ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 539 : ฆ่า
ตอนที่ 539 : ฆ่า
“คนที่เคยเห็นแผนที่บึงมาแล้ว เขาร่วมมือกับแกสินะ ?”
ฮาลิเฟคมองไปที่หวังเย่าด้วยสายตากระหายเลือด
หวังเย่ายังคงนั่งนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย เขามองไปที่ฮาลิเฟคแล้วยิ้มออกมา
“บอกชื่อมา ฉันรับปากว่าจะไว้ชีวิตแก ! ”
หวังเย่ากลับยิ้มกว้างขึ้นมา หากเป็นเขาเมื่อครึ่งเดือนก่อนที่ต้องเผชิญหน้ากับฮาลิเฟค อีกฝ่ายคงเอาชนะเขาได้ง่าย ๆ หวังเย่าอาจจะมีโอกาสหนีออกมาได้ แต่ตอนนี้ดูจากสายตาของหวังเย่าแล้ว ฮาลิเฟคคงเป็นแค่ปลาบนเขียงของเขาเท่านั้น !
“แกดูน่ารักดีตอนที่แกโกรธ เจ้าปลาน้อย”
เมื่อฮาลิเฟคได้ยินแบบนั้นก็คิ้วขมวดขึ้นมาทันที “แกว่ายังไงนะ ? ฉันได้ยินไม่ชัด แกลองพูดอีกครั้งสิ” ฮาลิเฟคกำหมัดแน่น
หวังเย่ายกมือขึ้นมาเท้าคางเอาไว้แล้วมองไปที่ฮาลิเฟคด้วยสายตากวนประสาท ก่อนจะพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าแกจะชอบชื่อนี้ งั้นแกฟังให้ดีนะ ฉันเรียกแกว่า…เจ้าปลาน้อย !”
ผู้คนโดยรอบต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน ทุกคนต่างก็ตัวแข็งทื่อและมองเข้าไปในถ้ำด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ไอ้หนูนี่ต้องตายแน่ ๆ เขากำลังเผชิญหน้ากับนักมวยของตลาดมืด ฮาลิเฟค ! ”
“ฉันกลัวว่าครั้งนี้เขาคงต้องตายจริง ๆ แล้วละ”
ทุกคนต่างก็พากันหวั่นใจ แต่ฟอเนอร์กลับยิ้มออกมา
“ไอ้หนู แกตาย !” ฮาลิเฟคคลั่งเพราะคำพูดของหวังเย่า เกล็ดมังกรรอบตัวมีพลังปะทุกออกมา มือขวาที่เต็มไปด้วยกรงเล็บได้พุ่งเข้าไปเพื่อจับคอหวังเย่าเอาไว้
ปัง !
เงาที่ราวกับสายฟ้าได้พุ่งเข้าไปหาหวังเย่า มือของฮาลิเฟคได้จับไปที่คอของหวังเย่าเต็มแรง ก่อนจะฟาดร่างของหวังเย่าเข้ากับกำแพงถ้ำ
ถ้ำสั่นไหวอย่างรุนแรงตามมาด้วยเสียงระเบิด ก่อนที่ถ้ำจะถล่มลงมา ไม่นานปากถ้ำก็ถูกหินปิดเอาไว้
นักโทษที่ยืนอยู่รอบ ๆ พากันถอยออกมาแล้วมองไปที่ถ้ำ
“ไม่คิดเลยว่ามันจะจบลงภายในไม่กีวินาที !”
“ใช่ ไอ้เด็กนั่นจะรับการโจมตีของฮาลิเฟคได้ยังไง”
ทันทีที่พูดจบก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง หินที่ปิดปากถ้ำอยู่ได้ระเบิดออก มันมีเงาหนึ่งได้กระเด็นออกมา เมื่อร่างนั้นตกลงที่พื้นก็ตัวงออย่างกับกุ้ง
ด้วยความมืดจึงมีแค่แสงจากหอคอยเท่านั้นที่พอเห็นขนาดของร่างนี้ได้
“ดูนั่น คนที่กระเด็นออกมา…”
“ฮาลิเฟค ! ”
ตอนที่ทุกคนคิดว่าหวังเย่าคงกลายเป็นศพไปแล้วและโดนฮาลิเฟคโยนออกมา แต่ทุกอย่างกลับผิดจากที่พวกเขาคาดเอาไว้ สายตาของฮาลิเฟคเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขายังจำได้ดีว่าหวังเย่าต่อยมาที่ท้องของเขาเบา ๆ เท่านั้น
มันเป็นหมัดธรรมดา แต่กลับมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด !
ด้วยความแข็งแกร่งที่เขามี เขาไม่อาจจะหยุดหวังเย่าได้แม้แต่น้อย ! เขาประมาทอีกฝ่ายเกินไปแล้ว !
หลังจากที่ช็อกได้ไม่นาน ฮาลิเฟคก็รีบรวบรวมสติ เขาคุกเข่าลงกับพื้น
ฝนยังตกลงมาพร้อมกับทำให้เกิดบ่อโคลนขึ้น
ในซากถ้ำนั้นมีคนคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมา แสงจากหอคอยได้ส่องผ่านพร้อมกับลมที่พัดผ่านเข้ามาจนเผยให้เห็นร่างของหวังเย่าที่เดินออกมา
เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย !
“ไอ้เด็กใหม่นี่กลับไม่บาดเจ็บเลย”
ชายคนหนึ่งได้พูดขึ้นมา “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ! ”
ตอนที่พวกเขาได้สติกลับมานั้น พวกเขาก็รู้แล้วว่าประเมินหวังเย่าต่ำเกินไป
ด้านบนหอคอย ซิดดี้ถือกล้องส่องทางไกลมองมาที่หวังเย่าอยู่
“น่าสนใจดีนิ ไอ้หนูนี่อยู่ระดับ K จริงรึเปล่า ? ”
เลขาสาวที่อยู่ข้าง ๆ ส่งรายงานให้กับซิดดี้ทันที
“ฝ่ายเทคนิคได้ยืนยันว่าได้ทำการทดสอบทางร่างกายของ 2020423 ทันทีที่เขามาถึง เขามียีนส์บกพร่องในตัว เขาอาจจะพัฒนาไปได้ถึงระดับ H แต่…ตะกี้นี้เขาเพิ่งแสดงพลังออกมา ที่อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ที่ระดับ E”
ซิดดี้ยิ้มออกมา เขาละสายตาจากกล้องแล้วไปหยิบเอาผลทดสอบขึ้นมาดู “ค่าสถานะทั่วไปต่ำจริง ๆ แต่การรับรู้ด้านการต่อสู้น่ะถือว่าดี”
“ไปหามาว่าใครอยู่เบื้องหลังไอ้หนูนี่ เดาว่าต้องเป็นปลาตัวใหญ่แน่ เราต้องหาให้เจอ”
“ได้” เลขาสาวรับรายงานกลับมาก่อนที่จะเดินออกไป
ซิดดี้มองไปที่ก้นเลขาสาวก่อนจะมองดูการต่อสู้ต่อ
“มนุษย์มังกรมีความแข็งแกร่งแค่นี้รึไง ? อ่อนแอจริง ๆ ! ” หวังเย่าเดินออกมาทีละก้าว ๆ ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากฮาลิเฟคแค่เพียง 10 เมตรเท่านั้น
“แกทำสัญญากับสัตว์อสูรมาสินะ ? ไม่งั้นแล้วแกคงไม่ก้าวหน้าเร็วแบบนี้ ! ” ฮาลิเฟคมองไปที่หวังเย่าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“งั้น…เพราะเรื่องนี้เลยทำให้แกอ่อนแอสินะ ? ” หวังเย่ายิ้มและถามกลับ
ฮาลิเฟคยิ้มออกมา “การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้น แกอย่าได้ใจมากนัก ฉันจะบอกความจริงว่าแกน่ะเอาชนะฉันไม่ได้หรอก ถ้าแกไม่เรียกสัตว์อสูรเทพของแกออกมา ! ”
หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษที ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าฉันไม่ได้ทำสัญญากับสัตว์อสูร การฆ่าแกน่ะ…ไม่ต่างจากการฆ่าไก่ดี ๆ นี่เอง ! ”
“งั้นหรือ ? งั้นก็ลองดู” ฮาลิเฟคได้ใช้กรงเล็บฟันผ่านอากาศเข้าใส่หวังเย่าทันที
ลมอันรุนแรงพัดเข้าใส่หวังเย่า แต่หวังเย่ากลับยังยืนเอามือไขว้ที่หลังอย่างสบายใจ เขาหลบกรงเล็บได้อย่างง่ายดาย
“ฉันได้ยินมาว่าแกเป็นนักมวยของตลาดมืด แต่นี่ไม่ใช่การต่อยมวยนี่ ! ”
หวังเย่าหลบการโจมตีของฮาลิเฟคได้อย่างง่ายดาย ฮาลิเฟคได้ยินแบบนั้นก็โกรธขึ้นไปอีกและทำการโจมตีเร็วขึ้นกว่าเดิม
ต่อหน้าการโจมตีที่รุนแรงแบบนี้ หวังเย่าก็ไม่ได้หลบแต่เขากลับยื่นมือออกมาจับมือของฮาลิเฟคเอาไว้
ฉากนี้ทำให้คนโดยรอบต้องตะลึง พวกเขาถึงกับอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น
“ความแข็งแกร่งของไอ้หนูนี่อย่างน้อยต้องอยู่ระดับ E ไม่งั้นคงทำแบบนี้ไม่ได้ !”
“ฉันสงสัยว่าต้องมีอะไรผิดพลาดกับระบบประเมินแน่ เลยจัดให้ไอ้หนูนี่อยู่ระดับ K ฉันมั่นใจว่าต้องมีอะไรผิดพลาด”
“แต่เท่าที่ฉันเห็นมาโอกาสผิดพลาดน่ะต่ำอย่างมาก”
“หมายความว่า…ผู้คุมจงใจหลอกเรารึไง ? ”
“จะเป็นอะไรได้อีก ? ”
ทุกสายตาพากันมองไปที่หอคอย ตอนนั้นก็มีเงาดำยืนอยู่บนหอคอย
ซิดดี้พบว่าตอนนี้ทุกสายตากำลังมองมาที่เขา เขาก็หัวเราะออกมา “น่าสนใจ พวกแกคิดว่าเด็กนี่คือคนของฉันงั้นหรือ ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้เด็กนี่กลายเป็นดาวเด่น ฉันจะให้มันลงมือกับพวกแก…ฮ่าฮ่า ”
ซิดดี้พอใจกับความคิดนี้อย่างมาก เขาเบื่อทุกอย่างมานานแล้ว เมื่อมีเรื่องน่าตื่นแต้นแบบนี้เกิดขึ้นมา เขาก็คิดถึงหนังบทใหม่ของเขา
“แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ไอ้หนูนี่ก็อาจจะชนะไม่ได้ ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่ร่างที่แกร่งที่สุดของฮาลิเฟค”
คนอื่น ๆ ที่นั่นต่างก็พากันพยักหน้าและพึมพำออกมา “ฮาลิเฟคยังไม่ได้เอาจริง ! ”
ภายใต้สายฝน ทั้งสองได้สู้กันอย่างกับคนบ้า
“ไอ้หนูนี่เก่งมวยด้วยนี่”
ทักษะของฮาลิเฟคนั้นถูกเล่นย้อนในหัวของหวังเย่า ผ่านการวิเคราะห์ซ้ำของนาฬิกาแล้วก็ทำให้มันปรากฏขึ้นในหัว หวังเย่า
ผ่านไปสักพัก ฮาลิเฟคก็ต้องลิ้มรสทักษะของตัวเอง หวังเย่าเริ่มต่อยเข้าใส่อีกฝ่ายด้วยทักษะมวยที่เหมือนกัน
ทักษะที่เหมือนกัน แต่เมื่อหวังเย่าใช้ออกมาก็ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไม่น้อย !
ทักษะในส่วนที่ผิดพลาดกลับถูกแก้ไข เขาไม่ใช่แค่เชี่ยวชาญทักษะนี้แต่กลับผลักดันมันให้ไปอีกระดับ
“แกเรียนรู้หมัดมังกรของฉันได้ยังไง ! อ๊า..” ฮาลิเฟคเริ่มคลั่งขึ้นมา
ครืน !
หวังเย่าไม่ได้เป็นฝ่ายกระเด็นออกมา แต่กลับเป็นฮาลิเฟคที่กระเด็นออกมาแทน ร่างของเขากระเด็นไปฝังกับหิน
“ทักษะหมัดมังกร ! ”
หวังเย่าได้ทำการต่อยเข้าใส่ที่ฮาลิเฟคอย่างต่อเนื่อง พร้อมเลือดที่สาดกระเด็นออกมา
“แกร๊ก “…
กล้ามเนื้อทั้งตัวของฮาลิเฟคเริ่มสั่นไหว หินด้านหลังเริ่มแตกออกพร้อมกับร่างที่จมลึกเข้าไปเรื่อย ๆ
สีหน้าของฮาลิเฟคเริ่มที่จะเปลี่ยนไป
“นี่มันความแข็งแกร่งระดับ C ! ”
“นี่…ฉันพยายามประเมินเขาให้สูงแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าก็ยังต่ำเกินไป ฉันดีใจจริง ๆ ที่ไม่ได้เข้าไปหาเรื่องเขา” นักโทษพากันบ่นออกมา…“แค่ก แค่ก…” ฮาลิเฟคอยู่ในสภาพน่าอนาถเหมือนจะสู้ต่อไปไม่ได้
เขากลืนน้ำลายก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วตะโกนออกมา
เสียงตะโกนนี้ทำให้หวังเย่าถึงกับหูอื้อไป
คลื่นเสียงที่ทรงพลังได้พุ่งเข้าหาหวังเย่า กล้ามเนื้อของฮาลิเฟคเริ่มบวมเป่งขึ้นมาราวกับลูกโป่งพร้อมเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมา
เกล็ดสีดำกลายเป็นสีแดง คลื่นความร้อนแผ่ออกมาจากรูขุมขน ฝนที่ตกลงมาเมื่อสัมผัสกับตัวก็ระเหยไปทันที !
กรร….
ฮาลิเฟคคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น หัวของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นมังกรพร้อมกับปีกที่โผล่มาที่ไหล่ของเขา
กำแพงหินเริ่มแตกออก ทั้งภูเขาพังตัวลงพร้อมกับร่างขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาจากภูเขาที่ถล่มนั้น
“ดูนั่น เขาเปลี่ยนร่างแล้ว ! ”
“หลังจากที่เปลี่ยนร่างแล้ว เขาจะมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็ขึ้นมาที่ระดับ B ตอนนี้มันยากแล้วที่จะเดาออกว่าใครจะชนะ ! ”
พวกคนดูพากันโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้สติ มังกรนั้นก็ได้พ่นไฟออกมาเผานักโทษที่ต่ำกว่าระดับ H จนกลายเป็นเถ้า
“หนีไป ฮาลิเฟคมันคลั่งไปแล้ว มันโจมตีไม่เลือก ! ”
ผู้ชมที่คิดว่าฮาลิเฟคจะชนะไม่อยากช่วยคนอื่น ๆ พวกเขายอมให้พวกนั้นโดนเผาเป็นเถ้าดีกว่าจะได้รับส่วนแบ่งจากพวกเขาไป
“เราต้องลงมือรึเปล่า ? ” ผู้คุมคนหนึ่งถามซิดดี้
ซิดดี้มองไปที่ด้านล่างก่อนจะยิ้มออกมา “ช่างเถอะ ให้มันทำตามใจ”
“ได้” ผู้คุมรีบถอยกลับไปทันที“ผู้คุมไม่ออกมารึไง พวกเขาไปไหนกัน ? ”
นักโทษหลายคนพากันไปหลบที่ด้านหลังก้อนหิน ก่อนจะมีคนถามขึ้นมา
“ว่ากันว่าหวังเย่าเป็นคนของผู้คุม ครั้งนี้ต้องมีคนมาจัดการ ไม่งั้นแล้วเหมืองนี่ต้องพังลงเพราะสองคนนี้แน่”
ในพริบตาเหมืองก็เต็มไปด้วยเปลวไฟ แม้แต่เมฆบนท้องฟ้าก็ยังสะท้อนเปลวไฟไปด้วย
หากเทียบกับมังกรตรงหน้าแล้ว หวังเย่าไม่ต่างอะไรจากมดเลย
ฮาลิเฟคได้สะบัดปีกของมัน ก่อนจะพุ่งลงมาด้านล่าง
กรร…
ไฟถูกพ่นลงมาที่พื้น แต่โชคดีที่หวังเย่าหลบการโจมตีมาได้
“ขนาดฝนตกยังร้อนได้ขนาดนี้”
เมื่อเห็นเปลวไฟที่พื้น นักโทษก็พากันอุทานออกมา
แม้แต่นักโทษระดับสูงก็ยังต้องออกมาจากถ้ำและไปหาที่กำบังเพื่อดูการต่อสู้จากระยะไกล ๆ
“ไอ้หนู แกต้องฆ่าฮาลิเฟคให้ได้ ไอ้นั่นมันคลั่งไปแล้ว”
พวกคนที่เชียร์ฮาลิเฟคก่อนหน้านี้กลับอยากให้ฮาลิเฟคตาย
“มันจะดีกว่าถ้าตายไปทั้งสองคน” บางคนค้านขึ้นมา
“ตายไปซะสองคนก็ดี …”
ตอนนั้นพวกเขาก็พากันมองไปที่ฟอเนอร์แล้วพูดขึ้น “ฟอเนอร์ ไอ้เด็กนี่น่ะแข็งแกร่ง แกกลับเปิดพนันโดยไม่มีผลเสมอ”
“ใช่ แกโกงเรา จ่ายเราคืนมา ! ”
เมื่อทุกคนเห็นว่าหวังเย่ามีโอกาสที่จะชนะ จึงพากันทวงเงินคืนจากฟอเนอร์
แต่เมื่อฟอเนอร์ได้เงินมาแล้วก็เก็บมันใส่แหวนมิติทันที เขากลับยิ้มให้กับทุกคน “ฉันก็ไม่มีทางคืนเงินให้ ฉันพนันว่าไอ้หนูนั่นว่าจะชนะตั้งแต่แรกแล้ว มันไม่มีผลเสมอ ถ้าพวกแกคิดว่าการต่อสู้นี่จะจบด้วยผลเสมอ งั้นฉันจะให้โอกาสพวกแกอีกครั้ง ทุกคนที่แทงข้างฮาลิเฟคสามารถเปลี่ยนไปแทงผลเสมอได้ อัตรายังเท่าเดิม”
คำพูดของฟอเนอร์นั้นน่าสนใจอย่างมาก แต่ไม่มีใครยอมเปลี่ยนเพราะมันไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
“แกแค่อยากได้เงินแต่ไม่อยากเสียเงินไป แกนี่มันเห็นแก่ได้จริง ๆ ”
ฟอเนอร์ไม่ได้สนใจคำพูดของคนอื่น ๆ เขาแค่คอยดูการต่อสู้ต่อไป
หวังเย่าหลบไฟแล้วทำการพลิกตัวก่อนจะมีธนูสีดำจะปรากฎขึ้นมาในมือของเขา
เขายิงออกไปทันทีแล้วพุ่งเข้าใส่ที่ท้องน้อยของฮาลิเฟคจนมีเลือดไหลออกมา
หวังเย่ากลิ้งตัวหลบอีกครั้ง ก่อนจะมีลูกธนูสามดอกถูกยิงออกไปพร้อมกัน
ฮาลิเฟคพยายามที่จะบินออกจากโล่พลังที่หวังเย่าสร้างขึ้นมา
หัวของฮาลิเฟคชนเข้ากับโล่พลังอย่างแรง เขาเคลื่อนที่ได้ช้าลงจนโดนลูกธนูทั้งสามปักเข้าที่หลัง
กรร…
ฮาลิเฟคคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมเกล็ดที่รวงออกจากตัว
ร่างของมังกรไฟกางปีกออกพร้อมกับลอยตัวขึ้นไปในอากาศ
กรร…
ไฟลุกไหม้รอบตัว ก่อนที่ฮาลิเฟคจะกางมือออกแล้วมีลูกไฟก่อตัวขึ้นมาที่มือทั้งสองข้าง
เขายิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะแล้วยิงลูกไฟสองลูกลงมาจากท้องฟ้า มันราวกับอุกกาบาตที่พุ่งชนโลก ตอนนั้นลูกไฟเล็งมาที่หวังเย่า เขาถึงกับพุ่งเข้าใส่หวังเย่าด้วย
พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง แม้แต่หอคอยก็สั่นไหวไปด้วย
“แกคงไม่ตายง่าย ๆ หรอก อย่าให้บทหนังเรื่องใหม่ของฉันต้องจบแบบนั้น” ซิดดี้พูดขึ้นมา
ตอนที่ลูกไฟอัดเข้ากับพื้น ก็มีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้น
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีใครโผล่ออกมาจากเปลวไฟ
“เสมองั้นหรือ ? ”
“ไม่ แกก็เห็นนี่ ! ฮาลิเฟคชนะ ! ”
ฮาลิเฟคเดินออกมาจากกองไฟ เกล็ดนั้นแทบจะหลุดออกจากตัวเขาจนหมดแล้ว
ฟอเนอร์เห็นแบบนั้นก็ต้องคิ้วขมวดก่อนจะพูดขึ้น “เป็นไปได้ยังไง ? ”
เขาต้องเสียเงิน !
นักโทษที่รู้จักฟอเนอร์ดีได้ตบไหล่ฟอเนอร์แล้วพูดขึ้นมา “เร็วเข้า แกแพ้พนันแล้ว ฉันว่าแกคงไม่คิดจะเบี้ยวหรอกนะ”
ฟอเนอร์ถอนหายใจออกมา เขาได้แต่จับแหวนมิติของตัวเองเตรียมพร้อมที่จะจ่ายเงิน แต่อยู่ ๆ ฮาลิเฟคก็กัดฟันแน่นแล้วตะโกนออกมา “แกมีทักษะอะไรอีก แสดงมันออกมาให้หมด ! ”
อ๊าก….
มันมีเสียงร้องดังขึ้นมา
“ไอ้หนูนั่นยังไม่ตาย ! ”
“ไม่ตายได้ยังไง ! ”
ซิดดี้ที่ยืนอยู่บนหอคอยได้หรี่ตาลงและพึมพำอกมา “แฟนธอมงั้นหรือ ? หึหึ น่าสนุกดีนิ”
ตอนนี้มีไฟลุกไหม้ทั่วทุกที่แต่กลับไม่มีวี่แววของหวังเย่า
ในตอนที่ปะทะกันนั้น ฮาลิเฟคก็รู้ว่าตัวเองโดนหลอก แต่เขาแค่ไม่รู้ว่าหวังเย่าน่ะหายไปตอนไหน
“เกล็ดมังกรที่แกภูมิใจหายไปหมดแล้ว แกว่าแกจะทำอะไรได้อีก ? ”
ฮาลิเฟคกลัวขึ้นมาและดึงมีดออกมาจากแหวนมิติ เขารีบวิ่งไปที่หินแล้วหันหลังให้หินก่อนจะมองไปรอบ ๆ
“แกอยู่ที่ไหน ออกมา ! ”
“ก็ได้ ! ”
ไม่นานหินนั้นก็เปลี่ยนเป็นหวังเย่า มือข้างหนึ่งจับที่คอของฮาลิเฟค มืออีกข้างใช้มีดแทงเข้าที่คอของฮาลิเฟค
ฉัวะ !
เลือดกระจายออกมาพร้อมกับมีดที่หลุดจากมือของฮาลิเฟคทันที เขากุมไปที่แผลบนคอก่อนจะร่วงลงไปกองกับพื้น
ทุกคนต่างก็เงียบ พวกเขามองไปที่ฮาลิเฟคด้วยความตกตะลึง
“หัวหน้า เราจะแก้แค้นให้ฮาลิเฟครึเปล่า ? ”
ในหน้าผาแห่งหนึ่งมีนักโทษคนหนึ่งได้ถามขึ้นมา
“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าหวังเย่าเป็นคนของผู้คุมรึเปล่า อย่าเพิ่งรีบร้อน”
เจฟยังสูบบุหรี่และมองไปที่ฮาลิเฟคที่กำลังจะตาย เขาเหมือนกับครุ่นคิดบางอย่าง