ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 436 : หาตัวหลี่ว่านเฟิง
“ นี่….” เมื่อได้ยินคําพูดของหวังเย่า เสี่ยหยู่ก็สีหน้าหม่นลงและนึก ถึงเรื่องผิดๆที่ตัวเองเคยทํามาเมื่อครั้งในอดีต เสี่ยหยู่ถอนหายใจ ออกมาและมองไปที่หวังเย่าก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “สิบปีก่อน พ่อแม่ นายโดนฉันจัดการ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังเย่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา “ฉันเองก็ถือว่าเป็นศัตรูของนาย” เสี่ยหยู่พูดขึ้น “ฉันก็คิดจะฆ่าแกเหมือนกัน” หวังเย่าตอบกลับ “งั้นก็ฆ่าฉันเลยเพื่อสะสางความแค้นที่นายมี…” เสี่ยหยู่พูดขึ้น หวังเย่ามองไปที่เสี่ยหยู่ก่อนที่จะพยักหน้า เขาคิดที่จะฆ่าเสี่ยหยู่ด้วยวิธีอื่น แต่ยังไงซะผลลัพธ์ก็เหมือนกันอยู่ ดี ถึงแม้วิธีการจะต่างกันก็ตาม เพราะถึงยังไงเสี่ยหยู่ก็ต้องตาย นี่คือ เรื่องที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ เสี่ยหยู่หลับตาลง เขาเหมือนกับนึกย้อนถึงความผิดที่ตัวเองเคยทํา จากนั้นไม่นานสติของเขาก็ค่อยๆ หายไปพร้อมกับลมหายใจที่หยุดไป ด้วย
หวังเย่าดึงมือกลับมาและมองไปที่ร่างที่ไร้วิญญาณของเสี่ยหยู่ ก่อนจะส่ายหน้า
ประสบการณ์ของทุกคนนั้นแตกต่างกัน ทุกอย่างมันคงตัดสินจาก อดีตที่ผ่านมา…
ผ่านไปกว่า 30 นาทีอสูรทั้งสามตัวก็กลับมาหาหวังเย่า
ภายใต้การค้นหาของพวกนี้แล้ว พวกมันได้พบโจรที่ยังซ่อนตัวอยู่ และได้ส่งคนพวกนั้นไปสู่ความตายเรียบร้อยแล้ว
ที่ด้านหลังวิหารนั้นมีคลังสมบัติอยู่
หวังเย่า และเสี่ยวซวีได้มุ่งหน้าไปที่นั่นและทําลายประตูทิ้ง และสิ่ง ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาคือสมบัติรวมถึงเงินที่โจรกลุ่มนี้สะสมมา นับสิบปี
หวังเย่าเตรียมถุงมิติมาหลายใบเผื่อว่าจําเป็นจะต้องใช้อยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งนี้มันจึงไม่เป็นปัญหาสําหรับเขาแต่อย่างใด
หวังเย่าไม่คิดจะลังเลและได้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างลงไปในถุงมิติทันที
นี่ไม่ต้องพูดถึงของอื่นๆ เลย แค่เงินก็ถือว่าเป็นเงินก้อนโตแล้ว
ยังไงซะนี่ก็คือกลุ่มโจรระดับ SSS ที่คงอยู่มาหลายปี มันไม่มีทาง เลยที่หวังเย่าจะปล่อยโอกาสนี้เสียไปให้เปล่าประโยชน์
เขาวางแผนว่าจะชดใช้เงินส่วนนี้ให้กับพวกคนที่ถูกจับมา
หวังเย่าได้ออกมาจากที่นั่นและกลับไปยังค่ายกลที่ตัวเองสร้าง ขึ้นมา เขาได้ทําการปรับเปลี่ยนค่ายกลเพื่อให้มันกลายเป็นค่ายกลที่ใช้ งานได้ครั้งเดียว
แสงสีแดงส่องประกายออกมาพร้อมกับร่างของหวังเย่าและเสี่ยวซ วีที่หายตัวไป แร่ไฟที่พื้นก็ได้ระเบิดออกทันที
ตูม !
โลกใต้ดินสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่พื้นดินด้านบนจะถล่มลงมาถม ทุกอย่างที่นี่เอาไว้มิด
โจรระดับ SSS ที่อยู่มามากกว่า 10 ปีในที่สุดก็พบกับจุดจบ
ในภูเขาสักที่มีค่ายกลที่ถูกสร้างไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว มันได้ส่อง แสงขึ้นมาก่อนที่หวังเย่าและเสี่ยวซวีจะปรากฏตัวขึ้นที่นั่น
ตําแหน่งค่ายกลนี้ต่างจากที่ที่หวังเย่าส่งคนที่โดนจับไป เพราะถึง ยังไงเขาก็ยังกลับไปที่เมืองหัวเซี่ยไม่ได้ เขาต้องตามหาตัวหลี่ว่านเฟิง อยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะพบ
หากหาตัวหลี่ว่านเฟิงไม่พบ หวังเย่าก็คงไม่อาจจะใจเย็นได้
แม้ว่ากลุ่มนรกทมิฬจะโดนเขาทําลายไปแล้ว แต่ยังไงก็ยังมีพวก โจรอีกหลายคนที่อาจจะเหลือรอดอยู่
มันยากที่จะมั่นใจได้ว่าพวกนั้นไม่ได้ตามหาหลี่ว่านเฟิง ดังนั้น ตอนนี้หวังเย่าจึงไม่อาจจะทําใจให้สบายได้
….
เสี่ยวซวีได้กลับร่างอสูรของตัวเองและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอแผ่ พลังระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาและทําให้สัตว์อสูรที่นั่นไม่กล้าที่จะโจมตี
เมื่อผ่านไป 30 นาที หวังเย่าก็มาถึงที่ที่เขารับรู้ได้ถึงพลังมิติ
เมื่อกวาดตามองดูทั่วๆ แล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังมิติที่อยู่ในป่า ด้านล่าง
หวังเย่าและเสี่ยวซวีได้เข้าไปในป่านั้น ก่อนที่เสี่ยวซวีจะแปลงร่าง กลับเป็นมนุษย์ แต่พลังระดับศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็ยังแผ่
ออกมาจากตัวอยู่ดีเพื่อข่มขู่สัตว์อสูรโดยรอบให้หลีกทาง แต่ถึง อย่างนั้นก็ยังมีสัตว์อสูรที่ยังเข้าโจมตีพวกเขาอยู่
อสูรเหล่านี้มีดวงตาแดงก�า ดูเหมือนว่าพวกนี้จะโดนปีศาจครอบงํา ไปแล้ว
ใช่ นี่แหละคือพวกสัตว์อสูรที่โจมตีพวกเขา
ไม่รู้ว่าพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ ถึงคิดจะทําลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
สัตว์อสูรเหล่านี้พุ่งเข้ามาก่อนที่จะโดนหวังเย่ากําจัดไปอย่างไร้ ปราณี
“ที่นี่..” อยู่ๆ หวังเย่าก็เหมือนจะรับรู้ถึงบางอย่างได้ ร่างของเขาจะ หายไปทันทีก่อนจะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชายคนหนึ่ง
“นายเป็นใคร ? ”
เมื่อเห็นทหารตรงหน้าที่ใส่ชุดดูคุ้นตา หวังเย่าก็ถามขึ้นมาทันที
“นาย…คือหวังเย่าสินะ ? ” แต่ตอนที่ทหารคนนั้นเห็นหวังเย่าเขาก็ ได้ตะโกนถามขึ้นมา
“ใช่ แล้วนายเป็นใคร ? ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาและดูจากชุดที่ อีกฝ่ายใส่แล้ว หวังเย่าก็เริ่มแสดงสีหน้าคาดหวังออกมา
“ฉันเป็นทหารของหัวหน้าหลี่ ฉันชื่อหมานซี” หมานซีพูดขึ้นมา ด้วยความแปลกใจ
“แล้วลุงหลี่อยู่ไหน ? เขาเป็นอะไรรึเปล่า ? ” เมื่อได้ยินที่อีกฝ่าย พูดขึ้นมา หวังเย่าจึงรีบถามขึ้น
หมานซีรีบตอบกลับ “หัวหน้าหลี่ไม่เป็นอะไร ตอนนี้เขายังซ่อนตัว อยู่ในมิติลับ ฉันออกมาเพื่อสังเกตการณ์รอบๆ ”
“แล้วมิติลับนั้นอยู่ไหน นายพาฉันไปที” หวังเย่าพูดขึ้น
“มากับฉัน” แม้ว่าหมานซีอยากจะถามบางอย่างกับหวังเย่า แต่ เมื่อเห็นว่าหวังเย่าเป็นห่วงหลี่ว่านเฟิง เขาจึงไม่คิดจะถามอะไรออกมา ในตอนนี้ เขาได้แต่ต้องรีบพาหวังเย่าไปยังมิติลับที่หลี่ว่านเฟิงซ่อนตัว อยู่
หมานซีได้นําทางหวังเย่าไปที่ทางเข้ามิติลับทันที
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองก็เขามาในเขตลับที่มีบ่อน�าซ่อนเอาไว้ อยู่
“นี่คือทางเข้าของมิติลับเล็กๆ ” หมานซีชี้ไปที่บ่อน�า
เมื่อเห็นบ่อน�าตรงหน้า หวังเย่าก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก ทางเข้ามิติลับนี้ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า งั้นก็แปลว่าทางเข้ามิติลับนั้นมี หลายรูปแบบ
แต่ทางเข้าแบบนี้น่ะหาได้ยาก การที่หลี่ว่านเฟิงเจอมิติลับในภูเขา ที่กว้างใหญ่แบบนี้ได้นั้นก็ต้องบอกว่าเขาโชคดีจริงๆ
มิติเกิดการสั่นไหวก่อนที่เสี่ยวซวีจะปรากฏตัวขึ้นมา เธอเพิ่งจะ กําจัดสัตว์อสูรที่คลั่งทิ้ง หลังจากที่เก็บกวาดหมดแล้ว เธอก็ตามร่องรอย ของหวังเย่ามาที่นี่
“นี่มัน…อะไรกัน ? ! ” เมื่อเสี่ยวซวีปรากฏตัวขึ้นมา หมานซีก็แสดง สีหน้าแปลกใจออกมา
ตอนที่ 437 : พบเจอ
เสี่ยวซวียังคงแผ่พลังระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาอยู่ มันจึงทําให้หมานซี ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ถึงกับต้องแสดงท่าที่ตะลึงออกมากับสิ่งที่เห็น
“เธอเป็นอสูรของฉันไม่ต้องตกใจไป” หวังเย่าบอกกับหมานซี
แต่เมื่อเสี่ยวซวีได้ปกปิดคลื่นพลังของตัวเองไป มันจึงทําให้หมานซี รวบรวมสติขึ้นมาได้บ้าง
จากนั้นทั้งสามคนก็กระโดดลงไปในบ่อน�า
บ่อน�านั้นมันไม่ได้ทําให้ตัวของพวกเขาเปียกเลย พวกเขากระโดด ผ่านชั้นมิติก่อนที่ทั้งสามคนจะเข้าไปในมิติลับ
จากนั้นภายใต้การนําทางของหมานซี ทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้นที่เนิน เขา
เมื่อเดินทางไปหลังเนินเขาก็พบกับโพรงแห่งหนึ่ง
เมื่อเข้ามาในโพรงนี้ก็พบกับแสงจากกองไฟ จากนั้นไม่นาน หวังเย่าก็พบกับผู้คนที่นั่งอยู่รอบๆ โดยมีหลี่ว่านเฟิงนั่งอยู่ข้างๆ กองไฟ นั้นด้วย
“ลุงหลี่” หวังเย่าพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าหลี่ว่านเฟิงหน้าซีดไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายนัก หวังเหยาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
หลี่ว่านเฟิงหันไปมองหวังเย่าด้วยสีหน้าแปลกใจ
เขาไม่คิดเลยว่าหวังเย่าจะมาที่นี่ได้ แล้วหวังเย่ามาที่นี่ได้ยังไง ที่ นี่น่ะอันตรายอย่างมาก
“ทําไมนายถึงมาที่นี่ได้ ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าแล้วถาม ขึ้นมา
เขารู้ว่าหวังเย่าคงเป็นห่วงเขาเมื่อได้ยินข่าวว่าเขามาที่นี่ แต่ด้วย ความแข็งแกร่งของหวังเย่าแล้ว การมายังภูเขาอนันต์แห่งนี้ก็ไม่ต่าง อะไรจากการเดินมาหาความตายเลย โชคดีที่ตอนนี้หวังเย่าไม่เป็นอะไร ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับพ่อแม่ของหวังเย่าที่ ตายไป
ไม่แปลกเลยที่หลี่ว่านเฟิงจะคิดแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าความแข็งแกร่ง ของหวังเย่าตอนนี้อยู่ถึงระดับไหน เขายังคิดว่าหวังเย่ายังเป็นคนเดิม อยู่
มันไม่แปลกที่จะคิดแบบนั้น
“ลุงหลี่ไม่เป็นอะไร ผมก็สบายใจแล้ว” หวังเย่ามองไปที่หลี่ว่าน เฟิงแล้วหัวเราะออกมา “ฉันต่างหากที่โล่งอกที่เห็นนายไม่เป็นอะไร” หลี่ว่านเฟิงถอน หายใจออกมาและเตือนหวังเย่า “ในอนาคตนายอย่ามาที่ที่อันตราย แบบนี้อีก ไม่งั้นแล้วฉันคงตายตาไม่หลับ” เมื่อพูดจบ หลี่ว่านเฟิงก็มองไปที่เสี่ยวซวีที่อยู่ข้างๆ หวังเย่าก่อน จะแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา “นี่มัน…” “เธอเป็นอสูรของผม เธอชื่อเสี่ยวซวี” หวังเย่าพูดขึ้น “สวัสดีลุงหลี่” เสี่ยวซวีทําความเคารพหลี่ว่านเฟิง “อสูรงั้นหรือ ? มันใช่…” หลี่ว่านเฟิงนึกถึงบางอย่างแต่มันก็ทําให้ สายตาเขาแสดงความตกตะลึงออกมา “ นี่คือร่างมนุษย์ของเสี่ยวซวี ” หวังเย่าอธิบายและยิ้มให้กับหลี่ ว่านเฟิง ตอนนี้หลี่ว่านเฟิงได้สติกลับมาแล้ว เขาไม่ได้ตกใจอะไรนัก “ร่างมนุษย์…” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าก่อนจะมองไปที่เสี่ยวซ วีอีกครั้งด้วยสายตาแปลกใจ
อสูรที่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้มีแค่สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ มัน ไม่ใช่สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ทุกตัวที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ มันยัง มีข้อจํากัดอยู่อีกหลายอย่าง
อสูรมิตินั้นหาได้ยากและพิเศษในหมู่สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์
ความแข็งแกร่งของอสูรมิติเหนือกว่าสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป อนาคตนั้นอาจจะพัฒนาได้ไม่สิ้นสุด
อสูรทุกตัวต่างก็มีร่างมนุษย์เป็นของตัวเอง
ตามที่หลี่ว่านเฟิงรู้มา แม้แต่อสูรของผู้ตรวจสอบ 5 ดาวของเมือง อรุณก็ไม่อาจจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ มันเพียงพอแสดงให้เห็นแล้ว ว่าการเปลี่ยนร่างนี้พิเศษแค่ไหน
เมื่อเห็นอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ในร่างมนุษย์ต่อหน้าต่อตาตัวเองและ ยังเป็นอสูรของหลานตัวเองนั้น มันก็ทําให้เขารู้สึกว่านี่ไม่ต่างอะไรจาก ความฝันเลย
ทุกคนรอบตัวต่างก็แสดงสีหน้าตะลึงออกมา หลี่ว่านเฟิงเองก็ เช่นกัน
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าด้วย ความแปลกใจ
หลี่ว่านเฟิงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของหวังเย่าให้พวกทหารฟังและ ทําให้ทุกคนต้องตะลึงไปอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันภาพพจน์ของหวังเย่าก็สูงส่งขึ้นไปอีก ในเวลาอัน สั้นแบบนี้เขากลับทําให้อสูรพัฒนาขึ้นมาถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงและ เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ ต้องบอกว่ามันคือปาฏิหาริย์ ตั้งแต่เกิดหายนะขึ้นมาก็ไม่เคยเกิด เรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกเลย มันก็พอเข้าใจได้แล้วว่าพวกเขาจะตกใจกันมากแค่ไหน ในหัวของพวกเขาตอนนี้ หวังเย่าเป็นผู้ดูแลขั้นสูง และสูงอย่าง มากจนสามารถเรียกว่าขั้นเทพเลยก็ว่าได้ ความสามารถในการฝึกฝน อสูรของเขานั้นถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในหัวเซี่ยเลยก็คงไม่มีใครเถียงได้ หลังจากนั้นสักพักทุกคนถึงได้เรียกสติตัวเองกลับมาได้ “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? นายได้เจอกับกลุ่มนรกทมิฬรึเปล่า ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าแล้วถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นี่…” หวังเย่าเงียบไปชั่วครู่ “รีบพูดมา เรื่องมันเป็นยังไง ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าและ รู้สึกอึดอัดใจ
“มัน..” หวังเย่าไม่คิดจะปิดบัง เขาได้เล่าทุกอย่างตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ รวมไปถึงการทําลายรังของกลุ่มนรกทมิฬและการฆ่า เสี่ยหยู่ด้วย
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหวังเย่า แม้แต่หลี่ว่านเฟิงก็พูดอะไรไม่ ออก
“นายล้อเล่นรึเปล่า ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าแล้วถามขึ้นมา
อย่าโทษที่เขาจะคิดแบบนั้น เพราะผลงานที่หวังเย่าทํานั้น มันเป็น เรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
อีกฝ่ายคือกลุ่มนรกทมิฬ หลี่ว่านเฟิงรู้ดีว่ากลุ่มนรกทมิฬนั้นน่า กลัวแค่ไหน ตอนนี้หวังเย่ากลับบอกว่าได้ทําลายรังของกลุ่มนรกทมิฬ ไปหมดแล้วแม้แต่หัวหน้าของพวกมันก็ถูกฆ่าตายไป
แล้วอย่างงี้หลี่ว่านเฟิงจะเชื่อง่ายๆ ได้ยังไง ?
แต่เมื่อเห็นว่าหวังเย่ายังยืนนิ่งโดยมีเสี่ยวซวียืนอยู่ข้างกาย หลี่ว่าน เฟิงก็รู้สึกว่ามันอาจจะเป็นไปได้จริงๆ
“มันคือความจริง หากตอนที่ลุงกลับไปที่เมืองก็น่าจะได้ยินข่าวนี้” หวังเย่าพูดขึ้น
ความจริงที่เขาบอกไปมันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” หลี่ว่านเฟิงพูดขึ้น
ไม่ว่าหวังเย่าจะพูดอะไรออกมา แม้ว่าหวังเย่าจะไม่มาที่นี่ในวันนี้ แต่หลี่ว่านเฟิงก็วางแผนที่จะพาคนของเขาเดินทางออกไปจากมิติลับ แห่งนี้อยู่แล้ว
การมาถึงของหวังเย่าก็แค่ทําให้การตัดสินใจของเขาเร็วขึ้น กว่าเดิมเท่านั้น
หลี่ว่านเฟิงได้เรียกสติทหารทุกคนและบอกให้ทุกคนเก็บข้าวของ ของตัวเอง
10 นาทีต่อมาทุกคนก็ได้ไปรวมตัวกันที่ทางออก
บ่อน�าสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะมีกลุ่มคนเดินทางออกมากันทีละ คนๆ
แต่เมื่อเดินทางออกมาจากทางออกนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
“โอ้ อยู่ที่นี่นี่เอง ตามหามาตั้งนาน สุดท้ายก็เจอสักที…