ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 637 : ลูกเห็บ
ตอนที่ 637 : ลูกเห็บ
เมื่อยานเดินทางผ่านไป ประตูวาร์ปก็ไม่ได้คงอยู่นานและหายไปจากตรงหน้าทุกคนทันที
เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าเขตดาวโบไลด์เป็นพื้นที่เปิด ตราบใดที่ไม่มียานขนาดใหญ่บินเข้าไป งั้นมันก็ไม่ได้รับความสนใจอะไรมากนัก
ในทางกลับกันแล้วการป้องกันของดาวทมิฬก็ยังเคร่งครัดกว่าอยู่มาก ตราบใดที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนที่จะเข้ามาในพื้นที่ของพวกเขาก็จะโดนยิงทันที
หลังจากที่เดินทางผ่านประตูวาร์ปมาได้ก็พบกับดาวขนาดใหญ่
ในระบบสุริยะแล้ว นี่ถือว่าเป็นดาวระดับสูงเพียงแห่งเดียวในเขต แต่ที่นี่กลับมีดาวระดับสูงถึง 2 ใน 3 ภายในเขตดาวโบไลด์ ดาวที่มีระดับตั้งแต่ 90-120 ทั้งหมดได้รวมตัวกันจนกลายมาเป็นเขตดาวโบไลด์
เขตดาวโบไลด์นั้นใหญ่กว่าดาวทมิฬเป็นร้อยเท่า มันล้อมรอบด้วยพระจันทร์ถึง 24 ดวง
วันนี้เขตหวงห้ามทั้งสามได้เปลี่ยนเป็นดวงจันทร์โคจรอยู่นอกสุดของเขตดาวโบไลด์ จึงทำให้ตอนนี้มันมีดวงจันทร์ทั้งหมด 27 ดวง
มันไม่เหมือนกับโลกมนุษย์ เขตดาวโบไลด์คือดาวเคราะห์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หิมะตกตลอดทั้งปี หรือแม้แต่คนที่แข็งแกร่งหากไม่ใส่ชุดป้องกันที่ดีก็ยากที่จะทนได้
อันที่จริงแล้วหลายพันปีก่อน เขตดาวโบไลด์นั้นมี 4 ฤดูสลับหมุนเวียนกันแต่พลังงานของดาวหลักกลับตกต่ำลง มันจึงทำให้ดาวเคราะห์ทั้งหมดนั้นเริ่มหนาวเย็นขึ้นไปด้วย
เมื่อมองไปยังดวงอาทิตย์ใจกลางเขตดาวโบไลด์ที่มีขนาดใหญ่ ดาวเคราะห์รอบ ๆ กลับดูราวกับลูกบอลเล็ก ๆ ที่หมุนวนรอบดวงอาทิตย์
แม้ว่าดวงอาทิตย์จะมีขนาดใหญ่แต่ก็ไม่ได้ให้ความร้อนมากนัก มันก็เหมือนกับคนแก่ที่อยู่ได้อีกไม่นาน ที่ผิวของดวงอาทิตย์นั้นเต็มไปด้วยจุดสีดำมากมาย
แม้ว่าเขตดาวโบไลด์จะเป็นพื้นที่เปิด แต่หากอยากจะอยู่บนดาวดวงใดสักดวงในที่นี่ ก็ต้องได้รับการรับรองก่อน ซึ่งขั้นตอนก็ยุ่งยากและซับซ้อน มันต้องมีการจ่ายค่ารับรองที่สูง นอกจากนี้ก็ต้องจ่ายล่วงหน้าเป็นวันด้วย ถ้าไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ผู้คนก็คงไม่คิดจะอยู่ที่นี่
และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของที่นี่ก็คงจะหนีไม่พ้นเขตหวงห้ามทั้งสามที่ทำให้ผู้คนแห่กันมา
พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำการรับรองที่พัก เพราะตราบใดที่มีโรงแรมอยู่ งั้นก็สามารถอยู่ที่นี่ไปได้อีกนาน
แร่แม่เหล็ก, น้ำมัน, แก๊สธรรมชาติและทรัพยากรอื่น ๆ ถูกรวบรวมโดยฝ่ายจัดการของเขต ทรัพยากรจำนวนมากถูกทุ่มไปในทางกองทัพ
….
ยานได้บินผ่านมิติไปอย่างช้า ๆ จนสุดท้ายก็มาถึงดาวเทียมที่ถูกเรียกว่าดินแดนนรก
สถานีขนาดใหญ่ถูกตั้งอยู่ด้านบนของดินแดนนรก มันราวกับลานจอดรถที่มียานมากมายจอดไว้อยู่
เสี่ยวซวีจะกำเนิดขึ้นมาบนดาวเทียมนี้ในอีก 3-5 เดือนข้างหน้า
หวังเย่ารีบนำยานลงไปจอดทันทีก่อนจะพาหลินฉีและคนอื่น ๆ ลงไปที่ดาดฟ้าของสถานี
ทันทีที่ไปถึงดาดฟ้าก็มีนักรบคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดหวังเย่าและคนอื่น ๆ เอาไว้
“ขอโทษด้วย ตอนนี้ดินแดนนรกต้องซื้อตั๋วก่อน เพื่อเข้าไป”
“ตั๋วงั้นหรือ ? ”
หวังเย่าเห็นว่านักรบมีผิวที่ขาวเหลือง ผมดำและตาดำเหมือนกับตัวเอง
อีกฝ่ายเองก็เห็นว่าหวังเย่าก็มีรูปลักษณ์คล้ายกับตนและตัดสินว่าหวังเย่ากับเขาเป็นลูกหลานของเทพนิบิรุเหมือนกัน
“อสูรมิติของดินแดนนรกกำลังจะกำเนิดขึ้นมา ตอนนี้มีขุมกำลังมากมายที่มาที่เขตดาวโบไลด์เพื่อจะจับสัตว์อสูรเทพ”
“สัตว์อสูรเทพงั้นหรือ ? ฉันจำได้ว่ามันเป็นอสูรมิติไม่ใช่รึไง ? ” หวังเย่าสับสนขึ้นมา
“อสูรมิติได้ดูดซับพลังงานมิติในดินแดนนรกมานาน มันต้องตายกว่า 9 ครั้งเพื่อเปิดการทำงานของสายเลือด นี่เป็นการเกิดใหม่ครั้งที่ 9 ครั้งนี้มันต้องเป็นสัตว์อสูรเทพได้แน่ ! ”
“แล้วยังไง ? แล้วทำไมต้องซื้อตั๋วด้วย ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ครั้งนี้มีคนมากมายที่มายังเขตดาวโบไลด์ เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย เทพธิดาได้พับกระเรียนกระดาษกว่า 3,000 ตัว โปรยไปทั่วดินแดนนรก ตราบใดที่หากระเรียนกระดาษพบ 100 ตัวก็จะมีสิทธิ์เข้าไปในดินแดนนรกได้ นายมาช้าไปหน่อย ฉันเดาว่ากระเรียนกระดาษคงถูกเก็บไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้นนายอาจจะต้องซื้อตั๋วจากคนอื่นในราคาที่สูง”
“ขอบคุณ ! ” หวังเย่าจับมือกับอีกฝ่ายแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่ยานที่จะเดินทางไปยังดินแดนนรก
ยานนี้ยังไปไม่ถึงสถานีของดินแดนนรกแต่เมื่อมองจากที่ไกล ๆ กลับพบกับสายฟ้าที่ผ่าไปทั่ว
สายฟ้าผ่าลงมาทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วทั้งยาน
หวังเย่าและหลินฉีกับคนอื่น ๆ ได้ออกมาจากห้องโดยสารและรู้สึกเย็นราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
หวังเย่าจึงรีบใช้ไฟหยินหยางออกมาก่อนที่เขาจะโดนแช่แข็งไปก่อน
ไกลออกไปกลับมีลมแปลก ๆ ได้พัดผ่านเข้ามาที่สถานี
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ เอไนน์ก็ได้บ่นออกมา “ดินแดนนรกนี่เย็นจริง ๆ ที่นี่เป็นนรกที่มี 18 ชั้นจริง ๆ หรือ ? ”
แฟนธอมกอดเอไนน์เอาไว้และเปิดโล่เงาเพื่อป้องกันความเย็น
“เธอหนาวไหม ? ” หวังเย่าจับมือหลินฉีเอาไว้ พร้อมกับส่งไฟหยินหยางเข้าไปในตัวเธอ
“ดีขึ้นมากเลย”
หูของหลินฉีกระดิกไปตาม
ปัง !
สายฟ้าและลมพัดผ่านไปทั่วท้องฟ้า ทั้งสี่คนได้เดินฝ่าสายลมเข้าไปในจุดลงทะเบียน
“เข้ามาสิ” ชายในชุดทหารได้เปิดประตูให้หวังเย่าและคนอื่น ๆ เข้าไปก่อนจะรีบปิดประตู
“ถ่ายรูปแล้วลงชื่อเอาไว้” ชายคนนั้นพูดขึ้นมา
ตอนนี้ภายในสถานีอุ่นกว่าด้านนอกอย่างมาก คนที่เพิ่งเข้ามานั้นมือถึงกับมีน้ำแข็งเกาะอยู่
สถานีแห่งนี้มีคนไม่มากนัก หวังเย่าไม่ได้ต่อคิวนานก็เดินไปถ่ายรูปและลงชื่อเสร็จสิ้น
ที่ด้านหลังของเขาคือหลินฉี จากนั้นก็เป็นเอไนน์ ตอนนี้หวังเย่าได้เห็นภาพของกระรอกน้อยผ่านกล้องอีกครั้ง
พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาและพูดขึ้น “นี่คือสัตว์อสูรของนายงั้นหรือ ? ”
หวังเย่าพยักหน้าด้วยความสับสน “ใช่ มีอะไรงั้นหรือ ? ”
“เราแนะนำว่าอย่าเอาสัตว์อสูรที่ยังไม่ถึงระดับเทพเข้าไปในดินแดนนรกเลย ไม่งั้นมันอาจจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของมันได้”
“มันไม่เกินไปหน่อยงั้นหรือ ? ”
“นี่เป็นคำเตือน ฉันแนะนำว่านายควรเก็บพวกเขาเข้าไปในแหวน อย่าให้พวกเขาออกมาง่าย ๆ ”
“ขอบคุณที่เตือน ให้พวกเขาลงทะเบียนกันก่อน หลังจากนั้นฉันจะตัดสินว่าจะทำยังไงต่อ”
“ได้ ” พนักงานยิ้มรับ
ตอนที่ถึงตาแฟนธอม กล้องก็ไม่อาจจะจับภาพอะไรได้ มันราวกับตรงหน้ากล้องมีแต่ความว่างเปล่า เรื่องนี้ทำให้พนักงานแปลกใจจนต้องเดินเข้ามาตรวจสอบแฟนธอมด้วยตัวเอง
“ไม่ธรรมดา ! ” พนักงานได้แต่มองไปที่แฟนธอมแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ
เมื่อทีมของหวังเย่าลงทะเบียนเสร็จก็มีพนักงานสาวคนหนึ่งเข้ามาแจกแผนที่ดินแดนนรกและทำการแนะนำพวกเขา “ในดินแดนนรกไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้า ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่สัญญาณวิทยุก็ยังโดนรบกวน ฉันแนะนำว่าอย่าอยู่ห่างกันเกินไป ไม่งั้นแล้วอาจจะส่งผลกระทบเกินกว่าจะคาดถึง”
“ขอบคุณมาก” ภายใต้การนำทางของพนักงาน ทั้งสี่คนก็ได้เข้าไปในลิฟต์ก่อนจะมุ่งหน้ากลับลงไปที่พื้นดินของโลกนี้
“แฟนธอม เอไนน์ พวกนายสองคนมั่นใจนะว่าจะไม่กลับเข้ามาในแหวน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
แฟนธอมมองไปที่เอไนน์แล้วพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แต่เพื่อความปลอดภัยแล้ว ฉันคิดว่าเอไนน์น่าจะกลับเข้าไปในแหวนก่อน”
เอไนน์เงยหน้า ก่อนจะมองไปที่หวังเย่าและแฟนธอม จากนั้นเธอก็กัดปากพูดขึ้นมา “ฉันรู้ว่ามันอันตราย แต่ถ้านายเป็นฉัน ฉันสงสัยว่านายจะทำยังไง”
“ถ้าเป็นฉัน…ฉันจะอยู่ในแหวนและให้พวกเขาเล่าให้ฉันฟังว่าเห็นอะไรมาบ้าง จากนั้นฉันค่อยตัดสินใจว่าจะออกมาดูมันเองรึเปล่า” หูของหลินฉีกระดิกอีกครั้ง แต่เพราะเธอนั้นไม่ใช่สัตว์อสูร ดังนั้นจึงไม่อาจจะเข้าไปในแหวนได้
“ฉันคิดว่าที่หลินฉีพูดมาก็มีเหตุผล รอจนกว่าเราจะลงไปด้านล่างแล้วหาที่ปลอดภัย จากนั้นเราจะบอกสิ่งที่เราเห็นให้เธอฟัง ตกลงไหม”
เมื่อหวังเย่าพูดแบบนั้น เอไนน์ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เธอต้องกลับไปในแหวนทันที
ปัง !
ลิฟต์ลงจอดที่พื้นพร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออกก่อนจะมีลมหนาวพัดเข้ามา
ครืน….
ลมได้พัดเสื้อผ้าของทั้งสามจนปลิว หลินฉีหนาวจนกอดหวังเย่าเอาไว้แน่นและไปซ่อนอยู่ที่ด้านหลังของเขา
ลูกเห็บขนาดเท่ากับกำปั้นได้ตกลงมาจากฟ้าจนทำให้หลินฉีกลัวและไม่กล้าที่จะออกจากลิฟต์
เมื่อเห็นลูกเห็บตรงหน้า หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ดูน่าตื่นเต้นไม่ใช่รึไง ? ”
“พี่เย่า ไปกันเถอะ !” แฟนธอมเปิดโล่เงาแล้วเดินออกไปยืนท่ามกลางลูกเห็บ
“พี่เย่า ฉันกลับรู้สึกกลัวขึ้นมา…” แฟนธอมหันกลับมาหาหวังเย่า ความรู้สึกนี้ราวกับเขาอยู่ในรถแล้วมีลูกเห็บนับไม่ถ้วนตกลงมาอัดกระแทกกับรถ เขารู้ว่ามันไม่อาจจะทำลายกระจกได้แต่ในใจก็ยังกลัวอยู่ดี
หวังเย่ายิ้มออกมาและโอบเอวหลินฉีเอาไว้ก่อนจะเปิดโล่เงาแล้วเดินออกไป
หวังเย่าได้ใช้โล่ไฟเพิ่มขึ้นมาอีกชั้น ลูกเห็บได้ละลายทันทีที่สัมผัสกับโล่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องตกใจกับเสียงลูกเห็บที่กระแทกกับโล่
ภายใต้ไฟหยินหยางที่ปกคลุมร่างของหลินฉีนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างมาก
“ไปตลาดกันก่อน เราต้องไปแลกเงิน” หวังเย่าพูดขึ้น
“อะไรนะ ? ฉันไม่ได้ยิน ! ” แฟนธอมตะโกนขึ้นมา
หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาได้เดินเข้าไปหาแฟนธอมและใช้ไฟหยินหยางสร้างโล่ให้กับแฟนธอม อีกชั้น
ตอนนั้นเองทุกอย่างก็เงียบลงไปทันที
“พี่เย่า ตะกี้นายว่าไงนะ ? ”
“ค่าเงินที่ใช้ในสหพันธ์ดวงดาวคือเหรียญดาว ที่นี่ใช้กันแต่เหรียญดาว เราต้องไปที่ตลาดเพื่อแลกเงินกันก่อน”
“เข้าใจแล้ว ! ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนจะมุ่งหน้ากันไปที่ตลาดทันที