ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 653 : พบเพื่อนเก่า
ตอนที่ 653 : พบเพื่อนเก่า
เทพสายลมฮีโร่ของชาวหัวเซี่ย คนที่หวังเย่าเคารพ แต่หวังเย่าไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ยังไง
“ผู้อาวุโส คุณรู้จักเจ้าของมีดนี่งั้นหรือ ? ” ชายคนนั้นถามขึ้นมาด้วยท่าทีสุภาพ
หวังเย่าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะหลับตาลงเพื่อรวบรวมสติ จากนั้นเขาก็ลองดมกลิ่นที่มีดดู
เขาได้เปิดระบบเพื่อทำการวิเคราะห์ไปด้วย
ไม่นานข้อมูลก็ถูกส่งเข้ามาในหัวของหวังเย่า
หวังเย่ามั่นใจแต่ไม่ได้ตอบเรื่องนี้กลับ “ฉันรู้สึกว่ามันดูคุ้น ๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน”
หวังเย่าวางมีดลงแล้วมองไปที่ชายคนนั้น “ฉันยังไม่ถามชื่อของนายเลย”
ชายคนนั้นตื่นเต้นขึ้นมาทันทีและรีบตอบกลับ “ฉัน วานเซ่ นี่น้องของฉัน วานซิด คำนับผู้อาวุโส”
“วานเซ่…ทำให้ฉันนึกถึงดาราไปได้” หวังเย่าพึมพำในใจ ยังไงซะชื่อนี้ก็จำง่าย
เขาพยักหน้าตอบรับ “ฉัน หวังเย่า ถ้านายไม่รังเกียจ เรียกฉันว่าพี่ก็ได้”
“ไม่กล้าหรอก มันดูเสียมารยาทเกินไป ฉันขอเรียกว่าผู้อาวุโสจะดีกว่า” แม้ว่าวานเซ่จะหยิ่งทะนงแต่ก็ได้รับการฝึกมารยาทมาอย่างดี
“นายบอกว่าคนที่แย่งตั๋วนายไปโดนพิษของน้องนายและคงอยู่ได้ไม่นานสินะ ? ”
“ใช่ มันคือพิษของตระกูลเรา ถ้าไม่มียาแก้พิษของเรา คนนั้นก็ต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย”
หวังเย่าคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นมา “นายเอายาแก้พิษมาให้ฉันก็ได้นะ ? เผื่อฉันจะได้ช่วยหาตั๋วของนายด้วยอีกแรง”
“ในเมื่อผู้อาวุโสออกปากแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เราไม่กล้าขัด นี่คือยาแก้พิษของเรา” เมื่อพูดจบ วานเซ่ก็ได้ส่งยาแก้พิษให้กับหวังเย่า
“ขอบคุณนายมาก ฉันอยู่ที่โรงแรมสันติ ถ้านายว่าง นายก็ไปดื่มและพูดคุยกับฉันสิ ถ้าฉันหาตั๋วนายเจอ เดี๋ยวฉันจะเอามาคืนให้นาย”
“ถ้าคุณหาตั๋วเจอ ผมจะไปรับมันด้วยตัวเอง”
“ได้ งั้นฉันขอตัวก่อน” หวังเย่าลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหาแฟนธอมและหลินฉี
“พี่หลินฉี ในอนาคตเราจะกลับไปที่ดาวฟิน พี่ต้องไปหาเราให้ได้นะ” วานซิดจับมือหลินฉีเอาไว้แล้วพูดขึ้นมา
“เธอได้เพื่อนแล้วหรือ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน ฉันกับเธอน่ะจะเป็นคนระดับสูงได้ในอนาคต” หลินฉีพูดขึ้นมา
“พวกเธอสองคนดูสนิทกันดีนะ ฉันเข้าไปยุ่งไม่ได้เลย” แฟนธอมพูดขึ้นมา
“หึหึ…” วานซิดยิ้มให้กับแฟนธอม ก่อนจะกระโดดไปตรงหน้าหวังเย่า
“ผู้อาวุโส พี่หลินฉีกับฉันตกลงกันว่าจะไปที่ดาวฟินกัน คุณต้องพาเธอไปให้ได้นะ”
หวังเย่ามองไปที่ดวงตาใสซื่อของวานซิด แม้ว่าเธอจะใส่หน้ากากแต่ตาคู่โตนี้ก็ดูใสซื่อไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก
หวังเย่าลูบหัววานซิดก่อนจะยิ้มออกมา “ได้ ฉันจะลองคิดดู”
หลินฉีและวานซิดโบกมือบอกลากันก่อนที่เธอจะเดินออกมาพร้อมกับแฟนธอมที่ตามหวังเย่าไป
เมื่อเดินออกมาที่ท้องถนน หวังเย่าก็ไม่ได้หันกลับไป เขาได้ถามขึ้นมา “ดาวฟินที่ว่าอยู่ที่ไหน เธอจะไปทำอะไรที่นั่น ? ”
หลินฉีหัวเราะออกมา “ดาวฟินเป็นดาวระดับ 180 มันไม่ใช่แค่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าแต่ยังเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมของดาวต่าง ๆ มันเหมือนกับบ้านเก่าของเรา แม้แต่เด็ก ๆ ก็ยังอยากไปที่นั่น สรุปคือเป็นที่ที่น่าสนใจ”
“เมื่อได้ยินที่เธอบอกมาแล้ว ฉันก็เริ่มสนใจขึ้นมาเหมือนกัน” หวังเย่าพูดขึ้น
“พี่เย่า ได้เบาะแสอะไรรึเปล่า ? ” แฟนธอมเห็นว่าหวังเย่ายังเดินหน้าโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่า หวังเย่ากำลังคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
อยู่ ๆ หวังเย่าก็หยุด “ที่นี่ไม่ใช่ที่ปลอดภัยของมนุษย์จิ้งจอก นายพาหลินฉีกลับไปที่โรงแรมก่อน เดี๋ยวฉันจะตามกลับไป”
แฟนธอมพยักหน้าตอบรับโดยไม่ถามอะไรมาก จากนั้นเขาก็พาหลินฉีกลับไปที่โรงแรม
หวังเย่าเดินหน้าต่อ เขามองไปรอบ ๆ เมื่อพบว่าไม่มีใครตามมา เขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาของโรงแรมแห่งหนึ่ง
เมื่ออยู่ที่สูงก็สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้น
ท้องฟ้ายังคงโปร่งใส ตอนนี้ลมก็ไม่ได้แรงมากนัก
หวังเย่าหลับตาลงและลองดมกลิ่นในอากาศ เขานึกถึงกลิ่นที่ได้จากมีดเมื่อตะกี้
“มันมีกลิ่นของสมุนไพร ก่อนที่จะลงมือ เทพสายลมบาดเจ็บงั้นหรือ ? ”
หวังเย่าสูดหายใจเข้าลึก ๆ และลองดมกลิ่นสมุนไพรดู
แต่ตอนนั้นเอง เขาก็ลืมตาขึ้นก่อนจะกระโดดไปที่หลังคาอีกแห่ง
“มันมีร้านยาอยู่ที่นั่น” หวังเย่ายืนอยู่บนหลังคาสักพักก่อนจะกระโดดลงไป
เขาเดินทางไปยังร้านยาแทบทุกร้านในเมือง
จนกระทั่ง หวังเย่ามาถึงถนนเส้นหนึ่งที่โรงแรมโดยรอบต่างก็โดนทำลาย ที่นั่นมีร้านค้าอยู่ไม่มากนัก
หวังเย่าเดินไปในท้องถนนอย่างไร้จุดหมายก่อนที่สุดท้ายจะได้กลิ่นที่คุ้นเคย
“มีกลิ่นสมุนไพรอยู่ที่นี่ ! ” หวังเย่าชะงักไปทันทีและลองดมกลิ่นที่ลอยออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่ง
ประตูของโรงแรมอยู่ในสภาพพังยับเยิน ป้ายโรงแรมก็หลุดร่วงลงมา
หวังเย่าเปิดประตูเข้าไปก่อนจะพบว่าที่ด้านในมีแต่กองไม้และเศษไม้
ที่นี่มืดและมีควันลอยออกมา
ทุกคนที่นี่ต่างก็ระวังตัวกันอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามา พวกเขาก็พากันกระโดดหนีออกทางหน้าต่างทันที
หวังเย่ามองไปยังต้นหญ้ารอบ ๆ เขาไม่ได้รีบไล่ตามคนเหล่านั้นไป แต่กลับเอาหอกออกมาจากแหวนมิติแล้วค่อย ๆ ถางหญ้าที่สูงในโรงแรมเข้าไป
สัญชาตญาณบอกเขาว่าคนที่นี่ไม่ได้หนีไป อีกฝ่ายเหมือนกับเสือที่ทำท่าจะหนี แต่อันที่จริงกลับซ่อนตัวอยู่
“นายเป็นใคร ? ”
อยู่ ๆ ที่ด้านหลังของเขาก็มีคนกระโดดเข้ามาและถามขึ้นมา เขาถือมีดสองอันในมือและยืนอยู่ที่ด้านหลังของหวังเย่า
หวังเย่าได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ก็ตัวสั่นก่อนจะหันกลับมาช้า ๆ
ชายคนนั้นแสดงสีหน้าเคร่งเครียด แต่เมื่อหวังเย่าหันกลับมา สีหน้าเคร่งเครียดนั้นก็หายไปในทันที
มีดในมือร่วงลงไปกับพื้น น้ำตาไหลออกมาจากตาของเขา ตัวของเขาสั่นไม่หยุด
“หวังเย่า เป็นนายนี่เอง…” ชายคนนั้นร้องไห้ออกมาก่อนจะวิ่งมากอดหวังเย่าไว้แน่น
ในพริบตาหวังเย่าก็น้ำตาไหลออกมาเช่นกัน
“พี่ ! ”
ทั้งสองกอดกันแน่นก่อนจะมองหน้ากัน
“พี่ ทำไมถึงแก่แบบนี้ ! ”
เทพสายลมตรงหน้านั้นกลับมีผิวที่เริ่มคล้ำ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น หนวดและผมของเขายาวจนถึงไหล่
เขาราวกับผู้อาวุโสที่หลุดมาจากโลกสมัยก่อนอย่างไรอย่างนั้น
ต้องรู้ก่อนว่าตอนที่หวังเย่าออกมาจากมิติลับนั้น แม้ว่าเทพสายลมจะดูหนุ่มแต่มันก็เป็นเพราะเขาบ่มเพาะมา มันจึงทำให้เขาดูมีอายุประมาณ 30 ปี
ตอนนั้นชายคนนี้ดูแข็งแกร่งและสูงส่งอย่างมาก
เขารู้ว่าเทพสายลมคือฮีโร่ของชาวหัวเซี่ย หญิงสาวหลายคนต่างก็หลงใหลในตัวเขาไม่น้อย
หากไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว ฟางอี้กับเขาต้องแต่งงานกัน
ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เทพสายลมตกอยู่ในสภาพนี้ได้ หวังเย่าคิดไม่ออก
“ใช่ ฉันแก่แล้ว…” เทพสายลมพูดขึ้นด้วยมือที่สั่น “เราต่างก็แก่กันแล้ว แต่นายยังดูดีเหมือนเดิม…” เทพสายลมเผยรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยออกมา
เขาเช็ดน้ำตาแล้วหัวเราะออกมา “พวกเฒ่า มาดูกันว่าใครมา ! ”
เมื่อพูดจบ เทพสายลมก็ได้ปัดพงหญ้ารอบตัวลง
“อย่า…อย่ามองฉัน…”
“อย่ามองฉัน ฉันไม่กล้าสู้หน้าเขา ! ”
เมื่อปัดพงหญ้าออกแล้วก็พบกับชายแก่ 3 คนนั่งยอง ๆ หลบอยู่
ทุกคนต่างก็ก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
หวังเย่าใจสั่น แม้ว่าเสียงนี้จะแหบแห้งแต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงพวกนี้อย่างบอกไม่ถูก
“พวกคุณ…” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่น
“พวกเรา….”
“นายจำผิดคนแล้ว นายไปเถอะ…”
ทั้งสามคนพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ลนลานและอดไม่ได้ที่จะสะอื้น
“นาย….โจวอวิ๋น !”
หวังเย่าเดินไปประคองชายคนหนึ่งให้ลุกขึ้นยืน
“ฉันไม่ใช่ นายจำผิดคนแล้ว ฉันไม่ใช่…” ชายแก่ที่ตัวผอมบางก้มหน้าไม่อยากให้หวังเย่าจำตัวเองได้
เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้ หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย่ารู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตา
มันผ่านมามากกว่า 70 ปีแล้วที่หวังเย่าออกมาจากมิติลับนั้น !
เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ออกจากโลกและการที่เขาบาดเจ็บ มันก็กินเวลามาเกือบ 65 ปีแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาอยู่ที่ดาวทมิฬอีก 3 ปี ตอนนี้เขาอยู่ในเขตดาวโบไลด์ การไหลของเวลามันแตกต่างกันแต่โดยรวมแล้วก็ประมาณ 70 ปีได้
70 ปีผ่านไป ตอนนี้โจวอวิ๋นอายุได้เกือบ 90 ปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีสัตว์อสูรคอยสนับสนุน เขาก็คงตายไปแล้ว
ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีเหมือนกับหวังเย่าที่จะได้กินผลเพิ่มพลังชีวิตนับไม่ถ้วน และด้วยพลังของสัตว์อสูรอีก มันจึงยากที่กาลเวลาจะทำอะไรเขาได้
“นายมองมาที่ฉันสิโจวอวิ๋น! ฉันเพื่อนนายไง หวังเย่า ! ”
หวังเย่าประคองโจวอวิ๋นเอาไว้ อีกฝ่ายมองมาที่หวังเย่าก่อนจะร้องไห้ออกมา