ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 639 : พันล้าน
ตอนที่ 639 : พันล้าน
แม้ว่าจะยืนอยู่กลางหิมะแต่พวกเขากลับรู้สึกแปลก ๆ
“ทำไมมันเงียบแบบนี้ มันไม่มีลม แต่ทำไมกังหันพวกนั้นถึงหมุนได้ ?” หลินฉีถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ไปดูด้านในกันเถอะ”
หวังเย่าเองก็สับสนในเรื่องนี้ แต่เดิมแล้วเขาคิดว่าการที่กังหันหมุนนี้น่าจะเป็นเพราะลมและฝน แต่ทว่ามันกลับไม่มีลมที่นี่เลย มันจึงทำให้เขาสงสัยขึ้นมา
เมื่อผ่านประตูเมืองเข้ามา เสียงหมุนของกังหันก็ชัดเจนขึ้น
กังหันที่นี่กลับหมุนวนช้า ๆ ดูงดงาม แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้ว พวกเขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เสียงของสัตว์อสูรดังเข้ามาในหูของพวกเขา
เมื่อมองออกไปก็พบว่าใกล้ ๆ กับกังหันนั้นมีสัตว์อสูรหลายร้อยตัวที่โดนล่ามเอาไว้ พวกนั้นราวกับหนูแฮมเตอร์ในกรง และแต่ละกรงนั้นก็มีสัตว์อสูรอยู่ 1 ตัว กรงถูกวางเรียงรายยาวออกไปหลายร้อยเมตร
และนี่แหละคือแหล่งกำเนิดพลังงานที่ทำให้กังหันหมุน !
ในจักรวาลแห่งนี้ไม่น่าจะมีแหล่งกำเนิดพลังแบบนี้ !
พวกมันแทบไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร และพากันหอบหายใจออกมา
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ต้องพบกับเรื่องที่น่าตกใจ เพราะพวกนี้คือพวกที่พัฒนาล้มเหลว พวกมันมีเลเวล 100 หลังจากที่พัฒนาล้มเหลว ก็กลายมามีรูปร่างครึ่งมนุษย์ บางตัวยังอยู่ในร่างสัตว์อยู่เลยด้วยซ้ำ
บางตัวมีแผลที่มีเลือดไหลออกมา บางตัวกัดฟันแน่นไม่ยอมแม้แต่จะอ้าปาก สายตาของพวกนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แขนของบางตัวขาดไป บางตัวก็กระเด็นไปมาในกรงราวกับลูกบอล
ความตายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การพัฒนาของสัตว์อสูรเท่ากับการเผชิญหน้ากับความตาย ซึ่งพวกนี้ไม่อาจจะยอมรับความตายได้ง่าย ๆ ขั้นตอนนี้มันน่าเจ็บปวด มีแต่ต้องระบายพลังที่ไม่อาจจะควบคุมได้ในตัวออกมาถึงทำจะให้ร่างกายและวิญญาณรู้สึกสบายขึ้น
เลือดได้ไหลออกมาจากกรงแต่ละกรงจนกลายเป็นแม่น้ำเลือด กลิ่นคาวลอยคลุ้งไปทั่ว หากไม่ใช่เพราะที่นี่ไม่มีลมอยู่ งั้นกลิ่นคาวเลือดคงกระจายคลุ้งไปที่อื่นแล้ว
การตายของสัตว์อสูรแต่ละตัวนั้นเหมือนกับเป็นตัวจุดระเบิด กรงได้เปิดออกก่อนที่สัตว์อสูรที่ตายไปนั้นจะโดนโยนออกไป
ปัง…
หิมะกระจายไปทั่วก่อนที่จะเผยให้เห็นด้านในของชั้นกำแพง
ทั้งสามคนเห็นแบบนั้นก็ถึงกับต้องอึ้ง
ภายใต้กำแพงหิมะที่ล้อมเมืองนี้ไว้ มันคือกองกระดูก
หลังจากที่เงียบไปสักพัก หลินฉีก็อดไม่ได้ที่จะอ้วกออกมา
หวังเย่าเดินเข้าไปจับมือเธอเอาไว้แต่เธอก็ยังไม่กล้าหันกลับไปมองอยู่ดี
แฟนธอมมองไปที่ภูเขากระดูกตรงหน้าแล้วครุ่นคิด
“ไม่ต้องมอง ไปกันต่อเถอะ” หวังเย่าตบไหล่แฟนธอม แล้วเดินออกไปต่อ
ไกลออกไปมีเสียงน้ำไหลดังขึ้นมา มันมีสัตว์อสูรหลายตัวอยู่ในแม่น้ำนั้น !
ที่นี่เป็นพื้นที่ราบไม่ได้มีอะไรมาขวาง มันดูดีกว่าพื้นที่ตะกี้อย่างมาก แต่หวังเย่ารู้ว่าที่นี่ต้องโหดร้ายไม่น้อยไปกว่าพื้นที่ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
แม่น้ำที่ไหลไปมากลับมีควันขาว ๆ ลอยออกมา เมื่อหวังเย่าเห็นเขาก็เดินเข้าไปล้างหน้าและพบว่าน้ำที่นี่กลับอุ่น
“น้ำพุร้อนงั้นหรือ ? ” เมื่อเห็นสิ่งที่น่าแปลกใจ จากนั้นหวังเย่าก็เดินไปรอบ ๆ และพบกับป้ายโฆษณาของเมือง
เมื่อเดินเข้าไปดูแผนที่บนป้ายและคำอธิบายด้านล่าง หวังเย่าก็เข้าใจทุกอย่างของที่นี่
ไฟฟ้าส่วนมากในเมืองนี้มาจากแรงงานสัตว์อสูรผ่านตัวเก็บพลังงาน จากนั้นฝ่ายขนส่งจะมาทีนี่เพื่อเก็บพลังงานไปยังดาวอื่น ๆ
นอกจากนี้แล้ว พลังงานส่วนหนึ่งจะเอาไว้ใช้กับการทดสอบกับการปลูกพืชพันธุ์ของที่นี่ พวกนั้นเอาไว้ใช้ผลิตผักและผลไม้ซึ่งเป็นอาหารพื้นฐานของโลกนี้
บางส่วนถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน มันคือที่มาของน้ำพุร้อนนี้ เพื่อให้กลายมาเป็นแม่น้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค
ในแผนที่ที่นักเดินทางได้มาจากสถานี เมืองกังหันนี้เป็นรูปป้อมปราการ พวกนักเดินทางจึงไม่อยากมาที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องไปกังวลว่าจะทำให้นักเดินทางหวาดกลัว พวกเขาไม่อยากให้ผู้คนมากันที่นี่ เพราะการทำลายสิ่งก่อสร้างที่นี่จะทำให้เสียงบในการฟื้นฟูอย่างมาก
หลังจากที่จิบน้ำในแม่น้ำ แฟนธอมและหลินฉีก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างมาก
“จากที่นี่ไปทางเหนือ เราจะไปถึงจุดหมายของเราได้” หวังเย่าพูดขึ้นมา
หลินฉีและแฟนธอมเดินไปที่แม่น้ำก่อนจะมองไปที่ป้ายแล้วพยักหน้าให้กับหวังเย่า
“พี่เย่า นายคิดว่าฉันจะพัฒนาได้สำเร็จรึเปล่า ? ” แฟนธอมถามขึ้นมาด้วยความกังวล
“ด้วยความสามารถของนายแล้ว มีโอกาสสำเร็จอย่างน้อย 90 เปอร์เซ็นต์” หวังเย่าตบไหล่แฟนธอมแล้วพูดขึ้น
ถึงยังมีอีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่จะล้มเหลว แต่หวังเย่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไงซะแฟนธอมก็อยู่กับหวังเย่ามานานแล้ว
“อันที่จริงก่อนจะมาเขตดาวโบไลด์ ฉันได้รวบรวมข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับจักรวาล โอกาสที่สัตว์อสูรจะพัฒนาได้สำเร็จมีแค่ 1 ในหมื่น ในอีกความหมายคือมันคือ 0.01 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้านายบอกฉันว่ามั่นใจแค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ ฉันคงพอเชื่อได้บ้าง แต่นายกลับบอกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มันทำให้ฉันรู้สึกกังวลขึ้นมาแล้ว” แฟนธอมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“นายไม่มั่นใจในตัวฉันรึไง ? ฉันเคยโกหกนายตอนไหนกัน ? ”
“ไม่ใช่แบบนั้น” แฟนธอม ยิ้มออกมา
“จริง ๆ แล้วฉันมีอาวุธลับที่ฉันไม่ได้บอกนาย ฉันจะยังไม่เริ่มพัฒนานายจนกว่าฉันจะหาทางที่เหมาะกับนายได้”
“อาวุธลับงั้นหรือ ? มันอยู่ไหนกัน ? ”
“ตอนนี้คือความลับ !” หวังเย่ายิ้มออกมา
หวังเย่าและคนอื่น ๆ เห็นรถม้าที่วิ่งผ่านไปพร้อมกับฉากแบบเดิมที่เขาเคยเห็นกับรถม้าก่อนหน้านี้
ม้าที่มีหัวเป็นคน
เมื่อเดินตามรถม้าไปก็เห็นเมืองที่อยู่ไกลออกไป
มันมีร้านอาหารและร้านน้ำชาอยู่ในเมืองนี้ด้วย
ตอนนั้น หวังเย่ากลับรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาในใจ
“ไปดูในเมืองกันเถอะ”
ที่นี่ไม่มีทหารคอยดูแลประตู มันมีแค่นักรบไม่กี่คนยืนที่อยู่บนกำแพงเมืองแต่แทนที่จะจับตาดูพวกนักเดินทางที่เข้ามาในเมือง พวกนั้นกลับพากันดื่มและสังสรรค์แทน
เมื่อเข้ามาในเมืองแล้วก็พบกับผู้คนมากมาย
ที่นี่มีร้านอาหาร, ร้านสมุนไพรและร้านหนังสือ ร้านอาหารของที่นี่มีนักเดินทางจากทั่วทุกดาวมารวมตัวกัน เมื่อมองดูแล้ว หวังเย่าก็พบว่าส่วนมากนั้นใส่หน้ากาก แม้ว่าจะดื่มและกินกันอยู่แต่พวกนั้นก็ไม่ได้ถอดหน้ากากออกเลย
“อย่าให้คนจำเราได้”
ตามเจ้าหน้าที่ที่สถานีบอกมา มันไม่มีกฎเกณฑ์ในโลกแห่งนี้ ในอีกความหมายคือตราบใดที่ตายอยู่ที่นี่ งั้นก็ไม่มีใครมาสนใจอะไรมาก
เจ้าของร้านอาหารและร้านต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นคนทั่วไป แต่หากมีการฆ่าคนและปล้นเงินเกิดขึ้นที่นี่แล้ว คนพวกนี้คงไม่อาจจะรับมือไหว
ตามที่เจ้าหน้าที่ที่สถานีบอกมา ไม่กี่เดือนก่อนเทพธิดาน้ำแข็งได้ทำการกระจายตั๋วสามพันใบออกไป หากพวกเขาอยากได้ตั๋ว พวกเขาก็ต้องแย่งชิงมันมาหากไม่นับการซื้อขาย
ดังนั้นหากอยากจะมีชีวิตรอดก่อนที่ดินแดนนรกจะเปิดออก พวกที่มีตั๋วจำเป็นจะต้องปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตตัวเอง
หวังเย่าและคนอื่น ๆ ได้เดินทางไปที่พื้นที่แลกเปลี่ยนก่อนที่สุดท้ายพวกเขาจะไปถึงบ้านหลังสีดำเล็ก ๆ ภายในพื้นที่นั้น
เมื่อเข้ามาก็ต้องมาแลกเหรียญดาวที่นี่
ถ้าหากต้องการที่จะขายสมุนไพร งั้นก็ไปยังร้านสมุนไพรได้
หากอยากขายอาวุธก็สามารถไปที่ร้านอาวุธ
สรุปคือมันมีหลายวิธีในการแลกเอาเหรียญดาวมา แต่สิ่งสำคัญคือเราจะใช้วิธีไหน
หวังเย่าเลือกจะมายังศูนย์แลกเปลี่ยนแทน เหตุผลก็ง่าย ๆ เขตดาวโบไลด์นั้นมีทรัพยากรจำกัด ของที่มีค่าที่สุดที่นี่คือแร่แม่เหล็ก
การขายแร่แม่เหล็กที่นี่จะได้เงินมากกว่าราคาทั่วไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมต่งเหลิ่งถึงต้องช่วยซิดดี้
เพราะซิดดี้ขายแร่แม่เหล็ก, น้ำมันและทรัพยากรอื่น ๆ ในราคาที่ต่ำ บอกได้ว่าเขาได้สร้างความดีความชอบให้กับเขตดาวโบไลด์ไว้อย่างมาก
หากถามว่าทำไมพวกนี้ถึงไม่ไปหาทรัพยากรจากหนวดปีศาจในจักรวาล เหตุผลก็ง่าย ๆ เพราะมันไม่มีหนวดปีศาจในเขตดาวโบไลด์นั่นเอง
ในพื้นที่อื่น ๆ หนวดนี้อาจจะไม่บุกเข้ามาเพราะกฎโลก พวกมันจะรออยู่ด้านนอกแต่ในเขตดาวโบไลด์แล้ว มันไม่มีหนวดปีศาจปรากฏขึ้นมากว่า 5,000 ปีแล้ว
แม้ว่าระดับของเขตดาวโบไลด์จะอยู่ที่ระดับ 120 แต่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างก็เป็นลูกหลานของดาวนิบิรุ พวกนี้มียีนส์ที่แกร่งที่สุดในจักรวาล บอกกันว่าเทพธิดาน้ำแข็งของพวกเขามีหินกฎน้ำแข็งระดับ 190 อยู่
เมื่อนำโดยเทพธิดาน้ำแข็ง ผู้คนที่นี่ก็เข้าโจมตีหนวดปีศาจและดึงเอาทรัพยากรออกมาได้หมด
ดาวระดับต่ำที่ไม่อาจจะรับมือกับหนวดได้และไม่สามารถเกณฑ์ของเขตดาวโบไลด์ได้ก็ต้องถอนตัวออกไป
มันเป็นเรื่องดีที่สามารถจัดการกับหนวดปีศาจได้ แต่พลังงานในดาวเคราะห์เหล่านั้นก็จะหมดลงไปด้วย ข้อเสียมันเห็นได้อย่างชัดเจน
ในเขตดาวโบไลด์ แร่แม่เหล็กแค่ 1 กิโลกรัมก็มีค่า 1 ล้านเหรียญแล้ว
เมื่อได้ยินว่านักเดินทางจะขายแร่แม่เหล็ก คนดูแลที่นั่นก็แสดงท่าทียินดีออกมา
“สหาย ฉันไม่รู้ว่านายอยากได้เหรียญดาวเท่าไหร่กัน ? ”
หวังเย่าคิดสักพักและยิ้มออกมา “เอามาพันล้านเหรียญ”