ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 657 : ผนึกวิญญาณสัตว์อสูร
ตอนที่ 657 : ผนึกวิญญาณสัตว์อสูร
หวังเย่าตรงไปที่โรงแรมสันติเพื่อพบกับฟู่หมิงทันที
เมื่อเห็นว่าหวังเย่ามาหา ฟู่หมิงก็ยินดีอย่างออกนอกหน้า “มาสิ มาดื่มด้วยกัน”
“ฉันรีบอยู่ ฉันจะไม่อ้อมค้อม ” หวังเย่าพูดขึ้น
“หืม ? นายมีเรื่องอะไรก็พูดมาสิ”
“ฉันจำได้ว่าพี่ผนึกสัตว์อสูรได้ พี่ช่วยสอนฉันได้รึเปล่า ? ”
“ฉันคิดว่าจะมีเรื่องใหญ่ซะอีก เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เองหรือ ? ” เขายิ้มออกมาก่อนจะเทเหล้าใส่แก้วตัวเอง
“พี่บอกว่าทักษะการผนึกสัตว์อสูรใช้กับสัตว์อสูรทั่วไป แล้วมันสามารถใช้ได้กับพวกสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์รึเปล่า ? ”
“ฮ่าฮ่า แน่นอน ยังไงซะมันก็มีสัตว์อสูรไม่มากนักที่มีสายเลือดเป็นสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ โอกาสที่จะพัฒนาของสัตว์อสูรมีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นคนส่วนมากจึงผนึกสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เอาไว้”
“ราคาของการบ่มเพาะสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นต่ำอย่างมาก เมื่อรวมกับการที่มันอยู่ใต้สัญญาของคนแล้ว การหลุดพ้นจากการโดนลงโทษได้ พวกมันสามารถเพิ่มขึ้นไปถึงเลเวล 200 ได้ แต่ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรพวกนี้จะเทียบเท่ากับสัตว์อสูรทั่วไปที่เลเวล 180 เท่านั้น”
หวังเย่ากระดกเหล้าเข้าไปและพูดขึ้นมา “แค่เลเวล 180 ก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ในโลกนี้ก็มีไม่กี่คนที่มีสัตว์อสูรเลเวล 180 ไม่ใช่รึไง ? ”
“ฮ่าฮ่า นายพูดถูก แม้ว่าวิญญาณของสัตว์อสูรจะถูกผนึกเอาไว้ แต่ผู้ใช้อสูรก็สามารถทำสัญญาด้วยได้ ดังนั้นแค่ระดับนี้ก็เพียงพอแล้ว ! ”
หวังเย่าพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเติมเหล้าในแก้วตัวเอง
“มันคงไม่ใช่นายหรอกนะที่ต้องการจะผนึกวิญญาณสัตว์อสูร ? ”
“แน่นอนว่าไม่”
ทั้งสองยกแก้วขึ้นแล้วดื่มหมดในคราวเดียว
“งั้นพี่ช่วยสอนวิธีผนึกให้ฉันหน่อย ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
ฟู่หมิงวางแก้วลงก่อนจะพยักหน้า “งั้นนายมากับฉัน”
ฟู่หมิงพาหวังเย่าไปที่ห้องข้าง ๆ ในฐานะแขกพิเศษของโรงแรม เหอเจียจึงเตรียมห้องให้เขาเป็นอย่างดี
“ด้วยความมุ่งมั่นของนายแล้ว ฉันเดาว่าคงใช้เวลาไม่ถึง 2 วันที่นายจะเรียนรู้ทักษะนี้”
เมื่อพูดจบ ฟู่หมิงก็ได้เอาก้อนผลึกที่คล้ายกับลูกบอลออกมาจากแหวนมิติ ผลึกนี้โปรงใสและมีเส้นเลือดที่ซับซ้อนและขดไปมาอยู่ด้านใน
“นี่เรียกว่าผลึกวิญญาณร้อยอสูร มันสามารถจำลองวิญญาณและเส้นลมปราณของสัตว์อสูรออกมาได้หลายร้อยตัว และสามารถใช้ซ้ำได้”
“ด้านนอกของผลึกปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดที่ซับซ้อน เส้นเลือดเหล่านี้จะแผ่ไปถึงด้านในของผลึกวิญญาณ”
“ของเหลวด้านในนี้เปรียบเสมือนกับเลือดเนื้อของสัตว์อสูร ชั้นบาง ๆ ที่เรืองแสงไหลไปมานั้นคือวิญญาณของสัตว์อสูร ”
“หากเส้นเลือดและวิญญาณของยานี้ถูกลอกออกโดยที่สร้างความเสียหายให้กับของเหลวด้านใน งั้นชั้นบาง ๆ นี้จะให้พลังกับด้านใน เส้นเลือดและวิญญาณจะหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว นั่นหมายความว่านายสามารถลอกวิญญาณสัตว์อสูรออกมาได้สำเร็จ”
“นายต้องจำไว้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่นายเผลอไปทำลายเส้นเลือดสักเส้นในตอนที่ลอกมันออกมา ผลึกจะกลับไปสู่สถานะเดิมอีกครั้ง มันต้องใช้เวลาฟื้นฟูตัวเอง 3 นาที นายถึงจะลอกใหม่ได้”
“ฉันจะสาธิตให้นายดูก่อน”
หวังเย่าพยักหน้าและดูฟู่หมิงเขย่ามันอย่างเบามือ ก่อนที่ผลึกนั้นจะส่องแสงออกมา
“พี่ทำผิดไปรึเปล่า ? พี่เขย่ามันแค่นี้ นี่เรียกว่าสาธิตงั้นหรือ ? ”
ฟู่หมิงหัวเราะออกมาก่อนจะเขย่าต่อไป จากนั้นผลึกก็กลับไปสู่สถานะเดิมอีกครั้ง
“ฉันเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์ของนายแล้ว ฉันคงไม่ต้องสาธิตให้ละเอียดไม่ใช่รึไง ? ”
หวังเย่าเม้มปากและทำท่าพยักหน้าเห็นด้วย “ที่พี่พูดก็มีเหตุผล”
“ฮ่าฮ่า งั้นก็เอาคู่มือมันไป คู่มือนี้ฉันเขียนขึ้นมาเอง แม้ว่ามันจะไม่ได้ละเอียดนัก แต่ฉันก็มั่นใจว่ามันดีกว่าคู่มือผนึกวิญญาณสัตว์อสูรทั่วไปที่โด่งดังในจักรวาลตอนนี้ มันมีหลายพันวิธีในการผนึกวิญญาณสัตว์อสูรรวมถึงข้อมูลการศึกษาต่าง ๆ นายลองไปอ่านดู”
หวังเย่ารับหนังสือมาและขอบคุณอีกฝ่าย “ขอบคุณพี่มาก”
“นายลองทดสอบดู ฉันจะไปอ่านหนังสืออยู่ด้านนอก ถ้านายมีอะไรที่ไม่เข้าใจก็มาถามฉันได้ตลอด”
“ได้”
หลังจากที่เห็นฟู่หมิงเดินออกไปแล้ว หวังเย่าก็นั่งลงไปกับพื้น
เขาใช้ทั้งสองมือจับผลึกวิญญาณร้อยอสูรเอาไว้ ก่อนจะหลับตาลงและแผ่จิตเข้าไปในตัวผลึก
เมื่อเห็นเส้นเลือดของสัตว์อสูรเป็นหมื่น ๆ เส้นที่อยู่ในนั้น หวังเย่าก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
ไม่น่าแปลกใจที่ครั้งแรกเขาจะล้มเหลว เส้นเลือดเส้นหนึ่งขาดออก ผลึกได้กลับเข้าสู่สภาวะการซ่อมแซมตัวเอง
หวังเย่าวางผลึกลงแล้วลองอ่านคู่มือที่ฟู่หมิงเอาให้ไว้
ฟู่หมิงไม่ใช่แค่เขียนให้เข้าใจง่ายแต่เนื้อหานั้นยังลึกซึ้งราวกับเป็นผู้รู้ที่แท้จริง
สมกับเป็นคนที่ปกครองเขตจิวเหยา เขามีศิษย์หลายพันคน และมีประสบการณ์ในการสั่งสอนคน
หลังจากที่อ่านคู่มือทั้งเล่มและด้วยความช่วยเหลือจากระบบ หวังเย่าก็จำเนื้อหาในหนังสือได้ทั้งหมด
หวังเย่าจับผลึกวิญญาณร้อยอสูรขึ้นมาอีกครั้งแต่เขาไม่ได้รีบลงมือ แค่เพียงคิดเขาก็ได้เข้าไปมิติจำลองของตัวเอง
คนอย่างฟู่หมิงบอกว่าแม้ว่าหวังเย่าจะมีพรสวรรค์แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันกว่าจะเชี่ยวชาญวิธีผนึกสัตว์อสูรได้
หากหวังเย่าเป็นคนทั่วไป งั้นเขาคงไม่สงสัยเรื่องนี้แต่ตัวเขาเองมีระบบคอยช่วย จึงเป็นธรรมดาที่ไม่อาจจะเอาคนทั่วไปมาเทียบได้
ในมิตินี้มันมีการเร่งเวลาถึง 50 เท่า เมื่อด้านในผ่านไป 50 ชั่วโมง ด้านนอกก็ผ่านไปแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ดังนั้นหลังจากที่ใช้เวลาในมิติจำลอง หวังเย่าก็รู้สึกว่าเขาน่าจะเชี่ยวชาญมันมากพอแล้ว
เขาได้ยกผลึกขึ้นมาอีกครั้ง และรวบรวมสมาธิก่อนที่จิตของเขาจะแผ่เข้าไปในตัวผลึก
ถ้าไม่รู้คงคิดว่าเส้นเลือดเหล่านี้ดูไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย
จิตของเขาค่อย ๆ กวาดผ่านของเหลวในผลึก
หวังเย่าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สุดท้ายขั้นแรกก็สำเร็จ
เขาปรับลมหายใจอีกครั้งก่อนจะลงมือต่อ
ในการทดสอบครั้งแรก ตอนที่ทำไปได้ 1 ใน 10 ส่วน เส้นเลือดกลับขาดออก
จิตของหวังเย่าถูกดึงออกมาจากผลึกก่อนที่มันจะกลับไปสู่สภาวะฟื้นฟูตัวเอง
หวังเย่าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและสรุปเหตุผลที่ทำให้เขาล้มเหลว เขาเตือนตัวเองว่าครั้งหน้าจะไม่ทำพลาดแบบเดิมอีก
เมื่อครบ 3 นาที หวังเย่าก็ได้ทำตามวิธีในคู่มือ ตอนนั้นเขาได้เริ่มลงมืออีกครั้ง
หลังจากที่ผลึกพร้อมใช้งาน เขาก็ได้หยิบมันขึ้นมาและลงมืออีกรอบ
หลังจากที่ล้มเหลวหลายพันครั้งติดและได้ข้อสรุปต่าง ๆ สุดท้ายหวังเย่าก็หาเส้นทางของตัวเองพบ
ความเร็วในการลอกวิญญาณสัตว์อสูรกลับเพิ่มขึ้น ทุกครั้งในตอนที่ทุกอย่างกำลังจะเสร็จสิ้น แต่สุดท้านมันก็กลับล้มเหลวอยู่ดี
ตอนนี้ดูเหมือนว่าการจะลอกวิญญาณสัตว์อสูรออกมาได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะส่วนที่ยากที่สุดคือส่วนการเชื่อมต่อเพื่อหลอมรวมร่างและวิญญญาณที่จะทำให้มันมีชีวิต
การลอกวิญญาณสัตว์อสูรนี้คือวิธีการเร่งวิญญาณสัตว์อสูรให้เติบโตไปถึงระดับหนึ่ง มันจะมีความฉลาด และการผนึกวิญญาณนี้ก็ทำขึ้นมาเพื่อเรียกวิญญาณสัตว์อสูรออกมาช่วยในการต่อสู้
แต่ถ้าหากวิญญาณสัตว์อสูรอยู่ต่ำกว่าเลเวล 150 ก็ไม่อาจจะออกจากร่างกายเจ้าของร่างเพื่อมาสู้ได้เพราะยังไงซะพวกนี้ก็ไม่มีร่างกาย หากเจอกับการโจมตีจากศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า วิญญาณของพวกมันอาจจะเสียหายและไม่อาจจะฟื้นฟูขึ้นมาได้
เวลาผ่านไปช้า ๆ หลังจากที่ผ่านไป 20 ชั่วโมงในมิติลับส่วนตัว หวังเย่าก็ได้ลอกชั้นผลึกและหลอมรวมกับวิญญาณสัตว์อสูรได้เป็นครั้งแรก
แต่ขั้นตอนนี้กินเวลากว่า 2 ชั่วโมง เมื่อคิดถึงตอนที่ฟู่หมิงแค่เขย่าผลึกไปมา หวังเย่าก็รู้สึกว่าเขาต้องทำการฝึกต่อ
ยังไงซะมันก็ไม่เป็นปัญหากับการเสียเวลาในมิติแห่งนี้ แต่หากเขากลับไปที่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว หวังเย่าต้องหาวิญญาณสัตว์อสูรที่เหมาะสมก่อนจะทำการผนึกมัน
นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าต้องใช้เวลาในการหาวิญญาณสัตว์อสูรนานเท่าไหร่ เพราะแค่ผนึกวิญญาณสัตว์อสูรให้กับเฟิงและคนอื่น ๆ ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อคนแล้ว มันจะกินเวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมงสำหรับทั้ง 4 คน
พวกนั้นมีปัญหากับกลุ่มอีกาดำ เดาว่าถ้าใช้เวลานานขนาดนั้นตอนนั้นพวกเขาคงตายไปแล้ว
สิ่งที่หวังเย่าต้องการตอนนี้คือความเร็วที่พอ ๆ กับฟู่หมิง จากนั้นเขาจะสามารถผนึกวิญญาณสัตว์อสูรได้ในเวลา 15 นาที
หลังจากที่สำเร็จขั้นนี้แล้ว หวังเย่าถึงจะดำเนินการขั้นต่อไปได้ เขาจะใช้ระบบเพื่อช่วยเฟิง และคนอื่น ๆ ในการเพิ่มเลเวลวิญญาณสัตว์อสูร
หวังเย่าไม่ลังเลอีกต่อไปและเพ่งสมาธิไปกับการฝึกต่อ
ตอนนี้หวังเย่าราวกับนักแข่งรูบิค มือของเขาเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว ผลึกในมือเขาราวกับหิ่งห้อยที่ส่องแสงกระพริบไปมาอยู่ในมือของหวังเย่า
หลังจากที่หลอมรวมกันเสร็จแล้วมันจะก่อตัวขึ้นมาใหม่ เขาทำแบบเดิมซ้ำ ๆ อยู่นาน
ตอนที่หวังเย่าดึงจิตกลับมาจากผลึกและมองไปที่เวลาที่ระบบบันทึกเอาไว้ก็พบว่ามันผ่านไปกว่า 48 ชั่วโมงแล้ว มันเหมือนกับที่ฟู่หมิงบอกไว้ว่าต้องใช้เวลา 2 วันกว่าจะเชี่ยวชาญทักษะนี้
แต่หวังเย่ายังก้าวข้ามการประเมินของฟู่หมิงไปอีกระดับ เพราะไม่ใช่แค่เรียนรู้ทักษะนี้ได้ใน 2 วัน แต่เขายังพัฒนาความเชี่ยวชาญไปถึงที่คนอื่น ๆ มาไม่ถึง
หวังเย่าวางผลึกไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปที่ข้างหน้าต่าง เขามองออกไปภายนอกก่อนจะกระโดดออกไป
สักพัก ฟู่หมิงก็เปิดประตูเข้ามาแต่ก็ไม่พบหวังเย่า เขาพบแค่ผลึกที่วางไว้บนโต๊ะ
“ไม่ธรรมดาเลยสินะ น้องฉัน ! ” ฟู่หมิงเดินเข้าไปเก็บผลึกแล้วถอนหายใจออกมา