ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 640 : กระเรียนกระดาษ
ตอนที่ 640 : กระเรียนกระดาษ
เจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้ง “พันล้าน…นั่นเท่ากับแร่แม่เหล็ก 100 กิโลกรัมเลยนะ !” เขารีบป้องมือและพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเคารพ “ให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี ? ”
หวังเย่าคิดสักพักและตัดสินใจใช้ชื่อเดียวกับที่เขาใช้ในตลาดมืดและพูดขึ้น “แปดเทพ”
“คุณแปดเทพ เชิญนั่งลงก่อน” เจ้าหน้าที่รีบเชิญหวังเย่าให้นั่งทันที
สักพักเจ้าหน้าที่ก็ชงชามาให้กับหวังเย่า พวกเขาทำราวกับว่าหวังเย่าเป็นแขกพิเศษ
“คุณแปดเทพ ผมอยากเห็นคุณภาพของแร่แม่เหล็กที่คุณนำมาจะได้รึเปล่า ? ” เจ้าหน้าที่ถามขึ้นมา
“ได้” หวังเย่ายิ้มออกมาและดึงเอาแร่แม่เหล็กขนาดเท่ากับไข่ออกมาจากแหวนมิติซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึง
เขารีบประคองแร่แม่เหล็กเอาไว้และตรวจสอบพลังงาน ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วพูดขึ้นมา “ มันมีคุณภาพที่ดี ! แร่แม่เหล็กนี่หลังจากที่เอาสิ่งปนเปื้อนออกแล้วเดาว่าคงอยู่ที่ 1 กิโลกรัม คุณแปดเทพมีแร่ที่มีคุณภาพเท่ากันแบบนี้หมดเลยหรือ ? ”
หวังเย่าจิบชาแล้วพยักหน้า “น่าจะเท่ากันหมด”
“สุดยอดจริง ๆ ! ” เจ้าหน้าที่ถึงกับยกนิ้วโป้งให้กับหวังเย่า
“หือ ? ” หวังเย่ามองไปที่เจ้าหน้าที่ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
เจ้าหน้าที่มองไปที่หวังเย่าแล้วยิ้มออกมา “คนทั่วไปที่มาขายแร่แม่เหล็กนั้นส่วนมากจะมีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเท่านั้น คุณแปดเทพคงเข้าไปในส่วนลึกของหนวดและได้แร่พวกนี้มา เพราะคนทั่วไปไม่มีความสามารถแบบนี้ ฮ่าฮ่า…”
“ฉันก็แค่โชคดี ! ” หวังเย่ายิ้มรับ
“งั้นเชิญไปห้องด้านในกับผม” เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นยืนแล้วผายมือเชิญหวังเย่าให้เข้าไปที่ห้องด้านในและปล่อยให้แฟนธอมและหลินฉีรออยู่ที่ด้านนอก
ห้องด้านในนั้นตกแต่งได้ทันสมัยกว่าที่ด้านนอกอย่างมาก มันมีห้องตรวจสอบอยู่ด้านในด้วย แร่พวกนี้จะใช้แสงในการแสกนรวมถึงคอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์
เจ้าหน้าที่บอกให้หวังเย่าไปนั่ง ก่อนที่หวังเย่าจะถามขึ้นมา “ฉันเดาว่าที่นี่คงเป็นที่เดียวในเมืองที่มีไฟฟ้าใช้ ฉันจำได้ว่านอกจากเรือนกระจกที่ปลูกผักแล้ว มันน่าจะไม่มีไฟฟ้าใช้ไม่ใช่รึไง ? ”
เจ้าหน้าที่มองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้นมา “คุณไปที่เมืองกังหันมาแล้วงั้นหรือ ? ในโลกนี้มีพื้นที่เพาะปลูกอยู่จริง แต่มันไม่ได้อยู่ที่นั่น และมันไม่ได้มีเครื่องหมายบนแผนที่ด้วยซ้ำ ” เจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกข้อมูลเรื่องพื้นที่เพาะปลูกมากนัก มันไม่ใช่ความลับอะไรแต่ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
“คุณแปดเทพ เอาแร่ที่คุณต้องการขายออกมา”
หวังเย่าพยักหน้าและเอากล่องเหล็กออกมาจากแหวนมิติและส่งให้อีกฝ่าย
ตอนที่สังกัดกับกองกำลังดวงดาว หวังเย่าได้เก็บแร่แม่เหล็กใส่กล่องเอาไว้ แต่ะละกล่องจะมีแร่ประมาณ 100-120 กิโลกรัม
เจ้าหน้าที่รับกล่องมาแล้วทำการนำแร่ไปวิเคราะห์ก่อนจะส่งกล่องคืนให้กับหวังเย่า
หลังจากนั้นสักพักผลของการวิเคราะห์ก็ออกมา
“หลังจากที่เอาสิ่งปนเปื้อนออกแล้ว แร่ของคุณหนักทั้งหมด 113 กิโลกรัมเป็นเงิน 1,130 ล้านเหรียญดาว คุณยืนยันที่จะแลกเปลี่ยนรึไม่ ? ”
“แน่นอน” หวังเย่ายิ้มรับ
เมื่อเห็นเงินมากองตรงหน้า หวังเย่าก็พูดขึ้นต่อ “ ที่นี่มีบัตรรึเปล่า ? ”
“มี สำหรับลูกค้าทุกคนแล้วเราจะให้บัตรกดเงินของเขตดาวโบไลด์กับพวกเขา 3 ปีแรกไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ 3 ปีต่อมาค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 10,000 เหรียญต่อปี หากไม่ต้องการใช้บัตรแล้วก็แค่แจ้งกับทางธนาคาร”
“เอามาใบหนึ่ง” หวังเย่าพูดขึ้น เพราะดาวทมิฬไม่ได้เข้าร่วมพันธมิตรดวงดาว ดังนั้นธนาคารที่นั่นจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับธนาคารของจักรวาลที่นี่ แม้ว่าเขตดาวโบไลด์กับดาวนิบิรุจะเคยขัดแย้งกัน แต่ก็เป็นสมาชิกคนสำคัญของพันธมิตรดวงดาว ดังนั้นบัตรนี้จึงสามารถใช้ในพื้นที่ของพันธมิตรดวงดาวได้ มันสะดวกอย่างมาก
“เอาเงินพันล้านใส่ในบัตร ส่วนที่เหลืออีก 130 ล้านฉันขอเป็นเงินสด” หวังเย่าพูดขึ้น
หลังจากที่ได้รับคำยืนยันจากคนขายแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้กรอกข้อมูลลงไปในคอมก่อนจะส่งบัตรที่มีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า ’ยินดีต้อนรับสู่เขตดาวโบไลด์ ’ ให้กับหวังเย่า “คุณแปดเทพ นี่คือบัตรสำหรับใช้ในเขตดาวโบไลด์ บัตรนี้จะมีฟังก์ชันอัตโนมัติ แค่แตะและนึกถึงรหัสผ่าน คุณก็สามารถมองได้ว่าเหลือเงินอยู่เท่าไหร่ ”
“ตอนแรกไม่มีรหัสผ่าน โปรดตรวจสอบจำนวนเงินก่อน จากนั้นควรจะรีบตั้งรหัสผ่านโดยเร็วที่สุด” เจ้าหน้าที่เตือนขึ้นมา
หวังเย่ารับบัตรมาแล้วทำการวางนิ้วโป้งตรงส่วนแสกนก่อนในหัวของเขาจะมีจอภาพปราฏขึ้นมา มันมีหน้าจอที่ดูทันสมัยคล้ายกับหน้าการทำงานของตู้เอทีเอ็ม
เมื่อยืนยันยอดเงินและตั้งรหัสผ่าน หวังเย่าก็ปิดการทำงานของมันทันที
“นี่เงินสด 130 ล้าน ” เจ้าหน้าที่ได้ยกเอากระปุกออมสินรูปร่างคล้ายหมูที่ดูน่ารักออกมา ที่ฐานของมันเขียนเอาไว้ว่า ‘ผลิตโดยเขตดาวโบไลด์’ เมื่อลองเขย่าดูก็ได้ยินเสียงเหรียญดังอยู่ข้างในนั้น นี่คือเครื่องมือมิติที่ไม่ได้มีมิติใหญ่มากนัก แต่มันเพียงพอที่จะใส่เงินลงไปได้
“คุณแปดเทพ ยืนยันยอดเงินแล้วใช่ไหม ? ” พนักงานหัวเราะออกมา
“เรียบร้อย” หวังเย่าเก็บบัตรและกระปุกออมสินเข้าไปในแหวนมิติก่อนจะลุกขึ้น
เจ้าหน้าที่ยกมือขึ้นทันที “คุณแปดเทพ มีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกคุณ เมื่อมีการแลกเปลี่ยนมูลค่า 100 ล้านขึ้นไปนั้น ในฐานะที่เป็นลูกค้ารายใหญ่แล้วเราจะให้ข้อมูลของเขตดาวโบไลด์ที่แม่นยำแก่คุณ ตามที่คุณต้องการอยากทราบ”
หวังเย่าเลิกคิ้ว เขาเริ่มสนใจขึ้นมา
ต้องรู้ก่อนว่าที่นี่ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร สิ่งที่มีค่าที่สุดคือข่าวสาร แต่ถ้าเป็นข่าวสารที่แม่นยำแล้ว คงไม่มีองค์กรไหนที่นี่ที่ให้ข้อมูลได้ถูกต้องไปกว่าองค์กรของเขตดาวโบไลด์เอง !
“ ฉันอยากได้รายชื่อคนที่มีตั๋วตอนนี้ ข่าวนี้ยากเกินไปหน่อยรึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
พนักงานยิ้มและพูดขึ้น “คุณแปดเทพ ผมกลัวว่าคงทำให้คุณผิดหวัง เทพธิดาน้ำแข็งได้สั่งการออกมาแล้ว เรื่องข้อมูลของดินแดนนรกนั้นไม่อาจจะเปิดเผยให้กับใครได้ เรื่องนี้คุณต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง”
หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมา ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ข้อมูลเรื่องดินแดนนรกเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจเรื่องอื่น
เมื่อเห็นท่าทีของหวังเย่า พนักงานก็พูดขึ้น “คุณเพิ่งมาที่ดินแดนนรกในวันนี้ คุณคงยังไม่เคยเห็นตั๋วสินะว่าหน้าตามันเป็นแบบไหน ? ”
“หือ ? นายมีตั๋วขายด้วยหรือ ? ”
“ไม่มี ผมไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ เทพธิดาได้ออกมาบอกมาตั้งแต่แรกแล้ว คนในไม่อาจจะได้สิทธิ์ขายตั๋วได้ ผมมีแค่ตัวอย่าง แต่สามารถแสดงมันให้คุณดูได้เพื่อที่คุณจะได้แยกออกว่าอันไหนคือตั๋วจริง อันไหนคือตั๋วปลอม”
“งั้นก็ต้องรบกวนด้วย ! ”
“เชิญด้านนอกคุณแปดเทพ ผมจะพาคุณไปดูตัวอย่างตั๋ว”
หวังเย่าได้กลับไปที่ห้องโถงและพูดคุยกับแฟนธอมและหลินฉี หลินฉีได้รับบัตรมาตรวจสอบดูก่อนจะส่งคืนให้กับ หวังเย่า
ผ่านไปสักพักเจ้าหน้าที่ก็กลับมาพร้อมกับกล่องไม้ก่อนจะส่งกล่องไม้นั้นให้กับหวังเย่า
“มันมีตั๋วตัวอย่างของดินแดนนรกอยู่ มันเหมือนกับตั๋วจริงอย่างมากนอกจากมันจะมีตัวหนังสือที่เขียนว่าตั๋วตัวอย่างเอาไว้ด้านบน”
เมื่อเปิดกล่องออกก็พบกับกระเรียนที่ทำขึ้นมาจากน้ำแข็ง
กระเรียนพันตัวนี้ทำให้อากาศโดยรอบเย็นขึ้นมาทันที
เมื่อเอากระเรียนพันตัวออกมาวางไว้บนมือ หลินฉีก็ต้องเบิกตากว้างและอุทานออกมา “เทพธิดาน้ำแข็งคงเป็นเหมือนภูติถึงได้ทำของแบบนี้ขึ้นมาได้ ! ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าด้วยความพอใจ “อีก 30 วันประตูสู่ดินแดนนรกจะเปิดออก ตั๋วนี้จะอนุญาตให้ 1 คนกับสัตว์อสูร 1 ตัวเข้าไปได้ เลเวลของสัตว์อสูรต่ำสุดคือ 100 เมื่อจับอสูรมิติได้สำเร็จ บัตรนี้จะระเบิดออกและจะส่งทุกคนออกมาจากดินแดนนรกทันที”
แฟนธอมหรี่ตาลงแล้วพึมพำออกมา “งั้นก็หมายความว่า…ระดับต่ำกว่านั้นก็ไม่อาจจะเข้าไปได้สินะ ? ”
แฟนธอมและหลินฉีมองหน้ากัน พวกเขาต่างก็รู้ว่าเสี่ยวซวีนั้นสำคัญต่อหวังเย่าแค่ไหน
หากหวังเย่าเข้าไปในดินแดนนรกคนเดียวและเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งคนอื่น ๆ แล้ว โอกาสที่หวังเย่าจะได้เสี่ยวซวีมานั้นก็น้อยอย่างมาก
เมื่อได้ยินว่าสัตว์อสูรต้องเลเวลมากกว่า 100 ถึงจะเข้าไปได้ หวังเย่าก็กังวลขึ้นมาแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาทำการสังเกตบัตรในมือต่อ
“มีข่าวลือว่าเทพธิดาน้ำแข็งมีหินกฎหิมะระดับ 190 ไฟทั่วไปคงไม่อาจจะละลายมันได้สินะ ? ”
เจ้าหน้าที่มองหวังเย่าด้วยความสนใจ “ถ้าคุณแปดเทพทำการละลายบัตรในมือได้ งั้นผมจะหาตั๋วให้คุณเอง”
“งั้นหรือ ? งั้น…ฉันลองได้ไหม ? ”
ภายใต้การจับตามองของทุกคน ที่มือของหวังเย่าก็มีไฟลุกขึ้นมา ไฟหยินหยางได้ก่อตัวเป็นค่ายกลลึกลับก่อนที่จะเข้าไปเผาบัตรที่อยู่ในมือ
ความเย็นลดฮวบลงทันที ผ่านไปสักพักเจ้าหน้าที่กลับเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวแต่บัตรน้ำแข็งในมือของหวังเย่ากลับไม่เป็นอะไรเลย
ไฟในมือของหวังเย่าดับลง บัตรนั้นยังแผ่ความเย็นออกมาพร้อมกับหมอกขาวที่ห่อหุ้มมือของหวังเย่าเอาไว้ ในพริบตามันก็จับตัวกันเป็นน้ำแข็งดังเดิม
อ๊า….
หวังเย่าตะโกนออกมาและใช้พลังภายในเพื่อทำลายน้ำแข็งออก จากนั้นก็โยนบัตรในมือกลับไปที่กล่องไม้ทันที
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ได้” หวังเย่าป้องมือขอโทษทุกคน
“ไม่เป็นไร เทพธิดาน้ำแข็งชื่นชมความสามารถของผู้คน ถ้าคุณสามารถละลายกระเรียนพวกนี้ได้ เธอไม่ใช่แค่ไม่โกรธ แต่เธอจะดีใจด้วยซ้ำ” เจ้าหน้าที่ยิ้มออกมาและพูดขึ้นก่อนจะรับกล่องไม้มาแล้วปิดฝาลง
แต่ที่เขาไม่รู้คือตอนที่ปิดฝากล่องนั้น บัตรกลับลุกไหม้จากด้านใน มันระเหยกลายเป็นไอทันที
“คุณแปดเทพ ครั้งหน้ามาอีกได้ ถ้าคุณอยากได้ข้อมูลอะไร เราช่วยได้เสมอ นี่ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ยอมแพ้”
ของขวัญที่เขาพูดถึงนั้นคือหน้ากาก 6 ใบและกล่องที่มีเหรียญเงินจากเขตดาวโบไลด์
นี่คือของขวัญที่ให้กับลูกค้าคนพิเศษ หน้ากากทั้งหกสวยอย่างมาก หวังเย่าได้ให้แฟนธอมและหลินฉีเลือกหน้ากากที่ตัวเองอยากจะใส่ก่อน