ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 628 : ความโดดเดี่ยว
ตอนที่ 628 : ความโดดเดี่ยว
หนวดเริ่มโดนเผาไปเรื่อย ๆ
หลินฉีได้เรียกหัวหน้าทีมไปที่ห้องสั่งการและบอกถึงจุดอ่อนของหนวด จากนั้นเธอก็แจกจ่ายให้ทุกคนรับผิดชอบในจุดอ่อนตามพื้นที่ต่าง ๆ และได้นำคนเข้าโจมตีทันที
หลินฉีในชุดแดงได้บินออกไปตามดงหนวดในอวกาศ
เมื่อเห็นท้องฟ้าสีแดงก่ำที่อยู่ด้านหน้า เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่แผ่ออกมาไม่รู้จับ พลังนี้ไม่ได้มาจากร่างกายแต่มาจากจิตใจของเธอ !
ครั้งหนึ่งเธอเคยมองข้ามเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอพบกับความตื่นเต้นที่ราวกับปลูกวิญญาณในตัวของเธอให้ออกมา
“ตายซะ ! ” หลินฉีดึงดาบออกมาแล้วตะโกนขึ้น
ปัง ปัง …
ยานรบโดยรอบได้ทำการยิงออกมา กระสุนและลำแสงนับไม่ถ้วนถูกยิงเข้าใส่หนวด
ไม่นาน หนวดนั่นก็มีเลือดกระจายออกไปทั่ว
การโจมตีได้เล็งไปที่จุดอ่อนของมัน ส่งผลให้ร่างกายของมันลดขนาดลงมาอย่างรวดเร็ว หนวดที่แต่เดิมได้ยื่นเข้าไปในดาวทมิฬ ในตอนนี้ต้องหดกลับมา
คนบนดาวทมิฬต่างก็แปลกใจเมื่อเห็นแบบนั้น
หนวดที่ปกคลุมท้องฟ้าไปทั่วจนเห็นแต่ความมืดมิดได้ถอยกลับไป จนตอนนี้ท้องฟ้าได้กลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่หนวดถอยกลับไป คนที่โลกก็ได้ทำการตรวจสอบความปลอดภัยของพวกเขา
ครืน…
หนวดฟาดไปมา บางครั้งก็ฟาดเข้าใส่ยานรบบางลำก่อนที่มันจะระเบิดออกมา
จนทหารนับไม่ถ้วนที่ดาดฟ้าของยานต่างก็พากันหนีและบินไปยังยานรบอีกลำ
ต่อหน้าการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง หลินฉีไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย เธอได้เปิดวิทยุและสั่งการนายพลทุกคนให้โจมตีอย่างเต็มกำลัง
“หนวดนี้ได้ออกจากดาวทมิฬแล้ว เราชนะแน่ ! ”
“มาแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าทหารราชวงศ์แข็งแกร่งแค่ไหน ! ”
หลินฉีในชุดเกราะได้ยกดาบขึ้นแล้วพุ่งออกไป เธอราวกับลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่หนวด
หมัดขวาของเธอกำแน่นพร้อมกับตะโกนออกมา ไฟหยินหยางในแหวนมิติของเธอนั้นถูกใช้ออกมาทันที
ครืน….
ไฟได้เผาหนวดปีศาจจนกลายเป็นเถ้า จนหนวดไม่อาจจะดับไฟนี้ได้และไฟก็เริ่มลามออกไปเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นนายพลสาวแข็งแกร่งเช่นนี้ ทุกคนต่างก็พากันคึกไปตามและพากันพุ่งเข้าหาหนวดอย่างไม่เกรงกลัว
ตอนนั้นในใจของทุกคนมีแม่ทัพเพียงคนเดียวในใจ นั่นก็คือหลินฉี !
เธอคือแม่ทัพราชวงศ์ที่ดีที่สุด ตอนนี้เธอเหนือกว่าดาไฮและฮาร์วี่ไปแล้ว
แผนเดิมของหวังเย่าคือให้ดาไฮนำทัพเพื่อยื้อเวลาหนวดนี่เอาไว้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะมองจุดอ่อนของหนวดออก และได้หาทางตอบโต้มันทันเวลา
สถานการณ์นี้บอกได้เลยว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที !
เท้าของหวังเย่ามีไฟหยินหยางพุ่งออกมา ตอนนี้เขากำลังบินกลับไปยังยานหลัก ความเร็วในการบินของเขาเร็วกว่าพวกนักรบดวงดาวอย่างมาก
กริ๊ง กริ๊ง…
โทรศัพท์ของหวังเย่าได้ดังขึ้น
หวังเย่ากางมือออกก็พบว่าเป็นฟอเนอร์ที่โทรมาหาเขา
เมื่อรับสายก็มีเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นมา “หวังเย่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนวดถึงถอยกลับไป ตอนนี้คนสั่งการคือฮาร์วี่งั้นหรือ”
“ไม่ใช่” หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ฮาร์วี่ เขาตายไปแล้ว”
“หือ ? ” ฟอเนอร์ไม่ได้แปลกใจกับผลลัพธ์นี้สักเท่าไหร่ “แล้วใครเป็นคนนำทัพ ? ”
“ถ้าฉันบอกว่าเป็นหลินฉี แล้วนายจะเชื่อรึเปล่า ?”
ฟอเนอร์แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา “หลินฉี ? นายล้อฉันเล่นแน่ ๆ ยังไงฉันก็ไม่เชื่อ”
“เป็นเธอจริง ๆ ” หวังเย่าหัวเราะออกมา
ฟอเนอร์คิ้วขมวด “หือ….ไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะเป็นหลินฉี แต่มันไม่มีเหตุผลที่เธอจะช่วยนาย ! รึว่า…”
หวังเย่ายักคิ้ว “รึว่าอะไร ? ”
“เธอเป็นคนของนายไปแล้ว ? ” ฟอเนอร์หัวเราะออกมา
หวังเย่ายิ้มและพูดว่า “ก็ใช่”
“พระเจ้า เมื่อไหร่กัน ? ” ฟอเนอร์ถึงกับอึ้งไปทันที
“ตะกี้นี้เอง ฮ่าฮ่า…”
“อึก…” เมื่อได้ยินคำตอบนี้ สีหน้าของฟอเนอร์ยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ”
หวังเย่าวางสายและบินไปที่หนวดต่อ สุดท้ายเขาก็เห็นยานขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า
นักรบดวงดาวและยานอื่น ๆ ได้ทำการยิงสู้กับสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน สัตว์อสูรเองก็ใช้สกิลของมันออกมาเข้าโจมตียานเช่นกัน
มันมีสัตว์อสูรหลายร้อยตัวที่ยืนกันอย่างเป็นระเบียบ มันเป็นเรื่องยากที่เมื่อยานตกเข้าไปในวงล้อมของพวกมันแล้วจะหนีออกมาได้
มันมีก้อนน้ำแข็งอยู่ด้วย เมื่อเข้าไปนักรบดวงดาวจะโดนแช่แข็งโดยไม่รู้ตัว
ด้านบนก้อนน้ำแข็งเหล่านั้น นักรบดวงดาวและนักสู้บางคนราวกับเหยี่ยวที่ปีกหัก มันยากที่พวกเขาจะรับมือได้
บางคนโดนสายฟ้าผ่า บางคนโดนพิษจนทำให้ตัวชา บางคนโดนเถาวัลย์รัดเอาไว้ บางคนก็โดนโจมตีทางจิต…สกิลเหล่านี้ยานของพวกไม่อาจจะป้องกันได้
กองกำลังดวงดาวที่แต่เดิมทัดเทียมกับดาวเฟนเซอร์กลับเสียเปรียบไปในทันที ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อย ๆ
หวังเย่าถึงกับเห็นอัลเฟรดนำทัพด้วยตัวเอง อัลเฟรดได้เรียกสัตว์อสูรของเขาออกมาสู้กับอีกฝ่าย
สัตว์อสูรรายล้อมนักรบดวงดาวเอาไว้ เดาว่าอีกไม่นานพวกเขาคงเป็นฝ่ายที่แพ้ไป
“ดี ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเราจะยึดดาวนี้ได้” ทหารที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โปโปวิช พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
โปโปวิชมองไปยังสนามรบก่อนจะพยักหน้า “แม้ว่ากองทัพของดาวทมิฬนั้นจะเตรียมการมาอย่างดี แต่มันก็มีความต่างด้านความแข็งแกร่งระหว่างพวกนั้นกับเราอยู่ ดาวที่เราอาศัยอยู่มีระดับสูงกว่า สุดท้ายเราก็แข็งแกร่งกว่า แม้ว่าพวกนั้นจะต้านทานได้ แต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้ได้”
“ไม่ใช่ว่าเรามีผู้ดูแลที่เก่งกาจอยู่รึไง เราจะแพ้การต่อสู้นี้ได้ยังไง” ทหารคนนั้นพูดขึ้น
โปโปวิชพยักหน้าและมองไปยังแนวหลังของกองทัพสัตว์อสูร แต่ตอนนั้นเองเขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่ามีชายคนหนึ่งที่ปล่อยไฟออกมาจากตัวโดยที่ไม่ได้สวมเกราะใด ๆ และได้พุ่งเข้าไปหาฝูงสัตว์อสูรจนทำให้สัตว์อสูรโดยรอบกลัวและพากันถอยออกมา
“เขาเป็นใคร ! ” โปโปวิชใจสั่น เขายกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่หวังเย่า
ทหารคนนั้นมองหวังเย่าด้วยสีหน้าตกตะลึง
“รอสักครู่หัวหน้า ! ”
ชายคนนั้นทำการกดปุ่มที่แว่นตาก่อนจะมีข้อความบางอย่างปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
จากนั้นเขาก็ล็อคเป้าไปที่หวังเย่า ก่อนที่หน้าตาของหวังเย่าจะถูกส่งเข้าไปในระบบ
ไม่นานเขาก็ได้ข้อมูลกลับมา
เมื่อเห็นข้อมูลของหวังเย่า ทหารคนนั้นก็ตะโกนขึ้น “หัวหน้า เขาคือหวังเย่า ! แม่ทัพของกองกำลังดวงดาวคนล่าสุด ! ”
“ข้อมูลนี้ถูกเขียนขึ้นโดยสายลับที่เป็นคนของฮาร์วี่ แต่…เขาไม่ได้ประเมินชายคนนี้สูงนัก ! ”
“มารอดูกันว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง ! ” โปโปวิชมองไปที่หวังเย่าที่พุ่งไปมาในวงล้อมสัตว์อสูร
“นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว ! เขาอย่างกับเทพสงคราม แต่โชคร้ายไปหน่อยที่เขาไม่อาจจะเปลี่ยนอะไรได้”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็พบกับข้อมูลของหวังเย่าที่ทำให้เขาต้องอึ้ง
โปโปวิชถอดแว่นออกแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ “บอกเมอเรย์ว่าฉันอยากให้ชายคนนี้ตายไม่ก็พิการ สรุปคือ…ต้องกำจัดเขาให้ได้ ! ”
โปโปวิชสนใจในตัวหวังเย่ามากขึ้นกว่าเก่า
“ได้”
ทหารรีบโทรหาผู้ดูแลเมอเรย์ทันที “คุณเมอเรย์ ตอนนี้สั่งการให้สัตว์อสูรมุ่งหน้าจัดการแม่ทัพคนใหม่ของกองกำลังดวงดาวที่ชื่อหวังเย่า ข้อมูลได้บอกว่าเขาเป็นผู้ดูแลเหมือนกัน ผู้การอยากให้เขาตาย ! ”
“ผู้ดูแลงั้นหรือ ? ” เมอเรย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของกองทัพสัตว์อสูรได้ถามขึ้นมา
“บอกผู้การว่าสบายใจได้ ฉันจะสั่งสอนบนเรียนเขาในฐานะผู้ดูแลจากดาวระดับสูงกว่าเอง”
“ได้ หวังว่าจะได้รับรายงานที่ดีจากนาย ! ” ทหารคนนั้นวางสายแล้วมองไปที่โปโปวิช
“ผู้ดูแลงั้นหรือ มาดูกันว่าใครจะแน่กว่ากัน ! ”
เมอเรย์เอาเครื่องมือบางอย่างของเขาออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะเป่ามันออกมา จากนั้นมันก็มีคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นกระจายไปโดยรอบราวกับคลื่นน้ำ
สัตว์อสูรที่แต่เดิมพากันกลัวหวังเย่าก็ตาแดงก่ำขึ้นมา พวกมันพากันคำรามและพุ่งเข้าใส่หวังเย่าทันที
“หวังเย่าตกอยู่ในอันตราย ! ”
ไกลออกไป อัลเฟรดและคนอื่น ๆ เมื่อเห็นหวังเย่าอยู่ภายใต้วงล้อมแบบนั้นก็พากันตะโกนออกมาด้วยความกังวล