ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 608 : ระวังตัว
ตอนที่ 608 : ระวังตัว
หลังจากที่จัดการกับพี่น้องทั้งสองคนได้แล้ว หวังเย่าก็ได้หันกลับไปมองที่ยูเอสบี
แผนที่ของดาวทมิฬและแผนการรบของสหพันธ์ถูกส่งไปยังหัวหน้าของดิ๊คเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายและค้นหาพิกัดรวมถึงการค้นหาตามแผนที่ดาวเคราะห์ต่าง ๆ ที่วาดขึ้นโดยสถานี หวังเย่าก็พบว่ามันคือดาวระดับ 110 ดาวเฟนเซอร์
ดาวเฟนเซอร์เป็นดาวที่อยู่ระดับ 110 นักรบที่นั่นอาจจะแกร่งกว่าดาวทมิฬก็จริง แต่ก็ไม่อาจจะบดขยี้ดาวทมิฬได้
เพราะในหมื่นปีมานี้ดาวเคราะห์ต่าง ๆ ได้พัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดจนยากจะพัฒนาต่อไปได้
มันจึงมีกองกำลังสัตว์อสูรขึ้นมา ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรนี้ทัดเทียมกับกองทัพชาติได้ กองกำลังดวงดาวนั้นต้องใช้ทั้งคน, เงิน, และทรัพยากรต่าง ๆ มันเป็นการลงทุนก้อนโต
ในทางกลับกันแล้ว การฝึกสัตว์อสูรนั้นว่องไวกว่าและราคาถูกกว่า
จึงมีไม่กี่ดวงดาวที่เต็มใจจะทิ้งทรัพยากรจำนวนมากแบบนั้น รวมถึงปัญหาในการขนส่งคนในระยะห่างที่ไกลของแต่ละดาวเคราะห์
แต่ยกเว้นแค่ดาวนิบิรุที่เทคโนโลยีนำหน้าดาวอื่น ๆ ในจักรวาล พวกเขาต่างจากดาวอื่น ๆ อย่างมาก ความจริงที่ว่าดาวนิบิรุเริ่มใช้สัตว์อสูรเป็นดาวแรกนั้นก็ถือว่าพวกเขาพัฒนาไปก่อนดาวอื่นเยอะมากแล้ว ดาวนิบิรุมีสัตวฺอสูรเทพขั้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะการที่ต้องฝึกฝนให้เกิดสัตว์อสูรเทพขั้นสูงขึ้นมานั้นมันจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิต และกว่าจะสามารถพัฒนาไปหนึ่งขั้นก็ใช้เวลานานเป็นพันปี ผลก็คือสัตว์อสูรเทพขั้นสูงจึงหายากอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดาวระดับ 100-160 ดาวของพวกนั้นเพิ่งเริ่มใช้สัตวอสูรกันได้ไม่นาน หากเทียบกับดาวนิบิรุแล้วถือว่ายังเด็กกว่าอย่างมาก
แม้ว่าจำนวนสัตว์อสูรระดับนี้จะเพิ่มขึ้นมาตามการเพิ่มระดับของดาวเคราะห์แล้ว แต่จำนวนสัตว์อสูรเทพขั้นสูงก็ยังมีน้อยอยู่ดี ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์อสูรเป็นสัตว์อสูรเทพขั้นต้นกัน
ในจักรวาล สัตว์อสูรทั้งหมดจะถูกลดความแข็งแกร่ง ผลก็คือทำให้ดาวเฟนเซอร์และดาวทมิฬมีความแข็งแกร่งที่ถือว่าทัดเทียมกัน
เทคโนโลยีก็ทัดเทียมกัน อาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็อยู่ในระดับเดียวกัน สงครามระหว่างดาวเคราะห์ทั้งสองจึงตัดสินได้ยากว่าใครจะแพ้ชนะ
แต่เมื่อข้อมูลของดาวทมิฬรั่วไหลออกไปเช่นนี้ งั้นก็ไม่ต้องเดาเลยว่าจะต้องเสียเปรียบขนาดไหน
ในฐานะผู้อพยพแล้ว หวังเย่าไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนของดาวทมิฬ แต่เพื่อนของเขาอย่างฟอเนอร์กับคนอื่น ๆ ในกองกำลังดวงดาวนี้ทำให้เขาเป็นห่วงที่นี่ขึ้นมา
…
เมื่อตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง หวังเย่าก็พบข้อมูลที่น่าสนใจที่ตัวเขาเกือบจะมองข้ามไป
ตระกูลมูหลางได้ทำการตกลงแบบส่วนตัวกับคู่ค้าต่าง ๆ เงินส่วนมากล้วนแต่ตกอยู่ในกำมือของพวกเขาเอง
ต้องรู้ก่อนว่า ฮาร์วี่ยังเป็นเจ้าชายของรัฐจิ้งจอกอยู่ อำนาจยังอยู่ในมือพ่อของเขาอย่างคูลี
เมื่ออยู่ภายใต้อำนาจของคูลี ฮาร์วี่จึงไม่กล้าผลีผลามทำอะไร
“น่าสนใจ หากรายงานนี้รั่วไหลออกไป มาดูกันว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง ! ”
ฮาร์วี่เคยดูหมิ่นเขาด้วยการอ่านความทรงจำของเขา ก่อนจะเอามาเล่นละคร สุดท้ายก็โยนเขาเข้าไปในคุก
เมื่อดูจากการที่ฮาร์วี่สามารถอ่านความทรงจำของเขาได้นั้น งั้นก็แสดงว่าเขาต้องมีระบบอยู่กับตัว ไม่งั้นหวังเย่าคงไม่โดนมองว่าเป็นขยะแบบนั้น
ถ้าหากว่าเขาเอาข้อมูลที่คูลีลักลอบค้าขายกับที่อื่นออกมาเปิดเผย ฮาร์วี่อาจจะโดนลดตำแหน่งมาเป็นคนทั่วไป แต่ หวังเย่าไม่ใจดีแบบนั้น เขาอยากให้…อีกฝ่ายตายไปเลยยิ่งดี !
เมื่อดูเครื่องสื่อสารที่อยู่ในมือของดิ๊ค หวังเย่าก็หรี่ตาลง เขากลับไปสนใจรูหนอนที่ทั้งสองคนพูดถึงเมื่อตะกี้ขึ้นมาทันที
การสร้างรูหนอนนั้นยุ่งยากกว่าการสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างมาก เพราะเพื่อจะจัดการปัญหาเรื่องมิติเวลาบิดเบี้ยวและมิติพังลงแล้ว ส่วนที่สำคัญของรูหนอนคืออยู่ที่ความปลอดภัยในการเดินทางด้วย ดังนั้นรูหนอนจึงต้องใช้แร่แม่เหล็กจำนวนมาก อีกทั้งจำนวนคนที่เดินทางได้ก็มีน้อยมากเช่นกัน
รูหนอนทั่วไปเป็นรูหนอนแบบทางเดียวที่สามารถส่งคนได้คนเดียวและแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นมันก็จะพังลง
การสร้างรูหนอนขึ้นมาใหม่จะต้องใช้คนของทั้งสองที่ในการเชื่อมสะพานกันและต้องใช้รหัสด้วย
รูหนอนที่ดีขึ้นมาหน่อยก็จะสามารถส่งคนได้ทีละ 2-3 คน แต่ก็ยังเป็นการเดินทางแบบทางเดียว นั่นก็คือไปแล้วกลับไม่ได้นอกจากจะสร้างมันขึ้นมาใหม่
รูหนอนขั้นสูงจะสามารถส่งคนได้ 5 คนต่อครั้ง และมันยังสามารถเดินทางไปกลับได้
ซิดดี้ได้หนีออกจากเหมืองด้วยรูหนอนขั้นสูง
สรุปคือการใช้รูหนอนเดินทางเป็นวิธีที่ยากและสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมาก อีกทั้งยังส่งคนได้ในจำนวนที่น้อย เพราะไม่อย่างงั้นแล้วหากสามารถใช้รูหนอนในการเดินทางบุกโจมตี งั้นป่านนี้จักรวาลคงตกอยู่ในความวุ่นวายไปแล้ว
สำหรับตอนนี้ ทางที่ง่ายที่สุดและส่งคนได้มากที่สุดคือต้องเดินทางด้วยประตูดวงดาวแต่ประตูดวงดาวนั้นสังเกตเห็นได้ง่าย และด้วยการที่เห็นได้ง่ายนี้เมื่อมีใครใช้ประตูดวงดาวก็จะถูกพบทันที พวกเขาต้องบุกโจมตีอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด และจบให้เร็วที่สุดด้วย
…
หวังเย่าดึงยูเอสบีออกมาก่อนจะลุกขึ้น
เขาเดินออกไปที่ด้านนอกและมองดูเหล่าทหารก่อนจะมองไปที่ร่างของดิ๊คที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่
เขาผายมือทั้งสองข้างออกมาก่อนที่จะมีไฟพุ่งออกไปเผาสถานีนี้ให้กลายเป็นทะเลเพลิง
หวังเย่าได้เดินทางหนีออกไปทันที
เมื่อเดินทางมาได้ไม่นาน เจนกิ้นและโอพีเลียก็มาพบกับเขาพร้อมกับนายพลอีก 5 คน
“หวังเย่า นายจัดการดิ๊คไปแล้วหรือ ? ” เจนกิ้นถามขึ้นมา
หวังเย่าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
โอพีเลียรีบแนะนำคนที่มาด้วย “ นายพลเหล่านี้คือนายพลจากฝ่ายของเรา ฟอเนอร์ส่งคนมาเผื่อไว้ พวกนี้ไปเก็บแร่มา ตอนนี้แร่ทั้งหมดอยู่ในมือของฉันแล้ว เราจะเอาแค่ขั้นต่ำเพื่อให้ผ่านเกณฑ์เท่านั้น เมื่อรวมกับส่วนที่แย่งมาได้จากคนอื่น ๆ น่าจะได้ประมาณ 3,800 คะแนน ซึ่งน่าจะเพียงพอกับตำแหน่งแม่ทัพของนาย”
หวังเย่ามองไปยังนายพลที่อยู่ด้านหลังของโอพีเลีย แล้วพูดขึ้น “รบกวนทุกคนจริง ๆ ! ” จากนั้นเขาก็มองไปที่โอพีเลีย “ ฟอเนอร์นี่รอบคอบจริง ๆ เขายังส่งคนมาเพิ่มอีก แต่ตามกฎแล้ว ตำแหน่งของเราก็ขึ้นอยู่กับคะแนน ถ้าเธอไม่คิดเป็นรองหัวหน้า …”
หวังเย่ายักคิ้วแล้วพูดต่อ “ถ้าฉันส่งตำแหน่งให้เธอไม่ได้ งั้นก็หมายความว่าฉันจะออกจากดาวทมิฬนี้ไม่ได้สินะ ? ”
โอพีเลียยิ้มออกมา “เพราะมันเป็นทางเลือกเดียว เราเจอกับเรื่องไม่คาดคิด ไม่ใช่แค่โดนหักหลังแต่ยังเสียแร่ของตัวเองด้วย ไม่งั้นแล้วถ้าเรามีแร่จำนวนมาก เราก็น่าจะตัดสินได้ว่าใครจะเป็นหัวหน้าและรองหัวหน้า”
หวังเย่าส่ายหน้า “ฟอเนอร์นี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ เขาอยากผูกมัดฉันเอาไว้ แต่ฉันไม่ยอมให้เขาทำสำเร็จหรอก”
“นาย…นายคงไม่คิดจะยอมแพ้หรอกนะ ? ” โอพีเลียแสดงท่าทีกังวลออกมา
หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเมื่อเราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ฉันคงไม่อาจจะรับแร่ทั้งหมดไว้คนเดียวได้ มาดูกันดีกว่าว่าฉันได้แร่มาเท่าไหร่ ! ”
หวังเย่าพูดจบก็ได้โยนแหวนออกไปให้โอพีเลีย
โอพีเลียรับแหวนมาแล้วลองตรวจสอบ ไม่นานเธอก็อ้าปากค้าง
“เท่าไหร่ ? เยอะงั้นหรือ ? ” เจนกิ้นเองก็อยากรู้ขึ้นมา
หลังจากที่เจนกิ้นรับแหวนไปตรวจสอบแล้ว เขาก็ต้องตะโกนออกมาด้วยความแปลกใจ “พระเจ้า ! ”
“หวังเย่า…นายคงไม่เจอเหมืองแร่แม่เหล็กหรอกใช่ไหม ? นี่มันมากกว่าแร่ที่ทุกคนมีรวมกันเป็นสิบเท่าเลยนะ ! ”
หวังเย่ายิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเขามีแหวนแบบนี้อีกหลายวง ไม่งั้นแล้วพวกนี้คงเป็นบ้ากันแน่ ๆ
“งั้นตอนนี้ไม่ใช่แค่เราจะได้ตำแหน่งแม่ทัพมา แต่ยังได้ตำแหน่งรองแม่ทัพอีกสองที่ด้วย พวกนายคิดว่ายังไง ? ”
“ฉัน..” โอพีเลียแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนออกมา เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ได้
อันที่จริงเธอกับฟอเนอร์คิดกันมาแล้ว แม้ว่าทุกอย่างจะไม่ราบรื่น แต่ตราบใดที่หวังเย่าได้ตำแหน่งแม่ทัพไป เขาก็ไม่อาจจะยกตำแหน่งให้กับรองแม่ทัพและลาออกได้ ถึงตอนนั้นเธอจะลาออกไปใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปและแต่งงานกับฟอเนอร์
หวังเย่าที่ไม่อาจจะโอนตำแหน่งให้กับใครได้ และก็ไม่อาจจะออกจากดาวทมิฬนี้ได้ด้วย เขาจะโดนกักขังไว้โดยฟอเนอร์
แต่หวังเย่ากลับมองออกทุกอย่างที่ฟอเนอร์ทำ เขาทำแผนของเธอพัง เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเมื่อการฝึกนี้จบลง ฟอเนอร์และโอพีเลียตั้งใจจะแต่งงานกัน
เจนกิ้นเมื่อเห็นแบบนั้นก็ได้พึมพำออกมา “ฉันไม่คัดค้าน ฮ่าฮ่า…ฉันน่ะหวังจะเสี่ยงโชคอยู่แล้ว ถ้าได้อยู่ต่อก็คงดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันว่าจะกลับไปที่บ้านเพื่อทำงานอื่น แต่ตอนนี้ได้ตำแหน่งนี้มา ฉันก็พอใจแล้ว ฮ่าฮ่า…”
หวังเย่ายิ้มออกมาให้กับเจนกิ้น เขาพอใจกับมิตรภาพที่เจนกิ้นให้มาอย่างมาก
“โอพีเลีย พูดตรง ๆ ฉันไม่คิดว่าเธอน่ะจะเป็นคนวางแผนหรอก ฟอเนอร์สินะที่เป็นคนคิดแผนนี้ ? ”
ตามที่หวังเย่าสังเกตโอพีเลียมากว่า 5 เดือน ผู้หญิงคนนี้นั้นฉลาดและมีความสามารถ แต่ไม่มีทางขึ้นไปถึงระดับอัจฉริยะจอมวางแผนได้
บอกได้ว่าแผนการนี้คือแผนการของฟอเนอร์ที่ใช้โอพีเลียมาหลอกให้หวังเย่าตายใจ โดยบอกว่าเธอจะขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพ เพื่อให้เขาสบายใจกับการรับตำแหน่งแม่ทัพไป
เมื่อเห็นท่าทีของหวังเย่า โอพีเลียก็ได้แต่ยักไหล่และพูดขึ้น “หวังเย่า นายน่ะฉลาดจนฉันปิดบังอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ ไปเถอะ การทดสอบเกือบจะจบแล้ว”