ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 649 : แก่นไฟ
ตอนที่ 649 : แก่นไฟ
หลังจากที่หิมะตกหนักมาทั้งคืน ตอนเช้าทั้งเมืองจึงเต็มไปด้วยหิมะที่หนาเตอะปกคลุมอยู่
หิมะกองกันสูงจนถึงเข่า และภายใต้หมอกหนาที่ปกคลุม มันจึงทำให้โลกนี้ดูลึกลับและแปลกประหลาดยิ่งกว่าเก่า
หวังเย่าไม่เคยเรียนรู้ทักษะการบินแต่เพราะมีค้างคาวของแฟนธอม มันจึงทำให้ร่างกายเขาลอยอยู่ในอากาศได้
หลังจากที่เข้าร่วมกองกำลังดวงดาวแล้ว เขาก็ได้เรียนรู้ทักษะการบินและทักษะอื่น ๆ มา มันจึงทำให้การบินของเขาดูจะง่ายขึ้นมาอย่างมาก
และด้วยความช่วยเหลือจากไฟหยินหยางที่พ่นออกมาจากเท้าของเขา เขาก็เหมือนกับจรวดที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับแสง
ในพริบตาฟู่หมิงและหวังเย่าก็มาถึงชานเมืองชูโร่ได้
พวกเขายืนอยู่บนภูเขาที่ปกคุมไปด้วยหิมะ ทั้งสองคนมองออกไปภายนอกก่อนที่ฟู่หมิงจะพูดขึ้น “หวังเย่า เท่าที่ฉันรู้จักนายมา ฉันรู้สึกว่าคงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอีกแล้ว”
“ในโลกนี้ฉันถูกเรียกว่าเทพไฟ เอาจริง ๆ ฉันเป็นลูกหลานของเทพไฟ ในจักรวาลนี้ถ้าพูดถึงศิลปะการกลั่นยาแล้ว เรียกได้ว่าฉันไม่เป็นสองรองใคร ”
“เทพไฟ ! ” หวังเย่าเข้าใจทันที
“นายอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเขา แต่คงเคยได้ยินฉายาของเขามาบ้าง บรรพชนของฉันคือตี้เหอ”
“ตี้เหองั้นหรือ ? ” หวังเย่ารู้สึกว่าชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก
“นายเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับโลกก่อนหน้านี้รึเปล่า ? ” ฟู่หมิงเอามือไขว้หลังแล้วถามขึ้นมา
“ฉันพอรู้อยู่ ที่โลกฉันมีตำนานเรื่องนี้เผยแพร่ไปทั่ว เง็กเซียนฮ่องเต้และฉางเอ๋อให้กำเนิดลูก 10 คน ลูกทั้งสิบต่างก็เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาอยู่ในทะเลตะวันออก และจะผลัดกันลงมาให้แสงสว่างแก่โลกมนุษย์ มีอยู่วันหนึ่ง ทั้ง 10 กลับปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันซึ่งได้สร้างหายนะให้กับโลกอย่างมาก ดังนั้นเง็กเซียนจึงสั่งให้ชายที่ชื่อว่าโฮ้วอี้ลงมาปราบพวกเขา โดยการยิงดวงอาทิตย์ให้ตกลงมา 9 ดวง และเหลือเพียงแค่ดวงเดียว จึงทำทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ”
“ฉางเอ๋อมาจากตระกูลของฉัน เธอถึงได้บ่มเพาะไฟทองขึ้นไปถึงเลเวล 200 ได้ ตอนที่เริ่มต้นฝึกทักษะนี้ เธออยากจะควบคุมลูกไฟทั้งสิบให้ได้ แต่สุดท้ายก็ถูกโฮวอี้ยิงดวงอาทิตย์ทั้ง 9 ลงไป เธอถูกบรรพชนของฉันช่วยเอาไว้” ฟู่หมิงพูดขึ้นและมองออกไปยังภูเขาภายนอก
“ไฟเลเวล 200 สามารถใช้เป็นดวงอาทิตย์ได้งั้นหรือ ? ” หวังเย่าถึงกับอึ้งไป
ฟู่หมิงพยักหน้า “อันที่จริงมันอยู่ที่เลเวล 180 เท่านั้น ด้วยการสนับสนุนจากของบางอย่าง มันจึงทำให้มีพลังมากกว่าเดิม นายเองก็สามารถสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นมาได้”
“ด้วยการฝึกกฎไฟถึงเลเวล 170 นายจะสามารถเดินทางไปยังใจกลางจักรวาลเพื่อฝึกฝนพลังไฟที่แกร่งกว่าได้”
สายตาของหวังเย่าสั่นไหวขึ้นมาทันที “เดี๋ยวนะ…พี่หมายความว่าพลังกฎมันฝึกฝนกันได้งั้นหรือ ? ไม่ใช่ว่าพลังจะได้มาจากการกลืนหินกฎรึไง ? ”
“พลังกฎคือพลังธรรมชาติในโลก เลเวลสูงสุดของมันคือ 120 จากนั้นนายก็ต้องกลืนกินพลังกฎอื่น ๆ เพื่อเพิ่มเลเวล” ฟู่หมิงยิ้มออกมา
“ธรรมชาติมีพลังกฎอยู่ 7 อย่าง, ทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ, ดิน, ลม และสายฟ้า ! ”
“หิมะและน้ำแข็งเป็นพลังแยกย่อยจากธาตุน้ำ มันก็เหมือนกับธาตุน้ำ ธาตุอื่น ๆ ก็แยกย่อยออกไปได้อีก อย่างเช่นไฟของนาย มันคือพลังของธาตุไฟ”
“จากธาตุทั้ง 7 ธาตุที่ฝึกฝนได้ยากที่สุดคือไฟกับสายฟ้า”
“การบ่มเพาะธาตุอื่น ๆ นั้น ตราบใดที่มีพื้นที่ที่เหมาะสม พลังของธาตุก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว”
“ธาตุที่ง่ายที่สุดคือธาตุดิน มันฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วตราบใดที่เท้าของเราแตะพื้นดินอยู่”
“แต่ไฟกับสายฟ้านั้นมันต่างออกไป พื้นที่ฝึกฝนนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายถึงชีวิต”
“คนที่ฝึกฝนธาตุสายฟ้านั้นเพื่อที่จะยกระดับตัวเองต้องไปยังพื้นที่ที่มีเมฆดำสั่งสมกันมาก ๆ เพื่อที่จะไล่ตามความแข็งแกร่ง พวกเขาถึงกับยอมรับการลงโทษจากสวรรค์”
“ธาตุไฟเองก็เหมือนกัน สถานที่ที่ดีที่สุดในจักรวาลสำหรับการฝึกฝนธาตุไฟคือดวงอาทิตย์ แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าไปที่นั่นได้ ? ”
“ความเสี่ยงสูงก็ได้ผลตอบแทนที่สูง ไฟและสายฟ้าคือธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล”
“ถ้านายว่างก็ไปหาฉันที่เขตจิวเหยาได้ ดาวเคราะห์ที่ฉันอยู่นั้นรายล้อมไปด้วยดวงอาทิตย์ 9 ดวง มันคือพื้นที่ที่เหมาะที่สุดในการฝึกฝนธาตุไฟ”
ใบหน้าของหวังเย่าร้อนผ่าว เขารู้สึกกังวลขึ้นมาเมื่อคิดว่าการจะโดนแสงแดดจากดวงอาทิตย์ทั้งเก้าเผานั้น มันต้องเจ็บปวดอย่างมากแน่ ๆ
“แต่…ธาตุไฟของฉันยังไม่ถึงเลเวล 170 ฉันไม่น่าจะไปที่เขตจิวเย่าได้”
“ฉันเป็นราชาของเขตนั้น เมื่อมีลูกแก้วในตัว ทุกคนในเขตจะรับฟังคำสั่งของฉัน ถ้านายมา ฉันยินดีต้อนรับเสมอ”
หวังเย่าใจสั่นขึ้นมาทันที “พี่เป็นเทพจริง ๆ สินะ ! ”
มันไม่เกินไปที่จะเรียกว่าเทพ เพราะคนที่สามารถปกครองทั้งเขตได้นั้นบอกได้ว่าคงมีแต่เทพเท่านั้น
ในเขตจิวเหยา เขาปกครองทุกสิ่ง ทุกคำพูดและการกระทำของผู้คนขึ้นอยู่กับเขาเป็นผู้ตัดสิน
“เดี๋ยวนะ… นายดูดซับลูกแก้วไปแล้ว…ทำไมนายไม่กลายเป็นหิน ? ”
ตอนนั้นหวังเย่าสับสนนิด ๆ เขานึกถึงภรรยาของเขา ชูหยุนและลูกของเขาที่ตอนนี้อาจจะโตแล้วก็ได้
ตอนที่ชูหยุนดูดซับลูกปัดไป เธอมีความสามารถในการควบคุมโลก เธอย้ายโลกของเธอเข้าไปในอีกมิติ แต่เธอมีชีวิตอยู่ได้แค่ 10 ปีเท่านั้น
10 ปีต่อมาชูหยุนก็ได้กลายเป็นรูปปั้น กฎของโลกและวิญญาณของเธอรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“เพราะมันธรรมดาเกินไป เขตจิวเหยาอยู่แค่ระดับ 130 ตอนที่ฉันออกจากเขตหวงห้ามทั้งสามมา ธาตุไฟของฉันก็เพิ่มขึ้นมาถึงเลเวล 170”
“หลังจากที่ยึดเขตจิวเหยาทั้งหมดได้ ธาตุไฟของฉันก็แกร่งพอที่จะก้าวข้ามผลข้างเคียง ดังนั้นฉันจึงไม่ได้กลายเป็นหินและมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ”
“อย่างนี้นี่เอง ถ้า…”
“ไม่ต้องมีถ้า..”
หวังเย่าพึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกว่าเขาสูญเสียบางอย่างไป ถ้าเขาหาหินเลเวล 100 เจอ งั้นถ้าให้ชูหยุนดูดซับมัน เธอก็จะไม่ตาย แต่รู้ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว ภายใต้เงื่อนไขเวลาแล้ว หวังเย่าไม่อาจจะหาหินที่มีเลเวลมากกว่า 100 ได้
“ความรู้สึกผิดในชีวิตไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ นายไม่ต้องโทษตัวเองหรอก” ฟู่หมิงตบไหล่หวังเย่าเพื่อปลอบใจ
“จักรวาลนี้กว้างใหญ่นัก มีแค่คนที่มีความคิดเปิดกว้างเท่านั้นที่จะเดินทางในจักรวาลได้”
“ถ้านายยังอยากอยู่ต่อ นายก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น ไฟเลเวล 120 ของนายถือว่าแกร่งได้ที่สุดแล้ว ถ้านายอยากเพิ่มเลเวลของมัน นายก็ต้องกินแก่นไฟเข้าไป”
“แก่นไฟงั้นหรือ ? ฉันจะไปหามันได้จากไหน ? ” หวังเย่าสับสน
ฟู่หมิงชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า “ในดวงอาทิตย์ มันต้องมาจากส่วนหลักด้วย”
“ชัดแล้วว่าที่เขตดาวโบไลด์นี้ไม่อาจจะหาได้” ฟู่หมิงหัวเราะออกมา
หวังเย่าอ้าปากและพูดขึ้น “พี่ล้อฉันเล่นรึไง ? ด้วยความแข็งแกร่งของฉันตอนนี้แล้ว ฉันคงโดนเผาก่อนจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ! ”
เมื่อคิดแบบนั้น หวังเย่าก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเสียดาย “งั้น…ก็หมายความว่าพลังไฟของฉันจะหยุดที่เลเวล 120 งั้นหรือ ? ”
“ฉันรู้ว่านายทำไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจจะให้แก่นไฟกับนาย 3 อัน ! ”
หวังเย่าถึงกับช็อกเมื่อได้ยิน เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะให้ของขวัญที่มีค่ากับเขาแบบนี้
การเข้าไปในส่วนลึกของดวงอาทิตย์เพื่อเก็บแก่นไฟมานั้นอันตรายเกินกว่าจะคาดถึง แต่ฟู่หมิงกลับจะให้ของแบบนี้กับเขาถึง 3 ชิ้น !
นี่มันดีเกินไปแล้ว !
นี่ฟู่หมิงเข้าใจผิดรึว่าโง่กันแน่ ?
ไม่สิ …ไม่ควรคิดแบบนั้น
อันที่จริงตอนแรกฟู่หมิงก็ไม่คิดจะให้แก่นไฟถึง 3 อัน เพราะยังไงของแบบนี้ก็มีค่าสำหรับเขาอย่างมาก แต่หวังเย่านั้นใจกว้างให้น้ำศักดิ์สิทธิ์กับเขาถึง 20 ขวด เพื่อเป็นการตอบแทน ฟู่หมิงจึงให้หวังเย่าดูหนังสือศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่าทดแทนบุญคุณแล้ว แต่เขาคิดว่าหวังเย่าไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการดูหนังสือนี้ หวังเย่าอาจจะพบกับกำแพงที่ส่งผลต่อการพัฒนาตัวเองในอนาคต เขากลัวว่าตัวเองจะติดหนี้หวังเย่า ดังนั้นเขาจึงเอาแก่นไฟนี้ออกมาชดใช้
เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของหวังเย่า ฟู่หมิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
“หวังเย่า นายคงไม่รังเกียจที่จะเรียกฉันว่าพี่หรอกนะ”
“พี่” หวังเย่ายิ้มออกมาและรีบตะโกนขึ้น
ฟู่หมิงยิ้มและพูดขึ้น “แก่นไฟก้อนแรกถือว่าเป็นตัวแทนความเป็นพี่น้องของเรา อันหนึ่งให้เพื่อขอบคุณนายที่ให้น้ำศักดิ์สิทธิ์กับฉัน อีกอันฉันให้นายเพราะเห็นว่านายต้องการมันเพื่อเพิ่มเลเวลให้กับไฟของนาย ในฐานะพี่แล้วฉันไม่อาจจะอยู่เฉยได้”
เมื่อพูดจบ ฟู่หมิงก็ผายมือออกพร้อมกับแก่นไฟที่ปรากฏขึ้นมาในมือ
แก่นไฟนี้เป็นลูกไฟเล็ก ๆ แต่พวกมันมีพลังไม่จำกัด มันมีชั้นโปร่งใสครอบคลุมมันอยู่เพื่อให้มั่นใจว่าของอื่น ๆ ในแหวนมิติจะไม่โดนทำลายไปด้วย
“น้องที่ดีต้องรับความหวังดีจากพี่เอาไว้” ฟู่หมิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นแก่นไฟทั้งสาม หวังเย่าก็ใจสั่น ของมีค่าแบบนี้เขาไม่อาจจะปฏิเสธได้จริง ๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…เขาอยากเพิ่มเลเวลให้ไฟหยินหยาง เขาไม่อาจจะปฏิเสธแก่นไฟนี้ได้ หากเลเวลของไฟไม่ถึง 170 เขาก็ไม่อาจจะเข้าไปที่ดวงอาทิตย์ได้
หวังเย่าตัวสั่นและมองไปที่ฟูหมิง “ขอบคุณพี่มาก”
ฟู่หมิงพยักหน้าและวางแก่นไฟทั้งสามไว้บนมือของหวังเย่า
“แก่นไฟทั้งสามนี้เพียงพอจะเพิ่มเลเวลไฟให้เป็น 150 ได้ แต่การดูดซับมันไม่ใช่เรื่องง่าย นายต้องอดทนเอาไว้” ฟู่หมิงจับมือหวังเย่าเอาไว้และย้ำออกมา
“ตอนที่นายดูดซับมันเสร็จ นายไปหาฉันที่เขตจิวเหยา จากนั้นฉันจะช่วยให้ไฟของนายขึ้นไปเลเวล 170 ให้ได้”
เมื่อกำแก่นไฟในมือ หวังเย่าก็รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่ฟู่หมิงมีให้กับเขา
ดูเหมือนว่าฟู่หมิงจะมองเขาเป็นน้องจริง ๆ !
เมื่อคิดถึงความงกของตัวเอง หวังเย่าก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
เขาต้องตอบแทนอีกฝ่ายอย่างแน่นอน