ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 641 : โรงแรมสันติ
ตอนที่ 641 : โรงแรมสันติ
อยู่ๆท้องฟ้าก็เกิดลมกระโชกแรงและมีเมฆครึ้มลอยขึ้นมา ฝุ่นพัดไปทั่วทั้งท้องถนน พวกพ่อค้าหาบเร่พากันเก็บของและรีบกลับไปที่บ้านของตนเอง
“อากาศนี่มันแย่จริง ๆ ฉันยังไม่ทันได้ขายอะไรเลย”
“ใช่ ครึ่งชั่วโมงก่อนยังดีอยู่เลย”
“ดูเหมือนว่าวันนี้ฝนจะตก”
นักเดินทางหลายคนวิ่งสวนทางกับหวังเย่าไป
“เราสามารถพยากรณ์อากาศที่นี่ได้รึเปล่า ? ” แฟนธอมถามขึ้นมา
หลินฉีเอาหนังสือแนะนำออกมาจากแหวนมิติก่อนจะเปิดไปที่หน้าเกือบสุดท้ายแล้วพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าจะจริง ฉันยังไม่ทันมีเวลาอ่านคู่มือนี้เลย”
หวังเย่ายืนอยู่ด้านหลัง เขาคอยรับลมให้และถามขึ้นมา “มันเขียนว่าอะไรบ้าง ? ”
“เมืองนี้น่ะเรียกว่าเมืองชูโร่ มันคือเมืองแห่งเดียวในดินแดนนรกที่มีสภาพอากาศที่ดี พูดโดยทั่วไปแล้วคือมีหมอกในตอนเช้า แดดในตอนเที่ยง เมฆครึ้มในตอนบ่ายและฝนตกในตอนเย็น หิมะในตอนดึก กลางวันจะนานกว่ากลางคืน ดังนั้นมันจึงเหมาะกับเป็นที่อาศัยของผู้คน มันจึงมีการตั้งเมืองขึ้นมาที่นี่”
“ถ้าเธอว่างก็ลองอ่านแผนที่ไป” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
หลินฉีพยักหน้าตอบรับ “ได้”
ครืน….
ท้องฟ้ากลับครึ้มลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับสายฟ้าที่ไหลผ่านก้อนเมฆ สายฟ้าไหลวนอยู่รอบเมืองแห่งนี้
ครืน…
จากนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
หวังเย่า, แฟนธอมและหลินฉีรีบไปหาที่หลบทันที
ฝนมันตกหนักซะจนน้ำที่กระเซ็นมานั้นทำให้กางเกงของพวกเขาเปียกชุ่ม
“ขายร่ม….”
หญิงชราคนหนึ่งอยู่ในชุดกันฝนได้ผลักรถเข็นออกมาพร้อมกับร่มที่วางอยู่ในรถเข็น
“นี่พนักงานของดินแดนนรก แม้ว่าจะดูไม่แข็งแกร่งแต่หากมีเรื่องกับเธอขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดรึถูกก็ต้องโดนไล่ออกไป” หลินฉีพูดขึ้นมา
หวังเย่าและแฟนธอมพยักหน้าและรอจนกว่าหญิงชราจะเข็นรถมาถึงข้าง ๆ พวกเขา จากนั้นหวังเย่าก็หยุดเธอเอาไว้ “ขายยังไง ? ”
หญิงชราเงยหน้าขึ้นมา เธอเหลือตาแค่ข้างเดียว เพราะตาอีกข้างโดนกรีด ก่อนจะมองมาที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น “ร่มของฉันน่ะถูก อันละหมื่นเหรียญเท่านั้น”
“นี่คงไม่ได้กะจะปล้นกันหรอกนะ ? ” ผู้คนรอบๆพากันพึมพำออกมาแต่ไม่นานก็พากันเงียบ
“งั้นฉันเอา 2 อัน” หวังเย่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
หวังเย่าเอาเงินออกมา 20,000 เหรียญแล้วส่งให้กับอีกฝ่าย
หญิงชรายกมือขึ้นรับเหรียญเอาไว้ เธอไม่ได้นับแต่กลับใส่มันไว้ในถุงเงินทันที
“หยิบเอา ชอบอันไหนก็หยิบไปได้เลย” หญิงชรามองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น
หวังเย่าพยักหน้าให้กับแฟนธอมและหลินฉี ให้ทั้งสองเลือกร่มของตัวเอง
“เด็กน้อย นายเพิ่งมาที่ดินแดนนรกใช่ไหม ? ” หญิงชราถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ “ใช่”
“ฮ่าฮ่า” หญิงชราหัวเราะออกมา
“มันดึกแล้ว พวกนายมีที่พักหรือยัง ลองไปพักที่โรงแรมสันติดูสิ น่าจะมีห้องว่าง”
“โรงแรมสันติงั้นหรือ ? ” หวังเย่าเริ่มสนใจขึ้นมา
หลินฉีดึงเอาหนังสือคู่มือเล่มหนาออกมา เธอรีบมองหาหัวข้อเรื่องนี้ทันที
หญิงชราพยักหน้า “ดินแดนนรกน่ะไม่ได้สงบสุขนัก ถ้าไม่ไปพักที่โรงแรม งั้นก็ไม่มีใครรับรองความปลอดภัยให้ได้ มันง่ายที่จะโดนสัตว์อสูรโจมตี ”
หลินฉีอ่านเนื้อหาในคู่มือแล้วก็ต้องแปลกใจ “เมืองชูโร่ มีโรงแรมแค่เพียง 20 แห่ง จุกคนได้มากที่สุด 3,000 คน ตอนนี้เพราะอสูรมิติจึงทำให้คนมาที่นี่อย่างน้อย 2-3 ล้านคน รึว่าเราต้องไปที่โรงแรมนั้นจริง ๆ ? ”
หญิงชรายิ้มให้กับหลินฉีแล้วเข็นรถเข็นต่อก่อนจะพูดขึ้น “โรงแรมสันตินั่นเป็นที่ที่ดี พวกเธอลองไปเสี่ยงโชคดูก็ได้”
หวังเย่าป้องมือให้กับอีกฝ่าย พวกคนที่อยู่ด้านหน้า ต่างก็พากันหลีกทางให้กับเธอ
“ไปกันเถอะ” หวังเย่ารับร่มจากหลินฉีแล้วกางออกก่อนจะเดินออกไป
แฟนธอมเดินตามหวังเย่าไปติด ๆ
ตอนนี้แม้ว่าจะมีแค่ไม่กี่คนในท้องถนนแต่ก็ไม่มีโรงแรมมากนัก ผู้คนด้านในโรงแรมพากันมองออกมานอกหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นจุดสนใจ หวังเย่าและแฟนธอมจึงไม่ได้ใช้โล่เงา พวกเขาเดินฝ่าสายฝนเหมือนกับคนทั่วไป
ตอนที่เริ่มมืดฝนก็ได้เปลี่ยนเป็นหิมะ ทั้งสามได้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโรงแรมสันติ
ตอนนี้ลมเริ่มเบาลงมามากแล้ว พื้นที่รอบข้างมืดสนิท
เพราะพลังงานมันขาดแคลน ที่นี่จึงไม่มีแสงไฟในเมือง ในร้านต่าง ๆ เองก็ไม่มีไฟฟ้าใช้
โรงแรมแห่งนี้มี 3 ชั้น ด้านบนเป็นหลังคากระเบื้อง ภายใต้หลังคานั้นมีการตกแต่งที่เรียบง่าย
ในแต่ละห้องจะเห็นแสงเทียนส่องสะท้อนออกมาพร้อมกับร่างที่พร่ามัวรวมถึงเสียงพูดคุยของผู้คน
ด้านนอกประตูโรงแรมนั้นมีผู้หญิงในชุดขาวกำลังนั่งเผากระดาษอยู่
ยิ่งดึกเท่าไหร่ ภาพนี้ก็ยิ่งดูแปลกตาเท่านั้น แต่หวังเย่าและแฟนธอมนั้นแข็งแกร่ง พวกเขาไม่ได้กลัวอะไรกับเรื่องพวกนี้
แต่หลินฉีกลับกลัวจนตัวสั่นไปเลย เธอรีบหลบไปอยู่ที่ด้านหลังของหวังเย่าเอาไว้และจับเขาเอาไว้แน่น
ทั้งสามเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น
กระดาษในถังโดนเผาพร้อมกับขี้เถ้ากระจายออกไปทั่ว
ผู้หญิงคนนั้นปาดน้ำตา เธอไม่ได้มองมาที่หวังเย่าและคนอื่น ๆ แต่แค่พยักหน้า “พวกนายมากับฉัน”
แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าตาของเธอ แต่หวังเย่าก็รู้ได้ว่าเธอนั้นเป็นคนที่สวยเมื่อดูจากสายตาของเธอ
ลมพัดผ่านอีกครั้งก่อนที่หวังเย่าจะถามขึ้นมา “ฉันขอถามหน่อย….เธอเคยไปที่เมืองกังหันมารึเปล่า ? ”
เธอชะงักไปทันที “ วันนี้นายเห็นฉันอยู่ที่นั่นหรือ ? ”
“ไม่ ฉันแค่ได้กลิ่นเลือดจากตัวเธอ ฉันเลยสงสัยนิด ๆ ”
เอาจริง ๆ แล้วโรงแรมแห่งนี้ก็ทำให้หวังเย่ากังวลอยู่บ้าง
หญิงชราที่ขายร่มให้กับเขานั้นเป็นพนักงาน เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่มีทางหลอกพวกเขา เธอแนะนำโรงแรมแห่งนี้เพราะดูปลอดภัยที่สุด แต่เมื่อมาถึงที่นี่ หวังเย่ากลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เธอหันหลังให้กับทั้งสามคนและร้องไห้ออกมาก่อนจะพูดขึ้น “คนรักของฉันตาย นี่ไม่ใช่โรงแรมที่ปลอดภัยที่สุดในเมือง พวกนายจะอยู่รึไปก็ตัดสินใจกันเอาเอง”
เมื่อเห็นแผ่นพลังที่บางของเธอ หวังเย่าก็ได้ใช้ระบบมองไปที่เธอแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา “เธอ..เป็นคน ! ”
หลินฉีได้สติทันที “ นายหมายความว่าสามีเธอเป็นสัตว์อสูรงั้นหรือ ….”
แฟนธอมได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและพึมพำออกมา “มนุษย์กับสัตว์อสูรรักกันงั้นหรือ ? ”
มนุษย์กับสัตว์อสูรนั้นคือคนละสายพันธุ์ ความรักของทั้งสองไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะรับได้ ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยความเจ็บปวด
แม้ว่าสัตว์อสูรจะพัฒนาตัวเองได้และอยู่ในร่างมนุษย์ แต่การที่มนุษย์กับสัตว์อสูรจะมีลูกด้วยกันนั้นโอกาสแทบจะไม่มี แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีโอกาส เพราะไม่งั้นแล้วคงไม่มีมนุษย์หลายเผ่าพันธุ์มากมายแบบนี้
ในจักรวาลแห่งนี้มีกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ที่ห้ามให้มนุษย์กับสัตว์อสูรรักกัน
ดาวทมิฬคือหนึ่งในข้อยกเว้น มันโดนเผ่าจิ้งจอกปกครองมานาน ทุกคนต่างก็ได้รับอิสระในการแต่งงาน ดังนั้นจึงมักจะเห็นมนุษย์หมาป่า, มนุษย์จิ้งจอกและมนุษย์เสืออยู่
แต่พันธมิตรดวงดาวนั้นคือองค์กรที่มีกฎเคร่งครัด เขตดาวโบไลด์เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก
มนุษย์และสัตว์อสูรไม่อาจจะแต่งงานกันได้ พวกเขาอาจจะแอบแต่งงานกันได้แต่จะไม่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย แม้แต่ลูกหลานตัวเองก็ไม่อาจจะได้รับประโยชน์จากประเทศได้
“งั้นคืนนี้ก็อยู่ที่นี่ไปก่อน” หวังเย่ามองไปที่หลินฉีและแฟนธอม ก่อนที่ทั้งสองจะพยักหน้าแล้วเดินตามเข้าไป
เมื่อเข้ามาในโรงแรม เสียงด้านในก็เริ่มชัดเจนขึ้นมา
ตอนที่ถึงในห้องโถงก็พบกับโต๊ะหลายสิบตัว โต๊ะแต่ละตัวมีแขกนั่งอยู่ พวกนี้ต่างก็สวมหน้ากาก แน่นอนว่ามีคน 3-5 คนที่ไม่แม้แต่จะสนใจปิดบังตัวตน
ผู้หญิงคนนั้นรีบไปเปลี่ยนชุด แม้ว่าจะล้างหน้ามาแล้วแต่ก็ยากที่จะปกปิดได้ว่าเธอร้องไห้มา
หวังเย่าเดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วถามขึ้นมา “ค่าที่พักต่อคืนละเท่าไหร่ ? ”
“สำหรับห้องพิเศษ 300,000 เหรียญ สำหรับห้องธรรมดา 200,000 เหรียญ มีส่วนลด 30 เปอร์เซ็นต์ ถ้าอยู่มากกว่า 10 วัน ” เธอพูดขึ้น
“300,000 งั้นหรือ ? ” หวังเย่าอึ้ง เงินค่าที่พักนี่สามารถซื้อบ้านในดาวเคราะห์บางดาวได้เลย
เธอมองไปที่หวังเย่าด้วยความสงสัยและตอบกลับ “ราคาไม่ได้แพงกว่าโรงแรมทั่วไปหรอก นี่ถือว่าเป็นราคากลาง ๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดแต่ฉันก็ไม่คิดจะลดราคาให้หรอกนะ”
“ฉันไม่คิดจะหลอกใครหรอก ถ้าเป็นที่อื่น ฉันว่านายคงโดนไล่ออกไปแล้ว”
หวังเย่ายิ้มออกมา “อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันคิดว่าราคามันก็รับได้อยู่ ขอสองห้องได้รึเปล่า ? ”
แฟนธอมหรี่ตาลงและชูนิ้วขึ้นมา “พี่เย่า นายมั่นใจนะว่า…สอง ?”
หวังเย่าคิ้วขมวดและมองไปที่แฟนธอม “นายก็อยู่คนเดียวได้นี่ รึว่านายกลัวอะไร ? ”
“แค่ก…สองก็สอง ”
หวังเย่าจ่ายเงินสำหรับค่าเช่า 10 วันซึ่งได้ส่วนลด 30 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดรึหาที่ที่ดีกว่านี้ได้ก็ค่อยวางแผนกันใหม่
“ตามฉันขึ้นไปดูห้องที่ชั้นบน”
คนดูแลโรงแรมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาและนำทางให้กับพวกเขา