ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 656 : คนที่อยู่เบื้องหลัง
ตอนที่ 656 : คนที่อยู่เบื้องหลัง
“ นายเคยได้ยินเรื่องของฟางอี้รึเปล่า ?”
หวังเย่าพยักหน้าและนึกถึงตอนที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้งที่เหมือง
ตอนแรกหวังเย่าก็สนใจเธออยู่ แต่หวังเย่ามีจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะสนใจฟางอี้ได้
ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว หากนึกย้อนดูดี ๆ ก็ยังรู้สึกขมขื่นอยู่ไม่น้อย
ฟางอี้ไม่ได้แต่งงานกับเฟิงหรือว่าหวังเย่า แต่เธอแต่งงานกับต่งเหลิ่ง
“อันที่จริงฟางอี้กับฉันพบกันตอนที่เรียนอยู่ ตอนนั้นเธอเป็นสาวสวย จากนั้นฉันก็ได้พลิกผันชีวิตตัวเองจนกลายมาเป็นฮีโร่ บอกได้ว่าฉันโด่งดังอย่างมาก ดังนั้นฉันจึงเป็นชายในอุดมคติของฟางอี้”
“ฉันไปที่บ้านเธอมาหลายครั้งเพราะพ่อของเธอ แต่ตอนนั้นฉันคิดว่าเธอยังเด็ก ฉันเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก”
“จนตอนที่เธอขึ้นมหาลัย เธอถึงเป็นสาวสวยที่ดูน่าสนใจ แต่ตอนนั้นฟางอี้ก็เริ่มเปิดมุมมอง เธอไม่ได้สนใจฉันแบบที่เคยอีกต่อไป”
“ตามที่บอกมา ฉันเคยคิดว่าเธอยังเด็ก ดังนั้นตอนนั้นเธอจึงคิดว่าฉันแก่แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้น โจวอวิ๋นและคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เฟิงถอนหายใจออกมา “จากนั้นพ่อของเธอก็มาหาฉัน เขาคิดว่าฉันคู่ควรจะฝากชีวิตลูกสาวของเขาเอาไว้และจะผูกมัดฉันด้วยสัญญาแต่งงาน”
“ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เมินฉันมาโดยตลอด”
“หลังจากที่โดนหนวดปีศาจโจมตีโลก ฉันก็ไม่เคยเจอเธออีก ดังนั้นฉันจึงเดินทางออกมายังโลกมนุษย์”
หวังเย่าขัดขึ้นมา “ตอนที่โลกเราล่มสลาย นั่นคือช่วงที่อันตรายที่สุด แต่พี่กลับกลับมาที่โลกมนุษย์งั้นหรือ ? ”
เฟิงยิ้มออกมา “ผู้คนบอกว่าฉันตายไปแล้ว ฉันเองก็แก่แล้ว ฉันไม่ได้สนใจอะไรแต่ฉันน่ะจริงจังกับเรื่องนี้ ฉันเลยไม่ได้คิดอะไรมาก”
“ก่อนจะออกจากเขตลับมา เฟิงเฉิงได้ให้เครื่องแกะรอยกับฉันเพื่อกันไม่ให้ฉันหายตัวไป ทุกคนในตระกูลเฟิงต่างก็ใส่เครื่องบอกตำแหน่งเอาไว้ แม้ว่าดาวโลกจะไม่มีเครื่องนำทาง แต่หากฟางอี้ยังอยู่ในโลกมนุษย์ ฉันก็ต้องหาเธอเจอ”
“ตอนที่ฉันมาถึงโลกมนุษย์ โลกมนุษย์ก็เต็มไปด้วยน้ำทะเลและก๊าซลึกลับ”
“มันมีศพของสัตว์อยู่ทั่วทุกที่ แม้แต่คนก็ยังต้องตาย สรุปมันคือนรกบนดินที่แม้แต่ฉันก็ไม่อาจจะทนดูได้”
“ฉันอยู่ในทะเลหลายชั่วโมงก่อนจะมีเครื่องบินมาช่วย ฉันพบตำแหน่งของประเทศหัวเซี่ย จากนั้นฉันก็พบสัญญาณจากที่นั่น”
“แต่ฉันก็ต้องแปลกใจที่พบว่าตำแหน่งในเครื่องกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว”
“ตอนแรกฉันคิดว่าเธออาจจะโดนคนอื่นช่วยไป ฉันกังวลอย่างมาก ตอนที่ฉันขึ้นไปบนบกได้ ฉันก็พบว่าสัญญาณยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงอยู่”
“อีกฝ่ายเหมือนรู้ว่าโดนตามรอย เมื่อฉันเร่งความเร็ว อีกฝ่ายก็เร่งความเร็วเหมือนกัน”
“ฉันเป็นใคร ? คนที่เรียกตัวเองว่าเทพสายลม จะยอมแพ้เขารึไง ? ”
“หลังจากที่ไล่ตามอีกฝ่ายได้ครึ่งวัน สุดท้ายฉันก็ได้พบกับชายคนนั้น”
“แต่เขาเข้าไปในมิติลับทันที”
“ฉันรีบตามเข้ามาแล้วพบว่าที่นี่คือดินแดนนรก”
“เดี๋ยวนะ…พี่หมายความว่าตอนแรกพี่ไปที่ดินแดนนรก”
“ดินแดนนรกในตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกัน ตอนนั้นมีสายลมและแสงแดด มันมีดอกไม้บานสะพรั่ง มันเหมาะกับเป็นที่อยู่อาศัยและฉันเองก็ตกหลุมรักมัน”
โจวอวิ๋นยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ? รึว่าพี่กับฟางอี้ตกหลุมรักกันที่นั่น ? ”
เฟิงยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “เธอก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน”
“ฉันไล่ตามพวกนั้นไปสามวันสามคืน ชายคนนั้นไม่ได้รีบกลับไปซ่อนตัวที่ฐานของตัวเอง”
“พวกเขาเดินทางไปและพักไปราวกับเดินเล่นในภูเขาอยู่”
“หลังจากนั้น 2-3 วัน สุดท้ายฉันก็ตามพวกเขาทัน ตอนนั้นเองที่ฉันได้เห็นใบหน้าของเขา”
“เขาเป็นคนที่ชนะการชุมนุมในงานชาติ ต่งเหลิ่ง ! ”
“ต่งเหลิ่ง ? หือ…ฉันจำเขาได้ ไม่ใช่ว่าเขาคือคนของโลกเรารึไง ? ” ลัวจ้าวฮวาพูดขึ้นมา
ลัวจ้าวฮวาได้ทำการศึกษาข้อมูลของสำนักต่าง ๆ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะจำคนที่ชนะการชุมนุมได้
เฟิงส่ายหน้า “ตอนแรกฉันคิดว่าเขาเป็นคนหัวเซี่ย แม้ว่าเขาจะเป็นแชมป์การชุมนุม แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเขานัก”
“ตอนนั้นฟางอี้ดูอ่อนแออย่างมาก ต่งเหลิ่งได้แบกเธอเอาไว้”
“ตอนที่ฉันปรากฏตัว ฟางอี้ก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา”
“ฉันบอกจะพาเธอกลับไปตามที่พ่อเธอบอก แต่เธอกลับโกรธ เธอบอกว่าเธอกับต่งเหลิ่งจะไปใช้ชีวิตด้วยกันและบอกให้เด็กนั่นไล่ฉันกลับไปด้วย”
“ตอนนั้นฉันกลับกลายเป็นคนนอกไปในทันที”
“ฉันยังไล่ตามพวกนั้นต่อจนกระทั่งโดนพลังลึกลับดึงฉันออกมาที่เขตดาวโบไลด์
“ประตูสู่มิติลับนั้นหายไป ฉันรู้ว่าฉันไม่อาจจะกลับไปได้ แต่ฉันไม่อยากยอมแพ้เด็กนั่น ดังนั้นฉันจึงขอท้าสู้กับเขา”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ เฟิงก็แสดงท่าทีสลดออกมา “แต่การต่อสู้นั้นเหมือนเป็นการดูหมิ่นฉันที่สุด”
“ฉันพ่ายแพ้ให้กับเขาขาดลอยโดยไม่อาจจะตอบโต้เขาได้เลยแม้แต่น้อย”
“ฉันพ่ายแพ้อย่างยับเยิน…”
“ฉันโดนแช่แข็งเอาไว้ก่อนที่เขาจะโยนฉันไปที่หุบเขาบันดุง”
ตอนนั้นโจวอวิ๋นและคนอื่น ๆ พากันอุทานออกมา
“ฉันหลับอยู่ในหุบเขานั่นนานกว่า 40 ปีรอให้น้ำแข็งละลายก่อนจะลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้ดูเด็กกว่าคนอื่น ๆ ทั้งที่แก่กว่า”
“ตอนที่ฉันตื่นมา เขตดาวโบไลด์ก็ได้ตั้งสถานีไว้ในดินแดนนรกแล้ว ฉันได้พบกับนักวิจัยที่นี่และได้ตามเขามาที่นี่”
“ตอนที่ฉันพบกับฟางอี้อีกครั้งก็เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนั้นเธอก็ท้องแล้ว เธออยู่กับต่งเหลิ่งอย่างมีความสุข”
“ฉันได้แอบตามต่งเหลิ่งไปและได้ยินว่าอสูรมิติจะเกิดใหม่ในดินแดนนรก เขาได้โทรศัพท์หาคนที่ชื่อซิดดี้ที่เตรียมจะปล้นตั๋วจากคนที่คิดจะไปจับตัวอสูรมิติมา”
หวังเย่าเบิกตากว้าง “ซิดดี้งั้นหรือ ? ”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หวังเย่าก็ยิ้มออกมา
“อาเย่า นายรู้จักเขาหรือ ? ” โจวอวิ๋นถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ฉันรู้จักดีเลยล่ะ !” หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ น่าจะบอกว่าเขาเป็นศัตรูของฉันถึงจะถูก ! ”
“พี่เฟิง พี่เล่าต่อเลย…” หวังเย่าโบกมือ
“ก็ไม่มีอะไรมาก พ่อเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันไม่ยอมให้เธอตกอยู่ในมือคนอื่น ดังนั้นฉันจึงตามมาที่นี่”
“แต่ตอนที่เพิ่งจะมาที่เมืองนี้ฉันก็พบว่าโจวอวิ๋นและคนอื่น ๆ โดนไล่ล่า อีกฝ่ายมีคนมากกว่าและใช้พิษ ฉันช่วยมาได้แค่ลัวจ้าวฮวา”
“ใน 2-3 วันฉันก็ได้รับจดหมายเตือนบอกว่าให้ปล้นตั๋วเพื่อแลกกับคน”
“พูดถึงการปล้นแล้ว ฉันไม่อาจจะเป็นคู่มือของคนที่นี่ได้ ฉันมีทักษะเพียงทักษะเดียวที่โดดเด่นซึ่งก็คือความเร็ว”
“ฉันพยายามจนขโมยตั๋วมาได้อีก 2 ใบ เพื่อแลกตัวอันตงจ๋าและโจวอวิ๋นมา เพื่อจะตัดสัมพันธ์กับกลุ่มอีกาดำ ฉันคิดว่าจะใช้ตั๋วนี้เพื่อแลกกับตัวหลงปู้หยู๋มา”
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้” เฟิงถอนหายใจออกมา
หวังเย่าพยักหน้าและพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังองค์กรนี้คือซิดดี้ และคนที่อยู่เบื้องหลังซิดดี้คือต่งเหลิ่ง”
“ทำไมพวกนายสี่คนไม่หนีเมื่อโรงแรมโดนยึดไปแล้ว”
“ฉันรู้จักซิดดี้ดี เขาพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ครั้งที่แล้วเขาหนีมาได้ ครั้งนี้เขาจะไม่โชคดีหรอก อีกอย่างฉันก็พอมั่นใจในฝีมือตอนนี้อยู่บ้าง ! ” หวังเย่ายิ้มออกมา “ถ้าไปแลกตัวหลงปู้หยู๋มาในวันนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกนายทั้งสี่คนต้องตาย ! ”
โจวอวิ๋นและคนอื่น ๆ กลัวขึ้นมา แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ ก็พบว่ามันก็มีเหตุผล
“งั้นนายคิดว่าเราควรจะทำยังไง ? ”
หวังเย่าฮึดฮัดออกมา “เมื่อรู้ว่าคนอื่นหลอกใช้นายอยู่ พวกนายจะรู้สึกยังไง ? ”
ลัวจ้าวฮวาแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “มันต้องตาย ! ”
โจวอวิ๋นไม่ได้เสียสติไปด้วย “ตอนนี้เราฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาได้ก็จริง แต่เราไม่มีสัตว์อสูรอยู่ด้วย แม้ว่าจะมีสัตว์อสูร แต่ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของอีกฝ่ายได้อยู่ดี ! ” แม้ว่าจะมีหวังเย่าอยู่ด้วยแต่อีกฝ่ายมีกัน 100-200 คน พวกเขาไม่อาจจะรับมือได้แน่ !
เฟิงพยักหน้าและพูดขึ้นมา “เรื่องนี้ต้องปรึกษากันดี ๆ เราไม่รู้ว่าหลงปู้หยู๋โดนขังไว้ที่ไหน ถ้าเรารีบลงมือไป ฉันกลัวว่าคงเกิดเรื่องแย่ขึ้น”
หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “พวกนายทำการแลกเปลี่ยนตามปกติ แต่ก่อนที่จะไป ฉันจะเพิ่มความมั่นใจให้กับพวกนาย ! ”
อันตงจ๋าถามขึ้นมา “เหลือเวลาแค่ครึ่งวัน นายมีทางที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เราได้งั้นหรือ ? นอกซะจากว่านายมียาวิเศษที่ทำให้เราบินได้”
หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ฉันไม่มีหรอก แต่มันไม่น่าจะมีปัญหาในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกนายสัก 3 เท่าในวันเดียว”
“นายพูดจริงงั้นหรือ ? ” ลัวจ้าวฮวาตื่นเต้นขึ้นมา
“ก็รอดูสิ” หวังเย่ากอดอกและพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจ