวงูออกมา
“อสูรฟองน้ำเอาให้กับโจวอวิ๋นน่ะดีแล้ว”
“งูกระดูกเงินให้ลัวจ้าวฮวา”
“เสือบินให้อันตงจ๋า วิญญาณสัตว์อสูรนี่เหมาะกับเขา บวกกับการที่อันตงจ๋าเป็นพวกชอบลุยและใจร้อน ด้วยวิญญาณสัตว์อสูรนี่แล้ว เขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้”
“สำหรับอีแร้งเก้ากรงเล็บแล้ว มันเหมาะกับพี่เฟิง ไม่มีใครเหมาะกับสัตว์อสูรที่บินได้ไปมากกว่าเทพสายลมแล้ว…ฉันกลัวว่าในอนาคตคงเรียกเขาว่าอีแร้งลมน่าจะเหมาะกว่า ! ”
เมื่อวางแผนเสร็จ หวังเย่าก็มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองชูโร่ต่อ
“อีกาดำงั้นหรือ ? ”
“หึหึ …พวกแกรอตายกันคืนนี้ได้เลย ! ”