ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 638 : ล้มเหลว
ตอนที่ 638 : ล้มเหลว
ทั้งสามได้ออกมาจากพื้นที่ที่มีลูกเห็บและมุ่งหน้าไปยังภูเขาหิมะตรงหน้า เมื่อมองออกไปก็พบกับหอคอยที่สูงเสียดฟ้า
“พี่เย่า ฉันว่าถึงเราจะมีแผนที่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เราอยู่ที่ไหนกันแน่ ? ” แฟนธอมมองไปรอบ ๆ ตัวแต่ก็ไม่พบกับสถานที่ที่จะบอกตำแหน่งตัวเองได้ มันไม่มีสถานที่ที่โดดเด่นหรืออะไรเลย รอบตัวพวกเขามีแต่ภูเขาหิมะ การเดินทางในสภาพแวดล้อมแบบนี้มีแต่จะส่งผลต่อการบอกทิศทาง
หวังเย่าหลับตาลงก่อนจะเปิดการทำงานของระบบ
แม้ว่าระบบจะบันทึกเส้นทางของหวังเย่าเอาไว้ แต่มันไม่ได้มีฟังก์ชันแสกนตำแหน่งและทั้งโลกเพื่อนำทางได้
ตัดสินจากเส้นทางในหัวแล้ว พวกเขาน่าจะเดินมาได้ 3-4 กิโลเมตรแล้ว พวกเขายังอยู่ในเส้นทางหลักสู่ดินแดนนรกอยู่ หากพวกเขาหลงอยู่ที่นี่คงเป็นปัญหาอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ลูกเห็บทำให้พวกเขาไม่สะดวกในการบิน พวกเขาจึงเลือกเดินกันแทน
“บินข้ามภูเขานี้ไปก็น่าจะพบกับเส้นทางด้านหลัง” หวังเย่าพูดขึ้นพร้อมกับจับมือหลินฉีเอาไว้ จากนั้นที่เท้าของเขาก็มีไฟพุ่งออกมาก่อนที่ตัวของเขาจะลอยขึ้นไป
แฟนธอมเองก็บินตามขึ้นไปทันที
พายุบนท้องฟ้ารุนแรงก็จริงแต่มันก็ไม่ได้มีสายฟ้าอยู่ภายในพายุ จากระดับความแข็งแกร่งที่หวังเย่ามีแล้ว การขึ้นบินที่นี่ถือว่าราบรื่นอย่างมาก
“ทีนรี่ ดูเหมือนว่าจะมีภูเขาหลายแห่งเพื่อกันไม่ให้สัตว์อสูรวิ่งวนไปรอบ ๆ ที่ที่เหมือนกับสนามรบนี้กลับเป็นสุสานของสัตว์อสูรแทน”
หวังเย่าถอนหายใจออกมา หลังจากที่ข้ามภูเขามาได้เขาก็พบกับเส้นทางหลัก
แฟนธอมเห็นรอยที่พื้นที่ถูกทิ้งเอาไว้และพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “พาหนะที่ใช้ที่นี่อย่างมากก็เป็นแค่เกวียน”
หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ฉันได้ยินจากพนักงานมากว่าเพราะเขตดาวโบไลด์นั้นกำลังขาดพลังงาน เมื่อรวมกับดวงดาวที่กำลังจะพบจุดจบเพื่อจะประหยัดพลังงานเอาไว้ นอกจากดาวหลักของเขตนี้แล้ว ดาวอื่น ๆ นั้นห้ามใช้อุปกรณ์อิเล็กโทรนิคทุกอย่าง”
แฟนธอมแปลกใจ “เมื่อดาวนี้กำลังจะพบจุดจบ งั้นคนปกครองเขต…เทพธิดาน้ำแข็งนั้นทำไมถึงไม่เลือกย้ายไปที่โลกอื่น ด้วยความสามารถของพวกเขาแล้ว การจะที่อยู่อื่นคงไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมต้องเสียเวลายึดเขตหวงห้ามทั้งสามกลับมาด้วย ? ”
“ฉันเองก็เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนที่ฉันเข้ามาที่นี่ฉันก็รู้แล้วว่าทำไม”
“ทำไม ? ” หลินฉีถามออกมาด้วยความสงสัย
หวังเย่ายิ้มออกมา “เดาสิว่าโลกนี้อยู่ระดับเท่าไหร่ ? ”
“ระดับของโลกในสังกัดถูกตัดสินโดยวงโคจรของมัน ระดับของเขตนี้อยู่ที่ 120 ดังนั้นที่นี่จึงไม่อาจจะเกินระดับ 120 ได้” แฟนธอมวิเคราะห์ออกมา
“แต่นายคิดผิด โลกนี้อยู่ที่ระดับ 170 เขตหวงห้ามทั้งสามนี้จะบอกว่าเป็นดาวนิบิรุอีกแห่งก็ว่าได้”
แฟนธอมแปลกใจ “โลกสังกัดแต่กลับอยู่ถึงระดับ 170 ! ฉันพอเข้าใจแล้ว ! ”
80 เปอร์เซ็นต์ของดาวเคราะห์ในจักรวาลอยู่ต่ำกว่าระดับ 120 , 15 เปอร์เซ็นต์อยู่ระดับ 120 – 150, 3 เปอร์เซ็นต์ อยู่ระดับ 160 , มีไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ระดับ 170 – 190 มีดาวเคราะห์ระดับ 200 แค่เพียงดวงเดียวซึ่งก็คือดาวนิบิรุ
ดังนั้นดาวเคราะห์ระดับ 170 จึงถือว่าสำคัญอย่างมาก มันบ่งบอกได้ว่าโลกนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขตดาวตกเทพจึงใช้เวลาหลายหมื่นปีในการยึดครองเขตหวงห้ามทั้งสาม
หวังเย่าและคนอื่น ๆ เดินอยู่ในหิมะกันสักครู่ก่อนจะได้ยินเสียงเกือกม้ากระทบพื้น
“พี่เย่า มีบางอย่างกำลังมา” หลินฉีเงยหน้าขึ้นมาและตะโกนขึ้น
เพราะมีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย มันจึงไม่สะดวกที่จะเรียกหวังเย่าว่านายท่าน เธอเรียกหวังเย่าว่าพี่เย่าตามแฟนธอมคงจะดีกว่า
เกวียนได้ขับเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนที่คนขับจะดึงบังเหียนของเกวียนแล้วมาหยุดตรงหน้าของทั้งสามคน
“พวกนายคือแขกของดินแดนนรกงั้นหรือ ? ”
คนขับเป็นชายแก่ใส่หมวก ชุดของเขาทำขึ้นจากฟาง เขาดูราวกับคนหัวเซี่ยในอดีต
“ถ้าพวกเราขึ้นไปด้วยจะเป็นการรบกวนคุณรึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาอย่างสุภาพ
“ฮ่าฮ่า ขึ้นมาสิ เกวียนนี่มีไว้ส่งแขกเข้าไปในหุบเขาฟรี ๆ ”
“ขอบคุณมาก” หวังเย่าป้องมือและพูดขึ้น
“อ๊า …” หลินฉีร้องออกมาเมื่อเห็นม้าสองตัวที่ลากรถอยู่
ตะกี้นี้รถม้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว หวังเย่าและคนอื่น ๆ ไม่เห็นม้าสองตัวนี้ รถนี้ก็ใหญ่จนบดบังสายตาของพวกเขา
แฟนธอมเดินไปด้านหน้า เมื่อพบม้าแล้วเขาก็ถึงกับตัวสั่น
“นี่มันอะไร ? ” หวังเย่าถามด้วยความสงสัยและเดินไปดูด้านหน้า
ครืน…
ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาพร้อมกับขนม้าที่สั่นไหวไปตามลมแต่ม้าสองตัวนี้ไม่ใช่ม้าทั่วไป พวกมันสูงและแข็งแรง พวกมันมีขนที่เป็นประกายแต่หัวของมัน…กลับเป็นคน
ม้าสองตัวนี้ไม่ได้มองมาที่หวังเย่าและคนอื่น ๆ พวกมันยังมองไปด้านหน้าแต่การที่พวกมันทนอากาศอันเลวร้ายนี้ได้ก็ทำให้หวังเย่าถึงกับต้องทึ่ง
เขารีบใช้ระบบประเมินมันทันที
ชื่อ : ม้าหิมะ เลเวล : 100 ระดับ : เทพขั้นสูง(พัฒนาล้มเหลว)สกิล : การพัฒนาล้มเหลวทำให้สกิลหายไป ! เมื่อได้รับข้อมูลจากระบบ หวังเย่าก็เห็นข้อมูลของม้าทั้งสองและไม่ได้รู้สึกทึ่งเหมือนกับตอนแรกแล้วอายุขัย : 600 วัน ตัวหนังสือสีแดงที่โผล่มาในหัวนี้ทำให้เขารู้ว่าโลกแห่งนี้มันโหดร้ายแค่ไหน
คนที่หมดอายุขัยแล้ว เมื่อไม่มีงานและไม่มีรายได้ก็ถือว่าเป็นพวกเขาล้มเหลว แต่พวกเขาก็ยังได้ดื่มด่ำกับชีวิตได้อยู่แต่สัตว์อสูร…เมื่อพัฒนาล้มเหลวก็ถือว่าเสียทุกอย่าง แม้แต่เกียรติที่เคยมีก็หายไป พวกมันจะกลายเป็นแค่เครื่องมือคอยใช้แรงงานเท่านั้น
แม้ว่าสกิลของมันจะหายไปแต่ความแข็งแกร่งของมันก็เหนือกว่าสัตว์ทั่วไป นี่คือวิธีการเอาตัวรอดของมันในเขตดาวโบไลด์แห่งนี้
“เป็นอะไรไป ? พวกนายก็เป็นสัตว์อสูรด้วยหรือ ? ” ชายแก่ถามขึ้นมา
หวังเย่าและคนอื่นได้สติกลับมาแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับ
หลินฉีน้ำตาซึมออกมาและมองไปที่ชายแก่ก่อนจะพูดขึ้น “แม้ว่าจะพัฒนาล้มเหลว แต่ทำไมพวกนี้ถึงต้องเสียเกียรติมาทำแบบนี้ด้วย ? ”
“เกียรติงั้นหรือ ? ” ชายแก่อึ้ง
“ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกนายมาจากสถานี พนักงานไม่ได้บอกเรื่องสัตว์อสูรที่พัฒนาแล้วล้มเหลวเลยหรือ ? ฉันว่าพวกนายไม่ควรเข้ามาที่นี่”
ชายแก่มองไปที่หลินฉีแล้วยิ้มออกมา “ชีวิตและความตายจะเกี่ยวข้องกับเกียรติได้ยังไง ? นอกจากนี้หากสัตว์อสูรที่พัฒนาล้มเหลวไม่ปล่อยพลังงานออกมาจากตัว งั้นก็จะเกิดเรื่องที่เลวร้ายกับพวกมัน ที่นี่เป็นเขตดาวโบไลด์ พวกมันอาจจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของเขตนี้ก็ได้”
ชายแก่มองไปรอบ ๆ แล้วถามขึ้นมา “ฉันจะถามพวกนายเป็นครั้งสุดท้าย พวกนายจะขึ้นรถรึเปล่า ? ”
หวังเย่ากำหมัดแน่น ในหัวของเขามีแต่ความว่างเปล่า
ถ้าสักวัน แฟนธอมพัฒนาล้มเหลว งั้นแฟนธอมจะต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้รึเปล่า ?
เลเวล 100 คือระดับเทพขั้นสูง ตอนที่ขึ้นมาเลเวล 90 นั้นสัตว์อสูรจะมีการปลุกสายเลือดขึ้นมา แต่ต้องเผชิญหน้ากับเวลาในการบ่มเพาะอีกกว่าพันปีกว่าที่จะไปถึงระดับเทพขั้นสูงได้
มันก็เหมือนกับเด็กวัย 18 ปีที่เพิ่งออกจากโรงเรียนเข้ามาในสังคมจริง ๆ พวกเขาจะได้พบกับสังคมที่แท้จริง มันจะตัดสินว่าพวกเขามีความสามารถที่จะเอาตัวรอดได้รึไม่
พันปีนั้นเป็นเวลาที่เนิ่นนาน มันมีสัตว์อสูรจำนวนมากที่ต้องตายไปในช่วงเวลานี้
ตอนนี้แฟนธอม เลเวล 95 แล้ว ไม่ว่าหวังเย่าจะเพิ่มพลังงานผ่านระบบไปมากแค่ไหน แต่ค่าประสบการณ์ของแฟนธอมก็ยังไม่เพิ่มเลย
มันต้องผ่านการฝึกฝนระยะยาวเพื่อที่จะเข้าสู่การพัฒนาขั้นสุดท้าย และจะเป็นการเติบโตเต็มวัย
“ฮึ่ม” ชายแก่ฮึดฮัดออกมาก่อนจะยกแส้ฟาดลงไปที่ม้า
ม้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะวิ่งออกไปแล้วหายไปในหุบเขาหิมะอย่างรวดเร็ว
ลมเย็น ๆ พัดผ่านมาทำให้แฟนธอมถึงกับเหม่อไป เขาเพิ่งรู้ชะตาของโลก ตอนนี้เขากำลังคิดถึงตอนที่ตัวเองพัฒนาล้มเหลวและตอนที่เอไนน์ตาย
หลินฉีมองไปที่หวังเย่าแล้วจับมือเขาเอาไว้ เมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นจากมือของเขา เธอก็เริ่มใจเย็นลง
หวังเย่ามองไปที่แฟนธอมและดีใจที่ไม่ได้เรียกเอไนน์ออกมา ไม่งั้นแล้วเมื่อถ้าเธอเห็นเรื่องนี้มันอาจจะกลายมาเป็นความกลัวในใจของเธอก็ได้ แม้ว่าจะมีระบบคอยช่วย แต่หวังเย่าก็ไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างราบรื่นหรือเปล่า
“เราเดินไปกันเองดีกว่า ถ้าสภาพอากาศดี เราค่อยบินกันไป” หวังเย่าตบไหล่แฟนธอม แล้วพูดขึ้นมา
แฟนธอมพยักหน้าและตามหวังเย่าไป
ทั้งสามเดินหน้ากันต่อ เส้นทางด้านหลังมีแต่รอยเท้าของพวกเขาทิ้งเอาไว้ ไม่รู้เลยว่าการเดินแต่ละก้าวนั้นมีความรู้สึกกดดันยังไงบ้าง
ในตอนที่เมฆไม่ได้หนามากนัก หวังเย่าก็ได้ดึงหลินฉี ขึ้นแล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ดูเหมือนว่าจะมีเมืองอยู่ที่ด้านหน้า ! ” หลินฉีตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อมองออกไปที่ด้านหน้าก็พบกับกังหันลมหลายร้อยอัน มันช่างเป็นฉากที่งดงามจริง ๆ
“เราไปดูกันเถอะ” หวังเย่ายิ้มออกมาและเร่งความเร็วขึ้นไปทันที