ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 647 : แก่นพันชีวิต
ตอนที่ 647 : แก่นพันชีวิต
ตอนนี้ไฟได้ลุกไหม้ทั่วท้องฟ้า แต่ทุกคนต่างก็พากันจับตามองดูหวังเย่าและฟู่หมิง
หวังเย่าและฟู่หมิง ทั้งสองไม่ได้สวมหน้ากาก และต่างก็พากันพุ่งไปที่โรงแรมสันติ
ที่ด้านนอกโรงแรมนั้น เหอเจียได้กลับมาเป็นหญิงสาวดังเดิม และต้องบอกว่าตอนนี้เธอดูดีกว่าเก่าด้วยซ้ำ
“ผู้อาวุโส” เหอเจียโค้งให้กับฟู่หมิง ชายคนนี้เป็นใครเธอนั้นทำไมเธอจะไม่รู้ดี
เพราะในห้องหนึ่งของโรงแรมนั้นมีรูปของฟู่หมิงอยู่ และที่ผ่านมากั้วหงทำการเคารพรูปนี้อยู่ทุกวัน
ตอนนี้สามีของเธอไม่อาจจะพัฒนาตัวเองได้และต้องตายไป ดังนั้นเธอจึงต้องคืนหนังสือศักดิ์สิทธิ์ให้กับเทพไฟ
ฟู่หมิงมองไปรอบ ๆ และพยักหน้าให้ “ยาฟื้นฟูที่ท่านหวังเย่าให้เธอมานั้นมีผลที่โดดเด่น แม้แต่ฉันก็ยังต้องเสียดาย”
เหอเจียตัวสั่นและรีบพูดขึ้น “ฉันรู้ว่าผู้อาวุโสต้องการน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่ ตอนนั้นฉันน่าจะเอาไว้ให้ท่าน”
“เหอเจีย เธอไม่ต้องกังวลไป ฉันแค่ล้อเล่น แค่น้ำศักดิ์สิทธิ์ขวดเดียวไม่อาจจะลบล้างความแก่ของฉันได้หรอก”
เขาอยู่มานานแล้ว ด้วยอายุของเขาแล้ว น้ำศักดิ์สิทธิ์นี่มันจึงมีความหมายอย่างมากกับการเพิ่มอายุขัยของเขา
คนที่อายุเยอะแบบนี้จะใช้เวลากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตไปกับการนอน พวกนี้จะนอนจริง ๆ ราวกับจำศีลไม่ขยับไปไหน
มันมีคนไม่มากที่จะเป็นเหมือนเขา ที่อายุเยอะแล้วแต่ก็ยังออกเดินทางอยู่ตลอด
ฟู่หมิงมองไปที่ค่ายกลที่เหอเจียใช้ ก่อนจะสะบัดมือเบา ๆ แล้วสร้างชั้นไฟห่อหุ้มค่ายกลอีกชั้น
“ขอบคุณผู้อาวุโส” เหอเจียแสดงสายตาตื่นเต้นออกมาและโค้งให้อีกรอบ
ด้วยการที่มีเทพไฟคอยช่วย ค่ายกลนี้ก็แกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เมื่อวิญญาณทั่วไปสัมผัสมันจะโดนเผาตายทันที ในอนาคตโรงแรมแห่งนี้จะถือว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในที่นี่ก็ว่าได้
เหอเจียมองไปที่หวังเย่า เมื่อได้ยินว่าฟู่หมิงเรียกหวังเย่าว่าท่าน เธอก็รู้สึกว่าชายคนนี้จะต้องมีฐานะที่สูง
“ผู้อาวุโสทั้งสองเชิญเข้าไปด้านในก่อน ด้านนอกอากาศมันเย็น”
มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่มนุษย์ไฟทั้งสองจะรู้สึกหนาว แต่ด้วยความสุภาพแล้ว เธอจึงต้องเชิญทั้งสองเข้าไปด้านใน
หิมะเริ่มตกลงมา แสงสีเหลืองจากโรงแรมส่องสะท้อนออกมา แต่ที่นั่นกลับเงียบสนิท
เหอเจียเปิดประตูออก ผายมือเชิญทั้งสองคนเข้าไปที่ด้านใน
หวังเย่าและฟู่หมิงจึงเดินเข้าไปที่ด้านในทันที
“ฟู่หมิง…”
ผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวหยิงรีบเดินเข้ามาหาฟู่หมิงและกอดแขนของเขาเอาไว้ราวกับว่ากลัว
“ไม่เป็นไรแล้ว ” เขาตบหลังของเธอเบา ๆ เพื่อปลอบเธอ
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ หลินฉีก็มองไปที่หวังเย่าและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าสับสน “พี่เย่า พวกนายสองคนขึ้นไปทำอะไรกัน ตะกี้นี้พวกนายสู้กันอยู่แต่กลับหยุดมือ และตอนนี้ก็ทำราวกับรู้จักกันมานานแล้ว ? ”
แฟนธอมยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ใช่ ฉันกับหลินฉีกำลังลงมือ เด็กผู้หญิงนี่กลัวจนแทบจะร้องไห้”
หวังเย่ายิ้มออกมา “พวกนายยังไม่รู้ความจริงอีกหรือ ? ”
ทั้งสองคนพยักหน้าทันที
“พวกนายยังไม่ขอโทษเธออีกรึไง ?”
“เอ่อ…เราขอโทษ ” ทั้งสองรีบโค้งให้เสี่ยวหยิงทันที
ฟู่หมิงเป็นคนใจกว้าง เขาไม่ได้ถือสาอะไร “ก็แค่เข้าใจผิด อย่าสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย”
“เด็กน้อย ไม่ต้องร้องไห้แล้ว” ฟู่หมิงลูบหัวเสี่ยวหยิงแล้วพูดขึ้นมา
“ผู้อาวุโสทั้งสอง ที่นี่มีคนอยู่เยอะ เชิญขึ้นไปพักที่ห้องน้ำชาด้านบนเพื่อพูดคุยกันจะดีกว่า”
หวังเย่าและฟู่หมิงเหมือนจะกลายเป็นเพื่อนกันแล้ว ทั้งสองคนจึงพยักหน้าให้กัน
….
ที่ห้องน้ำชาด้านบน
ที่ด้านนอกยังมีหิมะตกโปรยปราย แต่ในห้องนั้นไม่ได้เย็นมากนัก ข้างในห้องยังมีกลิ่นของไม้จันทร์ลอยอบอวนอยู่
ที่โต๊ะน้ำชา ก็มีกาน้ำชาถูกวางเอาไว้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว
หวังเย่าและฟู่หมิงเข้าไปนั่งพร้อมกับมองออกไปที่ด้านนอกและดื่มชาไปด้วย
มันไม่มีคนอื่นในห้องนอกจากทั้งสองคน
หวังเย่าได้สั่งให้หลินฉีพาเสี่ยวหยิงไปเล่นที่อื่น
หลินฉีเองก็เป็นคนร่าเริง ไม่นานเธอก็เข้ากับเสี่ยวหยิงได้อย่างรวดเร็ว
เสี่ยวหยิงเป็นเด็กน้อยที่ใสซื่อ แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่ยอมเปิดเผยตัวตน แต่สุดท้ายเธอจะปากแข็งได้สักแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินฉีและแฟนธอม
หลังจากที่คุยกันได้ไม่นาน พวกเขาก็รู้จักกันดีขึ้น
“คนของเทพไฟ…พระเจ้า” เมื่อได้ยินฐานะของเสี่ยวหยิงแล้ว หลินฉีก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายก็คงจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“งั้นทำไมเจ้านายของเธอถึงได้มาที่นี่ ? ” แฟนธอมถามขึ้นมา
“แน่นอน เขามาเพื่อจะมาเอาหนังสือศักดิ์สิทธิ์…” เสี่ยวหยิงตอบกลับ
….ที่ห้องน้ำชา
“ฟู่หมิง ด้วยความแข็งแกร่งของนายแล้ว น้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อนายมากไม่ใช่รึไง ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
ตอนนี้ในแหวนของเขามีน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่เป็นจำนวนมาก บางครั้งตอนที่เขาคอแห้งเขาถึงกับเอามันออกมาดื่ม 1-2 ขวดอย่างกับน้ำเปล่า
ถ้าอีกฝ่ายต้องการน้ำนี่จริง ๆ หวังเย่าก็ไม่รังเกียจที่จะแบ่งให้กับเขา เพราะถึงยังไงของนี่ก็ต้องดื่มทุก ๆ 500 ปีถึงจะส่งผลต่ออายุขัย มันจึงไม่ได้มีความหมายต่อหวังเย่ามากนัก
ฟู่หมิงพยักหน้าและพูดขึ้น “จากอายุของฉันแล้ว การดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่ไปก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก ตอนที่ฉันยังเด็ก มีคนเคยเอาผลสมองราชาภูติมาให้กับฉัน และฉันก็ยังได้กลั่นน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่มา 2 ขวด ขวดแรกมันสามารถเพิ่มอายุขัยให้กับฉันได้ 200 ปีจริง ๆ แต่ขวดที่สองนั้นพลังของมันลดงลงไปอย่างมาก แต่ก็ยังสามารถเพิ่มอายุขัยขึ้นมาได้ 100 ปี ”
“กลั่นงั้นหรือ ? ” หวังเย่าแปลกใจนิด ๆ นายหมายความว่า….น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นายได้มานั้นมาจากการกลั่นขึ้นมาเองงั้นหรือ ? ”
เขาขมวดคิ้วแล้วยิ้มออกมา “นายเคยเห็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อรึไง ? ฉันเคยอ่านหนังสือเก่าแก่มา มันบอกว่ามีแค่ต้นสมองราชาภูติที่อายุหลายร้อยปีเท่านั้นถึงจะสร้างบ่อน้ำเล็ก ๆ ได้ ต้นสมองราชาภูติทั่วไปไม่อาจจะทำแบบนั้นได้”
“ต้นสมองราชาภูติอายุ 3,000 ปี ดอก,ใบ, กิ่งและผลของมัน จะต้องหมักรวมกันเป็นเวลานานถึงจะทำให้เกิดน้ำพุบริสุทธิ์ขึ้นมาได้”
หวังเย่าอึ้ง เขาเพิ่งรู้ว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เขามีนั้นมีค่ามากแค่ไหน
แต่เขาดันดื่มมันอย่างกับน้ำเปล่า !
“น้องหวังเย่า นายเป็นอะไรรึเปล่า ? นายคงไม่โดนคนอื่นหลอกหรอกนะ นายคงไม่ได้ไปซื้อน้ำทั่วไปมาในราคาที่สูงใช่ไหม ?” เมื่อเห็นท่าทีของหวังเย่าเปลี่ยนไป ฟู่หมิงก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“นี่..” หวังเย่ายิ้มแห้ง ๆ ออกมา “พี่ฟู่หมิง ช่วยฉันบอกทีว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันมีนั้นมีคุณภาพระดับไหนกัน ? ”
เมื่อพูดจบ หวังเย่าก็ส่งขวดน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้กับฟู่หมิง
ฟู่หมิงเปิดฝาออกก่อนจะลองดมดู จากนั้นสีหน้าของเขาก็แข็งทื่อไป
“นี่…นี่…นี่มัน…” ฟู่หมิงถึงกับพูดไม่ออกทันที
“นี่…มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ! ” ฟู่หมิงเบิกตากว้าง
หวังเย่าพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา
“นายมีกี่ขวด ? ”
หวังเย่าถามขึ้นมา “พี่ต้องการเท่าไหร่ล่ะ ? ”
ฟู่หมิงใจสั่น บอกได้ว่ายิ่งได้น้ำศักดิ์สิทธิ์นี่ไปเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่เขาก็อายเกินไปที่จะเอ่ยปากขอออกไปแบบนั้น
ยังไงซะมันก็เป็นของที่มีค่า ที่สามารถเพิ่มอายุขัยของคนได้ จึงเป็นธรรมดาที่จะยกให้กันง่าย ๆ ไม่ได้
แม้ว่าภายนอกเขาจะยังดูเด็ก แต่จริงแล้วก็อยู่ได้อย่างมากแค่ 100-200 ปีเท่านั้น จากนั้นเขาก็คงต้องตายไป
ไม่นานมานี้เขาก็ได้เข้าใจความจริงที่ว่าเขาไม่อาจจะทะลวงผ่านได้ เขารู้สึกว่าพลังชีวิตของตัวเองกำลังจะหมดลงและเริ่มนึกถึงเพื่อนเก่า ๆ ขึ้นมา
ดั้งนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะมาที่นี่เพื่อมาหาเพื่อนเก่า
ฟู่หมิงลังเลอยู่สักพักและพูดขึ้นมาช้า ๆ “ สัก 20 ขวดได้ไหม ? ”
หวังเย่าขมวดคิ้ว เพราะถึงจะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่เข้าไปเยอะ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเพิ่มอายุขัยได้มาก แล้วทำไมฟู่หมิงถึงต้องการมันเยอะแบบนี้ ?
เมื่อเห็นท่าทีของหวังเย่าที่แปลกไป ฟู่หมิงก็คิดว่าเขาคงขอมันมากเกินไปและรีบพูดขึ้น “ฉันล้อเล่น 10 ขวดก็พอ ! ”
“หือ ? ” หวังเย่าแปลกใจ
ฟู่หมิงเข้าใจว่าหวังเย่าคงไม่มีทางยกน้ำนี่ให้กับใครง่าย ๆ จึงรีบอธิบายออกมา “น้องหวังเย่า ฉันคงไม่ปิดบัง ถ้ามีน้ำนี่สัก 10 ขวด ฉันก็มั่นใจ 50 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะสามารถเพิ่มอายุขัยได้อีกพันปี”
“เพิ่มอายุขัยไปอีกพันปีงั้นหรือ ? ” หวังเย่าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
“แต่ต้องใช้มันกับค่ายกล แล้วฉันจะเพิ่มอายุขัยได้พันปี ! ” ฟู่หมิงไม่ปิดบังและบอกความจริงออกมา
“ถ้าฉันให้น้ำนี่ไป 20 ขวด พี่ก็มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะสามารถเพิ่มอายุขัยได้พันปีงั้นหรือ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ถ้านายให้น้ำนี่กับฉัน 20 ขวด ไม่ใช่แค่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ว่าจะสามารถเพิ่มอายุขัยได้พันปี แต่ฉันยังจะสามารถกลั่นหลอมโอสถออกมาได้ 2 เม็ดด้วย”
“พี่ฟู่หมิง ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันตกลง ! ”
เมื่อพูดจบหวังเย่าก็เอาน้ำศักดิ์สิทธิ์อีก 19 ขวดออกมาจากแหวนมิติทันที
“ฉันยังเหลือน้ำนี่อยู่ ฉันบังเอิญเข้าไปในมิติลับมา ถ้าพี่กลั่นมันได้สำเร็จ พี่ค่อยเอายามาแบ่งให้ฉันสักเม็ดก็ได้”
หวังเย่าแค่ระวังตัว แม้ว่าในแหวนมิติของเขาจะเหลือน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่มาก แต่เมื่อมันเป็นของมีค่า แม้แต่คนที่อยู่มาเป็นหมื่นปีก็ยังอยากได้มัน งั้นกองกำลังอื่น ๆ คงมองว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่คือสมบัติเป็นแน่
ตอนนี้น้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปไม่ได้ส่งผลอะไรกับหวังเย่า ดังนั้นการให้ฟู่หมิงไป 20 ขวด มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
แน่นอนว่าหากมันสำเร็จก็คงถือว่าดี แม้ว่าจะไม่สำเร็จแต่หวังเย่าก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร
ฟู่หมิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่น้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่นาน
เขาต้องรักษาท่าทีตัวเองเอาไว้ เขาไม่อาจจะแสดงท่าทีแปลกใจออกมาได้
“น้องหวังเย่า นายใจกว้างจริง ๆ ฉันขอถามหน่อยว่านายอยากได้อะไรรึเปล่า ? ฉันจะพยายามหามันมาให้นาย ! ”
หวังเย่าเห็นว่าฟู่หมิงแสดงท่าทีจริงจังออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ฉันอยากได้ตั๋วเข้าไปในดินแดนนรก พี่มีรึเปล่า ? ”
“เรื่องง่าย ๆ ฉันจะหามาให้นายพรุ่งนี้ก็แล้วกัน…” ฟู่หมิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ามั่นใจ
การจะหาตั๋วเข้าไปในดินแดนนรกนั้น เขาต้องไปหาเหิงซวน เทพธิดาน้ำแข็ง มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเทพไฟอย่างเขา
เขากับเหิงซวนเติบโตมาด้วยกัน ถ้าไม่มองว่าอยู่คนละดาวเคราะห์แล้วนั้น ทั้งสองคนคงไม่แยกจากกันนานแบบนี้
การที่เขาเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อมาพบกับเพื่อนเก่าอย่างเธอ เขารู้สึกว่าตัวเองจะตายจึงมาที่นี่
“เรื่องนี้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้…”
“ไม่ ฉันมั่นใจว่าการหาตั๋วนั้นเป็นเรื่องง่าย ๆ นายคิดว่าฉันไม่มีความสามารถรึไง ? ”
ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น อยู่ ๆ ประตูก็เปิดออกพร้อมกับเหอเจียที่เดินเข้ามา