ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 661 : เสือออกจากถ้ำ
ตอนที่ 661 : เสือออกจากถ้ำ
เมื่องูและอีแร้งพากันพุ่งออกไป สุดท้ายใจกลางหุบเขาหิมะก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาขุดหิมะออก ไม่นานหวังเย่าก็ปรากฏตัวขึ้น
“พระเจ้า ดีนะที่พวกมันโดนภาพลวงตาเข้าไป” หวังเย่าถอนหายใจออกมา ตะกี้นี้ถ้าไม่มีโล่เงาและเวลาที่เป็นอมตะแล้ว หวังเย่ากลัวว่าเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
คลื่นพลังฉลามดำที่โดนปัดกลับมาเมื่อตะกี้ทำให้โล่เงาของเขาถึงกับระเบิดออก คลื่นพลังที่เหลือเพียงพอที่จะฉีกร่างกายของหวังเย่าได้ แต่เมื่อตัดสินว่าการโจมตีนี้รุนแรง ผลอมตะก็ได้เปิดทำงานและทำให้หวังเย่าไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์กลับสามารถสั่งสอนบทเรียนให้กับหวังเย่าได้ มันคิดภาพออกได้ว่าโจวอวิ๋นและคนอื่น ๆ นั้นจะมีสภาพที่น่าอนาถแค่ไหน เมื่อมาอยู่ในที่แห่งนี้
ในตอนที่หิมะถล่มกลืนตัวหวังเย่าไป ในหัวของเขาก็เริ่มวางแผนที่จะจัดการกับอีแร้งตัวนี้ให้ได้
ด้วยความสามารถในการบินของมัน อีแร้งนี้ไม่มีทางเข้าโจมตีหวังเย่าจากระยะใกล้แน่นอน
เมื่อเป็นการต่อสู้ระยะไกล หวังเย่าก็ต้องใช้สกิลโจมตีระยะไกลไปด้วย สกิลการโจมตีระยะไกลอาจจะโดนอีแร้งปัดกลับมาได้ ตอนนี้เขาตกที่นั่งลำบากแล้ว
มันต่างจากเกมยิงกันตรงไหน ?
ทางเดียวที่จะจับอีแร้งได้นั้นคือต้องให้มันไม่ทันได้ตั้งตัวก่อน ก่อนที่จะค่อย ๆ เข้าหาตัวมัน
ในอดีตมีแค่พวกสายลับเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้ !
เมื่อหวังเย่าต้องรับการโจมตีของตัวเองและแทบเอาตัวไม่รอด งั้นพวกงูตัวอื่น ๆ ก็ไม่สามารถรอดได้เช่นกัน
ในตอนที่การโจมตีย้อนกลับมาและระเบิดนั้น งูกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ตายไปเหลืออีกแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่กระเด็นออกไปเพราะคลื่นระเบิด
สำหรับหวังเย่าแล้ว นี่คือโอกาสที่หาได้ยาก
เขาได้ใช้ค้างคาวของตัวเองควบคุมงูหลายตัวตอนที่พวกมันกระเด็นออกไป
จากนั้นเขาก็ให้พวกมันแฝงตัวกลับเข้าไปในฝูงและทำตามคำสั่งของอีแร้งเพื่อไล่ล่าตัวหวังเย่าต่อ
เพื่อที่จะล้อมอีแร้งเอาไว้ งูก็ได้กระจายตัวกันออกไปทุกทิศทางรวมถึงที่ด้านบนยอดหุบเขานี้ด้วย
ตอนที่อีแร้งบินลงมาในหุบเขา มันจะโดนกลุ่มงูล้อมเอาไว้ สุดท้ายพวกนั้นจะเข้าโจมตีมันเพื่อดึงมันกลับลงมาที่พื้น
เมื่อมันเสียเปรียบและถูกดึงลงมาที่พื้น ความสามารถในการต่อสู้ระยะใกล้ของอีแร้งก็ไม่อาจจะเทียบกับงูได้
มันทำได้แต่ดิ้นรนด้วยความสิ้นหวัง
….
หวังเย่านั่งอยู่บนหิมะและสูดหายใจเข้าลึก ๆ
ผ่านไปสักพักหิมะรอบตัวของเขาก็เริ่มขยับ งูตัวหนึ่งที่หวังเย่าควบคุมมาตั้งแต่ต้นได้ปรากฏตัวออกมา
“พาฉันไปที่ฐานของแก” หวังเย่าสั่งออกมา
แม้ว่าในมุมมองของหวังเย่า งูนี้จะอ่อนแอกว่าอีแร้งแต่ก็ยังถือว่าแข็งแกร่งอยู่พอตัว
หลังจากที่ผนึกวิญญาณพวกนี้แล้ว คนที่ได้วิญญาณมันไปจะมีความสามารถไม่ต่างอะไรจากนินจาเลยก็ว่าได้
คุณภาพดาบของงูพวกนี้ถือว่าใกล้เคียงระดับตำนาน มันมีแค่ดาบศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถฟันมันขาดได้ ผู้ที่ได้วิญญาณของมันไปก็จะกลายเป็นนักฆ่าที่เก่งกาจพอตัว
หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของหวังเย่า งูก็พยักหน้าและพาหวังเย่าไปยังฐานที่ซ่อนไว้อย่างดี
ในพื้นที่นั้นมันมีกิ่งไม้เก่า ๆ ปกคลุมไปด้วยหิมะ
งูได้พาหวังเย่าไปยังภูเขาที่ล้อมรอบไปด้วยป่า ซึ่งถือว่ามีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัย
“นี่คือที่ฟักไข่ของพวกแกงั้นหรือ ? ”
งูพยักหน้าตอบรับ
“พาฉันเข้าไป !”
เมื่อได้ยินคำสั่งของหวังเย่า งูก็ได้นำทางเข้าไปในหิมะและทิ้งรูเอาไว้ให้หวังเย่าตามเข้าไป
หวังเย่ากระโดดลงไปในรูนั้นและเดินทางต่อเข้าไปในถ้ำด้านล่างหุบเขา
สภาพแวดล้อมที่นี่ค่อนข้างแห้งแล้ง อุณหภูมิที่นี่เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ
แสงแดดจากรอยแยกของช่องหินสาดส่องเข้ามาในถ้ำ พื้นดินเต็มไปด้วยต้นหญ้า มันมีงูขนาดอย่างน้อย 1-2 เมตรอยู่ภายใน
งูบางตัวที่ฟักออกมาใหม่นั้นดูไม่ต่างจากงูทั่วไปเลย มันส่องแสงสีเงินออกมา และกำลังเลื้อยไปมาในพงหญ้า
งูพวกนี้ยังไม่มีความฉลาดมากนัก พวกมันไม่ได้สนใจผู้บุกรุกอย่างหวังเย่าแม้แต่น้อย พวกมันแค่เลื้อยไปมารอบตัวงูหุ่นเชิดก็เท่านั้น
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ และเลือกเอาไข่งูที่ดูมีพลังงานมากที่สุดก่อนจะเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติ
“พาฉันไปที่รังอีแร้ง ! ” หวังเย่าสั่งการออกมา
หวังเย่าแทบจะอดใจไม่ไหว เขาหวังว่าที่รังของอีแร้งต้องมีบางอย่างที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้อย่างแน่นอน
งูพยักหน้าและเดินหน้าต่ออีกครั้ง
ครั้งนี้งูได้พาหวังเย่าไปยังภูเขาอีกลูก ที่นี่มีหน้าผาสูงชันและต้นไม้แปลก ๆ เต็มไปหมด ระหว่างทางมีกระดูกสัตว์อสูรอยู่เป็นจำนวนมาก
ตอนนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ทีนี่กลับมีเสียงลมพัดหวนราวกับเสียงผีสะอื้น
มันมีหิมะตกโปรยปรายลงมาทำให้ที่นี่ดูหลอนขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นสักพักงูก็หยุดอยู่ตรงหน้าภูเขาสูงชันลูกหนึ่งก่อนจะชี้ขึ้นไป
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับเมฆหนาครอบคลุมกว่าครึ่งภูเขา มันมีหิมะตกโปรยปรายลงมาทำให้ยากที่จะมองเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ด้านบน
“รังของมันอยู่ด้านบนงั้นหรือ ? ”
งูพยักหน้าก่อนจะส่ายหน้า
“แกหมายความว่ารังของมันอยู่ที่นี่ แต่แกไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนงั้นหรือ ?”
งูพยักหน้าด้วยท่าทีสลด
หวังเย่ายิ้มออกมา จากนั้นที่เท้าของเขาก็มีไฟพุ่งออกมาก่อนจะพุ่งทะลุเมฆขึ้นไป
เขาพุ่งทะลุฝ่าสายลมไปจนทำให้ผมสะบัด
หิมะโดยรอบได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะไฟหยินหยางแล้วงั้นหวังเย่าอาจจะเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปแล้ว
ภูเขาลูกนี้ใหญ่โต เขาต้องใช้เวลากว่า 7-8 นาทีกว่าจะวนรอบภูเขาได้ และมันอาจจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์หากใช้ความเร็วของคนปกติ
หวังเย่าวนรอบภูเขาก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ด้านบนต่อ
สักพักเขาก็พบกับถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขา
ถ้ำนี้ถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดี มันมีหินก้อนใหญ่จำนวนมากถูกวางปิดเอาไว้ และเป็นจุดอับจึงแทบจะมองไม่เห็นหากไม่สังเกตดี ๆ
หวังเย่าพุ่งตัดผ่านสายลมก่อนจะไปยืนอยู่ตรงหน้าถ้ำ
พวกลูกนกราวกับรู้สึกว่าแม่มันกลับมา มันร้องออกมาด้วยความยินดี
หวังเย่าค่อย ๆ เดินเข้าไปในถ้ำและพบว่ากำแพงที่นี่นั้นมีอัญมณีฝังอยู่ มันคอยให้แสงสว่างกับที่นี่
อัญมณีสีทองและเงินรวมถึงอาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ กองกันอยู่ที่มุมถ้ำ
ระหว่างทาง หวังเย่าก็ได้เก็บของเหล่านั้นเข้าไปในแหวนมิติทั้งหมด
ไม่นานแหวนมิติของเขาก็แทบจะเต็ม
เมื่อเกือบเข้าไปถึงด้านในสุดของถ้ำ หวังเย่าก็พบกับกองฟางที่มีลูกนกหลายตัวที่พากันร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อพบว่าผู้ที่มากลับเป็นคน พวกมันก็กรีดร้องออกมาแทน
ลูกนกเหล่านี้มีขนสีดำที่ราวกับเหล็กงอกออกมาจากตัว มันกระพือปีกไปมาเพื่อที่จะบินออกจากรัง
นกที่ตัวใหญ่กว่าตัวอื่นพุ่งมาตรงหน้าหวังเย่า นกตัวที่เหลือเองก็พุ่งตามมาเช่นกัน
จงอยของมันถือว่าเป็นอาวุธชั้นดี
หวังเย่านึกถึงเรื่องนตอนที่เขายังเป็นเด็ก
ตอนเด็กหวังเย่าเคยโดนพวกห่านไล่จิก
ห่านพวกนั้นดุร้ายอย่างมาก ถ้าเขาตอบโต้พวกมัน แต่พวกมันก็จิกเขารุนแรงกว่าเก่า
หลังจากที่สู้กับห่านพวกนั้น หวังเย่าก็ต้องถึงกับเยี่ยวราดกางเกงและต้องหนีออกมา เขาต้องเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วย แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเขา ทุกคนต่างก็เห็นว่านี่เป็นเรื่องตลก
หวังเย่ามองไปที่ลูกนกและก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมาทันที
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังงานได้ฟาดเข้าใส่หัวของลูกนกตรงหน้า
ปัง !
ลูกนกตัวนั้นกระเด็นไปอัดกับกำแพงทันที
จากนั้นหวังเย่าก็ยังลงมือต่อโดยไม่หยุดพัก
เมื่อเห็นว่าลูกนกทั้งหมดนอนอยู่กับพื้น หวังเย่าก็รู้สึกราวกับได้แก้แค้น
“พวกแกจะร้องอะไรกันหนักหนา ! ”
หวังเย่าปัดขนนกที่ติดมือก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกองฟาง
มันมีลูกนกอยู่บนกองฟางนั้น พวกมันต่างก็มองหวังเย่าด้วยความกลัว
หวังเย่าไม่ได้สนใจลูกนกเหล่านี้ เขาเดินไปที่หินด้านหลังกองฟาง
ซึ่งมันมีไข่นกอยู่ที่นั่น !
ไข่นกพวกนี้ไม่ได้ใหญ่เหมือนกับไข่งู มันมีขนาดแค่ 0.9 เมตร ผิวของมันเป็นสีดำราวกับเหล็ก
ไข่นกที่น่าเกลียดนี่คือไข่ของอีแร้ง !
เมื่อวางมือลงไปที่ไข่และหลับตาลง หวังเย่าก็รับรู้ได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่ด้านในนั้น
เขาตัดสินใจหยิบไข่ขึ้นมาฟองหนึ่งก่อนจะเก็บเข้าไปในแหวนมิติ
ตอนที่หวังเย่ากำลังจะออกจากถ้ำ อยู่ ๆ เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมา
“มันมีศพของสัตว์อสูรมากมายในพื้นที่ฟักของงูเพื่อใช้เป็นอาหารของพวกลูกงู แล้วอาหารของนกพวกนี้คืออะไร ? ”
“เพราะถ้ำนี้กลับดูสะอาด”
“ลูกนกมากมายแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่มันจะดื่มนมแม่ของมันแค่เพียงตัวเดียวแน่”
“พวกนี้กลับดูแข็งแรงดี ดังนั้นพวกมันน่าจะไม่ได้อดอาหารอะไร”
งั้น….ความเป็นไปได้ก็มีแค่อย่างเดียว
มันต้องมีอาหารอยู่ในถ้ำนี้แน่ !