ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 624 : หลุมเวทย์
ตอนที่ 624 : หลุมเวทย์
ไม่นานหลังจากที่ฮาร์วี่เข้าไปในดงหนวดปีศาจ ก็มีพลังงานผันผวนเกิดขึ้นมาในดาวที่ห่างไกลออกไป
ท้องฟ้ากลับพังลง พลังงานที่ผันผวนได้แผ่ออกไปโดยรอบ จนมันเกิดเป็นสายรุ้งเจ็ดสีขึ้นมาตามการผันผวนของพลังนี้
มันแผ่ออกไปเรื่อย ๆ ราวกับปากบ่อน้ำขนาดใหญ่
พลังงานอันรุนแรงนี้ทำให้เกิดลมพายุที่รุนแรงขึ้นมา อุกกาบาตนับไม่ถ้วนที่นอกชั้นบรรยากาศหายไปทันที
ในดาวทมิฬ ผู้คนเห็นประตูมิติที่ก่อตัวขึ้นมาบนท้องฟ้าผ่านช่องว่างของหนวดปีศาจนี้
“ประตูวาร์ป ! ”
บนดาดฟ้าของยาน อัลเฟรด, นอร์แมน, โอพีเลีย, เจนกิ้นและคนสำคัญอื่น ๆ ต่างก็พากันมองดูฉากนี้ด้วยความกังวล
ไม่นานทุกอย่างก็กลับมาสงบลง ประตูวาร์ปนั้นราวกับหลุมดำที่ไม่อาจจะเห็นแสงได้เลยแม้แต่น้อย
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะดูว่าอีกด้านนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ภายใต้สายตาของทุกคน ประตูวาร์ปก็ค่อย ๆ มียานรบขนาดใหญ่บินออกมาตามมาด้วยลำที่สองและสาม….
ยานรบพวกนี้ดูไม่ได้เคลื่อนที่เร็วนัก แต่พวกมันก็เดินทางด้วยความเร็ว 2-3 เท่าของความเร็วแสง
นอร์แมนดูเวลาและพึมพำออกมา “ เริ่มนับถอยหลังได้”
แค่กดปุ่มเวลาก็เริ่มนับถอยหลังทันที
ติ๊ก…ติ๊ก…
เมื่อเสียงเวลานับถอยหลังหยุดลง ก็มีไฟระเบิดออกมา เลเซอร์นับไม่ถ้วนถูกยิงออกไป
ยานรบที่มาจากดาวเฟนเซอร์โดนโจมตีทันที ตัวของยานรบเริ่มพังลงพร้อมกับกลุ่มควันที่ลอยออกมา
“รายงานนายพล เราเดินทางมาได้ครึ่งทางแต่กลับโดนโจมตี”
โปโปดวิชนั่งอยู่ในห้องรับรองกำลังจิบชาอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ได้พูดขึ้นมา “มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะโดนหยุดเอาไว้ ? เราแค่โจมตีตอบโต้กลับก็เพียงพอแล้ว”
ไม่นานก็มีคนกลับมารายงานอีก “รายงานนายพล ศัตรูเตรียมการมาอย่างดี พวกนั้นได้ทำลายขบวนของเรา ตอนนี้มันยากที่เราจะออกจากวงล้อมของศัตรูได้”
“ขบวนรบโดนตรึงเอาไว้ เราไม่อาจจะโจมตีตำแหน่งกองทัพของศัตรูได้ เราขาดการสนับสนุนจากแนวหลัง”
หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลดังขึ้นมา “รายงานนายพล ข้อมูลที่เราได้มานั้นผิดพลาด ตำแหน่งกองทัพของศัตรูไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง !” โปโปวิชสบถออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินไปที่ดาดฟ้า เขามองไปที่หนวดปีศาจพร้อมกับขบวนนักรบดวงดาวนับไม่ถ้วนรอบตัวเขา เขาหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นมา “พวกนั้นไม่คิดแม้แต่จะต่อต้านหนวด ทีมของดาวทมิฬนี่ใจดำจริง ๆ ”
“นายพล เราจะทำยังไงกันต่อ ? ”
“กองทัพของเราแกร่งกว่าดาวทมิฬ ยานรบของพวกเขา 3 ลำเท่ากับของเราแค่ 2 ลำ ตอนนี้ถึงพวกนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็ทนได้ไม่นานหรอก”
“สั่งการออกไป แยกขบวน โจมตีโดยรอบ หลังจากนี้ 30 วินาทีให้ทำการเปิดกรงสัตว์อสูร 100,000 ตัวออกมา ให้ผู้ใช้อสูรประจำที่ ! ”
“ได้ ! ”
ผ่านไปสักพัก ยานรบของดาวเฟนเซอร์ก็ได้ทำการกระจายตัวกันออกไป นี่คือขบวนรบรูปหอก จากนั้นก็มีสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนแห่กันออกมาจากยานรบเหล่านั้น
สัตว์อสูรเหล่านี้มีเลเวลประมาณ 85 มันแกร่งกว่านักรบดวงดาวเล็กน้อย
เมื่อรวมกับสกิลของสัตว์อสูรเหล่านี้แล้ว ภายใต้การสั่งการของผู้ใช้อสูร มันก็ยิ่งแกร่งขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นสกิลแช่แข็ง, พิษ, ทำให้ศัตรูไร้ความรู้สึก สกิลแต่ละอย่างถูกใช้ออกมาจนนักรบดวงดาวไม่อาจจะหยุดพวกมันได้เลย
ในฐานะผู้ดูแลที่เก่งกาจ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังเย่าถึงได้กลายเป็นแม่ทัพในการนำทัพในครั้งนี้
เพราะตราบใดที่มีสัตว์อสูรเพียงพอ แค่หวังเย่าเพียงคนเดียวก็ถือว่าเป็นกองทัพทั้งกองทัพได้แล้ว
หากระดับของสัตว์อสูรสูงพอ งั้นหวังเย่าก็อาจจะสามารถทำลายดาวทั้งดวงไปเลยก็ว่าได้
“นี่มันฝูงสัตว์อสูรงั้นหรือ ? ” นอร์แมนมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าตึงเครียด
โอพีเลียพูดขึ้นมา “อีกฝ่ายก็มีผู้ดูแลที่เก่ง พวกเขาบ่มเพาะสัตว์อสูรมามากมายแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะวางแผนมาดีไม่น้อย”
“ได้เวลาที่เขาจะปรากฏตัวแล้ว ! ”
อัลเฟรดมองไปยังเหล่าทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังและพูดขึ้นมา “เรียกสัตว์อสูรของพวกนายออกมา แสดงให้ผู้บุกรุกได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกนาย ! ”
“ได้ ! ”
เสียงตอบรับดังก้องขึ้นมา
ทันใดนั้นทั้ง 13 ทีมก็ได้ขึ้นยานแล้วขับออกมาจากยานหลัก นักรบเกราะหลายพันคนได้เรียกสัตว์อสูรของตัวเองออกมาพุ่งเข้าหาฝูงสัตว์อสูร
“นายพล ดูเหมือนว่าหนวดปีศาจนี้จะไม่ได้ถูกกองกำลังดาวโจมตี แม้ว่าเราจะชนะแต่ก็กลัวว่าอาจจะเสียคนไปจำนวนมาก ”
“ด้วยข้อมูลที่แม่นยำแล้ว การต่อสู้นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงศัตรูจะแกร่งกว่าเดิม แต่เราก็แข็งแกร่งกว่าไม่ใช่รึไง ? ”
“ใช่ ! ตราบใดที่ยึดดาวทมิฬได้ ฉันก็ไม่ลังเลแม้ว่าฉันจะต้องเจ็บตัวก็ตาม ! ”
ตอนนั้น การต่อสู้อันดุเดือดก็ได้เริ่มต้นขึ้น
….
แม้ว่าจะเข้ามาในดงหนวดปีศาจและโดนฮาร์วี่ล้อมเอาไว้ แต่หวังเย่าก็ไม่ได้ลนลานเลยสักนิด
เขาจงใจล่อพวกนี้เข้ามาและใช้สกิลเร่งการเติบโตกับหนวดพวกนี้เอาไว้ ซึ่งจะทำให้หนวดรอบ ๆ เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หนวดปีศาจได้เติบโตขึ้นมาจนทำให้ช่องทางแคบลงไปเรื่อย ๆ ยานของบางคนถึงกับระเบิดออกเมื่อโดนหนวดเหล่านั้นบดขยี้
“หวังเย่า นายเป็นสัตว์อสูรงั้นหรือ ? ” หลินฉีมองไปที่หวังเย่าด้วยความแปลกใจก่อนจะถามขึ้นมา
“ไม่ใช่ ” หวังเย่าตอบกลับ
“แต่ฉันสงสัยว่าสัตว์อสูรกับมนุษย์นั้นต่างกันยังไง โดยเฉพาะสัตว์อสูรที่เลเวลมากกว่า 90 รูปร่างของพวกเขาไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์เลย แต่พวกเขากลับโดนมองว่าเป็นสัตว์” นี่คือคำถามที่หวังเย่าสงสัยมานานแล้ว
“นายไม่เข้าใจ อันที่จริงวิธีการแยกมนุษย์กับสัตว์อสูรนั้นง่ายอย่างมาก ซึ่งก็คือการทดสอบยีนส์ หากมียีนส์พิเศษนี้ในตัวงั้นก็หมายความว่าสามารถฝึกสัตว์อสูรนั้นให้เชื่องได้ มนุษย์จะสามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรได้”
“อสูรบางตัวได้กำจัดยีนส์นี้ออกไป ดังนั้นจึงกลายเป็นคนขึ้นมา พวกเขาจึงถูกเรียกว่ามนุษย์”
“บรรพชนของฉันคือจิ้งจอกเก้าหาง บรรพชนของฉันได้ผสมพันธ์กับมนุษย์จนเกิดเป็นมนุษย์จิ้งจอกขึ้นมา”
“มนุษย์ไม่อาจจะทำสัญญากับสัตว์อสูรอื่นได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเราที่เท่าเทียมกับสัตว์อสูรและด้วยสายเลือดที่บริสุทธิ์กว่า เราจึงพัฒนาตัวเองได้เร็วกว่า แม้แต่ความแข็งแกร่งของเราก็พัฒนาเพิ่มขึ้นมาในเวลาอันสั้น”
หวังเย่าถึงกับคิดถึงแฟนธอมขึ้นมา ตามการพัฒนาในตอนนี้แล้ว ไม่นานแฟนธอมก็จะพัฒนากลายเป็นมนุษย์จริง ๆ ลูกหลานของเขาจะมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด
แต่ตอนนั้นเองกลับมีลมก่อตัวขึ้นมา
นี่คือลมที่ไม่อาจจะควบคุมได้ ยานในดงหนวดบางลำโดนพัดอัดเข้าไปชนกับหนวดเข้าก่อนที่มันจะระเบิดออก
“หลุมเวทย์เปิดออกแล้ว เราต้องรีบออกจากที่นี่” หลินฉีพูดขึ้นมาด้วยความกังวล
“หลุมเวทย์งั้นหรือ ? ” หวังเย่าแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
“มันคือปากของหนวดนี่ เมื่อมันเปิดออก มันจะสูบทุกอย่างเข้าไป แม้แต่ยานหลักก็ไม่อาจจะหนีได้”
หลินฉีรีบอธิบาย แม้ว่าเธอจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับหวังเย่า แต่เธอก็รู้ข้อมูลของหนวดนี่มากกว่าหวังเย่า
หนวดนี่เจอการโจมตีจากฟอเนอร์อยู่ เมื่อพบว่ามันไม่ได้เปรียบ มันจึงทำการเปิดหลุมเวทย์ขึ้นมาเพื่อรีบจบการต่อสู้
หลินฉีจับหวังเย่าเอาไว้แน่น สุดท้ายเธอก็ถูกหวังเย่าลากออกไปภายใต้สายลมอันรุนแรงนี้
ครืน….
อุกกาบาตนับไม่ถ้วนถูกสูบเข้าไปโดยหลุมเวทย์ ยานที่ไล่ตามหวังเย่ามาก็ตกอยู่ในพายุนี้ด้วยเช่นกัน พวกนั้นไม่อาจจะบินหนีออกมาได้ นักรบบางคนเลือกที่จะกระโดดลงจากยานเพื่อไม่ให้โดนสูบเข้าไป
หวังเย่ารู้สึกถึงน้ำหนักหลายสิบตันที่กดทับตัวเขาเมื่อเขาลงไปยืนบนหนวดปีศาจ เท้าของเขาถึงกับจมไปในเนื้อของมันด้วย
ตอนนี้หลินฉีกอดเขาเอาไว้แน่นไม่กล้าแม้แต่จะปล่อย
หวังเย่าเคยรับปากกับเธอแล้วว่าจะช่วยให้เธอรอดไปให้ได้
“ทำไมเธอถึงได้ดูดีแบบนี้ได้ ? ” หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมา แต่ถึงยังไงสุดท้ายเธอก็นิสัยแย่ เรื่องนี้ไม่อาจจะแก้ไขกันได้
หวังเย่าอุ้มหลินฉีกระโดดไปมาในดงหนวดก่อนที่สุดท้ายจะพบกับทางออก แต่กลับมีคนมาขวางทางหวังเย่าเอาไว้
“หลินฉี เธอมันหน้าไม่อาย เธอทำให้ตระกูลต้องเสียเกียรติ”
“พี่ ฉัน..”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาเรียกฉันว่าพี่ เมื่อเธอเป็นผู้หญิงของหวังเย่า เธอก็ต้องตายไปกับเขาด้วย”
เกราะของฮาร์วี่นั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยนักวิจัยของตระกูล ความสามารถของมันจึงเหนือกว่าเกราะทั่วไป
เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งที่ไม่ได้น้อยนัก เขาจึงสามารถเดินทางในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้
เขามองไปที่หลินฉีด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ก่อนที่จะมองไปที่หวังเย่า
จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา เขาดึงหอกออกมาจากทางด้านหลังเกราะแล้วแทงเข้าใส่หวังเย่า
“แกจะทำให้ฉันร้องไห้ไม่ใช่รึไง ? ฉันอยากเห็นว่าแกจะทำยังไง ! ” ฮาร์วี่อาศัยแรงลมพุ่งเข้ามาซึ่งทำให้เขาเร็วจนน่าแปลกใจ หัวหอกนั้นส่องแสงสีแดงออกมาเล็งมาที่หัวของหวังเย่า