ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 652 : เขานี่เอง !
ตอนที่ 652 : เขานี่เอง !
ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่พากันพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“ ขอโทษที เมื่อคืนนี้เรื่องเกิดขึ้นที่ไหน ? ”
ตอนนี้ทุกคนพากันปิดบังตัวตนอยู่ พวกเขาจะไม่ยอมเปิดเผยตัวง่าย ๆ ว่าตัวเองมีตั๋วรึไม่
มีแค่เจ้าของร้านค้าตามท้องถนนเท่านั้นที่ไม่ได้สวมหน้ากาก และผู้คนมากมายต่างเข้ามาถามข่าวคราวจากพวกเขา
“เดินไปประมาณ 400-500 เมตรแล้วเลี้ยวขวา จากนั้นก็จะเห็นบ้านแถวที่พังลง ที่นั่นมีคนตายหลายร้อยคน ตอนนี้คนจำนวนมากแห่กันออกมาหมดแล้ว” พ่อค้าคนหนึ่งพูดขึ้น
“ขอบคุณมาก” หวังเย่าป้องมือให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกไปทันที
หลังจากนั้นสักพักพวกเขาก็มาถึงที่หมาย
ตึกแถวได้ถล่มลงไปหมด ที่นี่เป็นร้านค้า มีคนงานหลายคนที่พากันมาเก็บกวาดอยู่ แต่เพราะไม่มีคนท้องถิ่นตาย ดินแดนนรกจึงไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเรื่องนี้
ในดินแดนนรกนั้นการที่นักเดินทางตายไป ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป ฝ่ายลงทะเบียนก็แค่คอยจัดการเรื่องนี้
เมื่อมองออกไปก็พบว่าแทบจะทุกคนที่สวมหน้ากากกันอยู่ ทุกคนต่างก็คอยระวังตัวจากคนผู้อื่นทั้งนั้น
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไม่พบกับเบาะแสอะไร ตอนที่พวกเขากำลังจะเดินออกไปนั้นก็มีเสียงพึมพำดังขึ้นมา
หวังเย่าเดินตามคนอื่น ๆ ไป ก่อนจะเห็นกลุ่มโจรที่พากันแอบชี้มาที่หลินฉี
ในดินแดนนรกแห่งนี้มีร้านค้ามากมาย จึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนไม่ดีอยู่มาก เป็นบางครั้งที่พวกนักเดินทางจะเจอกับพวกขอทานในเมือง
“พี่เย่า พวกนั้นเหมือนจะหมายปองหลินฉีเอาไว้” แฟนธอมพูดขึ้นมา
“นายเห็นด้วยหรือ ? งั้นก็ลองเข้าไปถามดูหน่อย”
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของหวังเย่าเดินเข้ามาหาพวกตน พวกนั้นก็พากันแยกย้ายทันที แต่แฟนธอมมีหรือที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายได้หนีไปง่าย ๆ ? เขาดึงคอเสื้อของชายคนหนึ่งเอาไว้ได้
“ไว้ชีวิตฉันด้วย” ชายคนนั้นโดนกดเข้าไปที่กำแพง ตัวของเขาสั่นไปทั้งตัว
“ตะกี้พวกนายพูดอะไรกัน ? ”
โจรพวกนี้ไม่ได้ทำการลงทะเบียนไว้ในเขตดาวโบไลด์ ดังนั้นแม้ว่าแฟนธอมจะฆ่าพวกนี้ไปแต่ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
ชายคนนั้นมองไปที่แฟนธอมด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก่อนจะพูดว่า “เราไม่ได้พูดอะไร…นายหมายถึงอะไร ? ”
“งั้นพวกนายมองมาที่เธอทำไม ? ” แฟนธอมดึงมีดออกมาจ่อไปที่คอของอีกฝ่าย
“เราบอกว่าเธอใจกล้าดี เธอกล้าออกมาเดินแบบนี้ ”
หวังเย่าหรี่ตาลง “มีคนตั้งเยอะมาเดินในท้องถนน ทำไมเธอถึงจะไม่กล้าล่ะ ? ”
ชายคนนั้นมองไปที่หลินฉีแล้วพูดขึ้น “หูของเธอ”
หูจิ้งจอกที่โผล่ออกมาจากผมของหลินฉีนั้น มันก็ดูโดดเด่นจริงๆ
“นายหมายความว่าเพราะเธอเป็นมนุษย์จิ้งจอก จึงไม่ควรเดินทางมาที่นี่งั้นหรือ ? ”
“ไม่ใช่ เมืองชูโร่ไม่ได้ห้ามให้คนเผ่าของเธอเดินทางมาที่นี่ แต่…”
“แต่อะไร ? ”
“ไม่ใช่แค่คนหลายร้อยคนที่ตายไป เมื่อคืนนี้ มีแต่ผู้หญิงที่เป็นมนุษย์จิ้งจอกหายตัวไปหมด”
“หายตัวไปงั้นหรือ ? ” หวังเย่าแสดงสีหน้าสับสนออกมา “เป้าหมายของพวกนั้นคือตั๋วไม่ใช่รึไง ? มันเกี่ยวอะไรกับผู้หญิงเผ่าจิ้งจอกด้วย ? ”
“อาจจะไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด…”
“ทำไม ? ” แฟนธอมถามขึ้นมา
“ฉันก็ไม่รู้”
แฟนธอมกดมีดลงไปบนคอของอีกฝ่ายจนเริ่มมีเลือดไหลออกมา
“ฉันบอกแล้วๆ ! ฉันจะบอกทุกอย่างเลย ! ”
“พูดตรง ๆ แต่แรกก็จบแล้วไม่ใช่รึไง ? ”
“เมื่อคืนนี้ที่นี่โดนเผา พี่น้องของเราหลายคนพากันออกมาปล้น ก่อนที่เราจะหาเหยื่อได้ มันก็มีชายหญิง 2 คน พวกเขามีตั๋ว ผู้ชายดูแข็งแกร่งไม่น้อย แต่ผู้หญิงนั้นดูไม่ได้แกร่งอะไรเลย”
“ตอนที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนนั้น ก็มีนักสู้สองคนกำลังประลองพลังไฟกันอยู่ ผู้ชายคนนั้นวิ่งออกไปดูการต่อสู้และได้ทิ้งหญิงสาวไว้เพียงลำพัง ”
“ตอนนั้นโรงแรมที่นี่โดนเผาไปด้วย เรากำลังจะทำการปล้นเธอ แต่ก่อนที่เราจะได้ลงมือ มันก็มีกลุ่มคนในชุดดำพุ่งออกมาก่อน ชายคนนั้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตกอยู่ในอันตรายก็รีบกลับมาช่วย”
พวกคนชุดดำแกร่งอย่างมากจนสองคนนั้นไม่อาจจะรับมือไหว ตอนนั้นก็มีชายชุดดำคนหนึ่งแย่งตั๋วจากมือของเธอไปได้”
“แต่ถึงเธอจะดูอ่อนแอ แต่ก็แกร่งอยู่พอตัว เธอคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับเราได้แล้ว” โจรพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่หม่นลงไป
“ชายชุดดำแย่งตั๋วจากเธอไปได้ก็จริง แต่ก็โดนพิษไปด้วย พวกฉันเดาว่าชายคนนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน”
แฟนธอมมองไปที่อีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่ ทำไมนายไม่พูดออกมาตั้งแต่แรก ? ”
โจรยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “เพราะตอนนี้สองคนนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรายังไงล่ะ”
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดขึ้น “บ้านภูติ…”
เมื่อมองดูชั้นล่างก็พบกับชายและหญิง ทั้งสองกำลังนั่งดื่มไวน์กันอยู่
แม้ว่าผู้หญิงจะใส่หน้ากากแต่เธอก็ดูจะสูงแค่ 150 เซนติเมตร มือและขาเรียวยาว น้ำหนักไม่น่าจะเกิน 40 กิโลกรัม เธอมีหน้าอกที่โตซึ่งทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก
ไม่แปลกเลยว่าทำไมโจรถึงจำทั้งสองคนนี้ได้อย่างชัดเจน
“งั้นก็หมดธุระของนายแล้ว ออกไปได้แล้ว” แฟนธอมปล่อยมือจากชายคนนั้น ก่อนที่จะมองไปที่หวังเย่า เขาเข้าใจทันทีว่าหวังเย่าคิดอะไรอยู่
“คุณลูกค้าจะดื่มอะไรดี ? ”
“ขึ้นไปที่บาร์ก่อน” หวังเย่าพูดขึ้น
หลินฉีคอยจับตาดูผู้หญิงคนนั้นเอาไว้อยู่ตลอดเวลา
“พี่ เธอมีหูเล็กๆโผล่มาจากผมด้วย ดูน่ารักดีจริง ๆ ”
“เธอคิดว่านั่นเป็นหูจริงรึเปล่า ? ”
“ฉันได้ยินมาว่ามันมีดาวเคราะห์มากมายที่มีเผ่าพันธุ์จิ้งจอกอยู่ เธอคงไม่ใช่พวกระดับสูงสินะ ? ”
ชายที่นั่งอยู่กับเธอเริ่มหมดความอดทนและบ่นออกมา “วานซิด พ่อตั้งชื่อนี้ให้กับเธอแต่มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ ฉันล่ะเบื่อเธอแทบตายแล้ว ! ”
ผู้หญิงคนนั้นแลบลิ้นออกมา “ถ้าฉันพูดต่ออีกหน่อย พี่จะตายรึไง…”
ผู้ชายถอนหายใจออกมา “เธอดูไม่รีบร้อนเลยนะ ทำตัวอย่างกับไม่โดนขโมยอะไรไป ? ”
“รีบไปก็ไม่มีประโยชน์ เครื่องติดตามของฉันยังทำงานอยู่ ถ้ามันอยากจะอยู่ต่อก็ต้องมาหาฉันเพื่อเอายาแก้พิษ อดทนไว้น่ะดีที่สุดแล้ว”
“เธอนี่ใสซื่อจริง ๆ ”
“ฉันใสซื่อตรงไหนกัน ? ” เธอถามขึ้นมา
“เธอไม่ค่อยเข้าใจสังคมเลย ! เธอคิดว่าพวกคนที่ยอมเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงจะยอมทิ้งของที่พวกเขาปล้นไปและมาขอความเมตตาจากเธองั้นหรือ ? ”
“ทำไมจะไม่มา ? ” เธอพยักหน้าและพูดขึ้น
“มันมีคนหลายร้อยคนที่ตายไปเมื่อคืนนี้ เธอคิดว่าพวกนั้นไม่รู้รึไงว่าต้องเอาชีวิตของตัวเองมาเดิมพันตั้งแต่แรกแล้ว ?”
“ชีวิตน่ะเหมือนกับเงินที่ใช้พนันสำหรับพวกนั้น ไม่ว่าจะแพ้รึชนะ พวกนั้นก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทีโกรธออกมา ผู้หญิงคนนั้นก็ยักไหล่ “อย่าเพิ่งโกรธไป”
“โดนขโมยของไปแต่ยังออกมาด้านนอกแบบนี้ ทำให้ฉันเสียหน้าจริง ๆ ”
“พี่ไม่ใช่คนใหญ่โตอะไรนิ หน้าตาของพี่จะไปมีความสำคัญอะไร ? ”
“เธอไม่สนใจชื่อเสียงของฉันเลยสินะ”
“ไม่รู้สิ แล้วพี่ล่ะ วานเซ่ ? ใครกันที่เห็นเทพไฟเมื่อคืนนี้แล้วทำการบูชาเขาทันที ? ”
“เธอ…เธอไม่รู้อะไรหรอก ! ฉันแค่จะทักทายเขา ถ้าไม่ใช่เพราะมัวมาช่วยเธอ ฉันคงได้คุยกับเขาไปแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจออกมา “เฮ้อ…โชคร้ายที่พี่รู้จักคนพวกนั้น แต่พวกนั้นไม่รู้จักพี่”
“เธอ…อย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้าลงมือกับเธอนะ ! ”
ชายคนนั้นจับขวดไวน์ที่โต๊ะขึ้นมาและทำท่าจะฟาดเธอ แต่เธอก็รีบยกมีดขึ้นมาทันที
“มีดพัง ๆ คิดว่าจะรับมือฉันไหวรึไง ? โยนมันทิ้งเถอะ”
ชายคนนั้นวางขวดไวน์ลงไปที่โต๊ะและมองไปที่มีดในมือผู้หญิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“มีดนี่ไม่ได้ดีนักแต่ก็อาจจะได้ข้อมูลนักฆ่าได้ พี่รอดูละกัน อีก 2-3 วันฉันจะจับเขาให้ได้”
ชายคนนั้นเทไวน์ให้ตัวเองแล้วพูดขึ้น “ตอนที่เธอจับเขาได้ ฉันกลัวว่าเขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว ! ”
“พี่นี่ไม่คิดจะช่วยฉันเลยสินะ พี่ดูไม่เหมือนพี่ฉันเลย ทำให้ฉันโกรธอยู่ตลอด ฉันจะไม่สนใจพี่แล้ว” เธอยกมือขึ้นแล้วฟาดลงไปที่โต๊ะ
หวังเย่าที่กำลังนั่งดื่มและฟังที่ทั้งสองคนพูดกันอยู่ ก็คิดว่ามันน่าตลกดี
เขามองไปที่มีดในมือของผู้หญิงและพบว่ามีดนั่นมีตัวหนังสือสลักเอาไว้ แต่มันเขียนว่าอะไรนั้นเขามองไม่ออก
ลูกแก้วที่ติดอยู่บนชุดของหลินฉีหลุดออกแล้วกลิ้งไปหาหญิงสาวคนนั้น
“ฉันเก็บให้เอง” หวังเย่ายิ้มออกมาและเดินเข้าไปเก็บ
เธอมองไปที่ลูกแก้วที่กลิ้งเข้ามาก่อนจะก้มตัวลงเก็บ
“นี่ ” เธอยกมือขาว ๆ ขึ้นและส่งลูกแก้วให้กับหวังเย่า
หวังเย่ายิ้มออกมา “น้องสาว เธอช่วยคืนลูกแก้วนี่ให้พี่สาวคนนี้ได้รึเปล่า ? ”
หลินฉีเดินตามหวังเย่ามา หูของเธอกระดิกไปตาม
ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยท่าทีดีใจ “ได้ สบายมาก ”
เธอรีบก้าวออกมาข้างหน้า เพราะไม่อาจจะพลาดโอกาสนี้ได้
“เรารู้จักกันรึเปล่า ? ” พี่ชายของหญิงสาวคนนั้นมองไปที่หวังเย่า แต่ก็ไม่ได้ห้ามน้องสาวของตนแต่อย่างใด
เพราะในความเห็นของเขาแล้ว อีกฝ่ายทำอะไรน้องสาวของเขาไม่ได้เมื่อเขายังอยู่ที่นี่
“นายคงไม่มีเพื่อนง่าย ๆ ถ้านายจะระวังตัวแบบนี้” หวังเย่ามองไปที่ผู้ชายคนนั้นแล้วยิ้มให้
“โลกนี้ใหญ่โตแต่ก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนฉันได้ นายคิดว่านายคู่ควรรึไง ? ” ชายคนนั้นมองไปที่หวังเย่าด้วยท่าทีหยิ่งทะนง
“ฉันอยากให้นายรับรู้เอง..” หวังเย่าพูดจบก็กางมือออกก่อนจะมีไฟลุกขึ้นมา
ไฟนี้ทำให้อากาศที่นั่นร้อนขึ้นมา ชายคนนั้นรู้สึกว่าหวังเย่าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“ตอนนี้…นายคิดว่ายังไง ? ” หวังเย่าดับไฟในมือแล้วถามอีกฝ่าย
“นาย…นายคงไม่ใช่คนที่สู้กันเมื่อคืนหรอกนะ…”
หวังเย่ายกนิ้วขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้าให้กับอีกฝ่าย
“ผู้อาวุโส ฉันรู้จักนาย ฉันขอโทษที่ไม่สำรวม” ท่าทีของชายคนนี้เปลี่ยนไปทันที เพื่อนของเทพไฟจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว
ตะกี้นี้เขากลับทำตัวหยิ่งทะนงต่อหน้าคนสูงส่งแบบนี้ได้ยังไง เขาสมควรตายจริง ๆ !
เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ดูเหมือนว่าชื่อของฟู่หมิงจะมีประโยชน์อยู่” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะทึ่ง
“ไม่ต้องสุภาพไป ฉันแค่ออกมาเดินเล่นเพื่ออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้” หวังเย่าถามขึ้นมา
เมื่อเพื่อนของเทพไฟถามเรื่องนี้ ชายคนนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาได้บอกทุกอย่างที่เขารู้ให้หวังเย่าฟัง
เรื่องกลุ่มโจรที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีกว่า 10 คนที่มาโจมตีพวกเขานั้นถูกเล่าออกมาให้หวังเย่าฟังอย่างละเอียด หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะจับมีดบนโต๊ะขึ้นมาดู
“ นี่คือสิ่งที่นักฆ่าทิ้งเอาไว้เมื่อคืนนี้ เขาโดนพิษของน้องสาวฉันไป ฉันคิดว่าเขาคงไม่รอด”
สำหรับหวังเย่าในตอนนี้แล้ว มีดนี่ไม่ได้ดูพิเศษอะไรแต่หากอยู่ในโลกมนุษย์แล้ว อาวุธนี้ถือว่าอยู่ระดับ SSS เลยก็ว่าได้
เมื่อพลิกมีดนี่ไปอีกด้านและเห็นตัวหนังสือที่สลักเอาไว้ หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น
“เทพแห่งสายลม ! ”
หวังเย่าตกตะลึงอย่างมาก “เป็นเขานี่เอง ! ”