ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 78 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (1)
ตอนที่ 78 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (1)
โรงยิมกลางเมือง
ห้องออกกำลังกาย
‘พลั่ก!’
คล้อยหลังเสียงที่ดังขึ้น ฟางผิงก็ลงไปจูบพื้นอีกครั้ง
หวังจินหยางนั้นโยนฟางผิงด้วยมือเดียว “ไม่ได้กินข้าวมา? ผู้หญิงยังมีแรงกว่านายซะอีก!”
“เรียนเคล็ดวิชาต่อสู้กลับมาอ่อนปวกเปียกแบบนี้?”
“ไม่ว่าจะเคล็ดวิชาหมัดหรือขาต่างสร้างมาเพื่อสังหารคู่ต่อสู้! ต้องใช้ความเร็ว แม่นยำและรุนแรงเป็นพื้นฐาน!”
“ขาของนายแทบไม่มีแรง เคลื่อนไหวเชื่องช้า ขายังไม่ทันยื่นออกมา คนคงจะตายไปก่อนแล้ว!”
“…”
ฟางผิงนวดก้นตัวเอง พยุงกายขึ้นอย่างทุลักทุเล “พี่หวัง ออมมือหน่อยได้รึเปล่า?”
หวังจินหยางที่ปกติวางท่าเป็นมิตร ตอนนี้กลับประกายสายตาเยียบเย็น ตำหนิว่า “ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้หรือประลองในสถานการณ์จริง เคล็ดวิชาต่อสู้ก็มีไว้เพื่อต่อสู้อยู่ดี! หากไม่มีเจตนารมณ์ของต่อสู้ ไม่มีความเด็ดขาด ยังจะเรียนเคล็ดวิชาต่อสู้ไปเพื่ออะไร!”
ฟางผิงฟังจบ ไม่คิดพูดอะไรอีก สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะบุกโจมตี รอจนมาถึงหน้าหวังจินหยางแล้ว ค่อยดีดเท้าซ้าย เหวี่ยงขาขวาออกไปอย่างรวดเร็ว
“พลั่ก!”
หวังจินหยางใช้แขนข้างหนึ่งป้องขาเขาเอาไว้ ก่อนมืออีกข้างจะคว้าคอของฟางผิงแน่น
“ถึงนายจะเรียนเคล็ดวิชาต่อสู้ด้วยขา แต่มือสองข้างจะเอามาใช้ป้องกันไม่ได้เลยหรือไง? เผยจุดอ่อนไว้แบบนี้ ถ้าคนป้องกันหรือหลบการโจมตีของนายได้ คงสามารถฆ่านายตายทุกเมื่อ! ร่างกายท่อนบนมีจุดตายอยู่ แต่นายป้องกันอะไรไม่ได้เลย เรียนเคล็ดวิชาขา ไม่ใช่ว่าจะนายกลายเป็นคนพิการมือเสียหน่อย สองมือเอามาใช้ด้วย!”
ตอนที่หวังจินหยางพูด กลับไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย บีบคอฟางผิงจนใบหน้าแดงก่ำ
รอจนฟางผิงดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาจึงค่อยคลายมือ เหวี่ยงคนออกไปไกลหลายเมตร
—
ฟางผิงประคองตัวเองอย่างทุลักทุเล นวดคลึงลำคอ พลางหอบหายใจว่า “นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มีโอกาสต่อสู้ในสถานการณ์จริงมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ถ้าชอบความธรรมดาเรียบง่าย ชั่วชีวิตนี้คงทำได้แค่หดหัวอยู่ข้างหลัง!”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “หากนายไม่อยากอยู่อย่างธรรมดา โอกาสแบบนั้นมีให้นายเยอะจะตายไป เยอะจนถึงขั้นทำให้นายกลัว! ไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยไหนล้วนเหมือนกัน คนธรรมดาไร้ชื่อ อยู่บนโลกนี้ได้อย่างปลอดภัยอยู่แล้ว เรียนจบ ถ้าอยู่ในขั้นหนึ่งหรือขั้นสองทำงานสบายๆ ในบริษัทก็ร่ำรวยได้ทั้งชีวิต นี่เป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคนเหมือนกัน”
“ไม่อยากอยู่อย่างธรรมดา อยากโดดเด่นมีหน้ามีตา เดินบนเส้นทางนี้ให้ไกลหน่อย แข็งแกร่งมากกว่าเดิม งั้นนายก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม! มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มีคนตายทุกปี คนพวกนั้นไม่ใช่คนที่อยากมีชีวิตธรรมดา แต่เป็นพวกนักศึกษาชั้นยอด! ผู้ฝึกยุทธ์ต้องต่อสู้แย่งชิง คนพวกนี้ล้วนตายในระหว่างทางแย่งชิง!”
ฟางผิงยิ้มเจื่อน “แม้จะต้องต่อสู้แย่งชิง แต่ตอนนี้ผมยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยซะหน่อย เพิ่งจะฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ไม่นาน แถมไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้ พี่หวังลงมือหนักไปหรือเปล่า? ประสบการณ์มันไม่ใช่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้น…”
หวังจินหยางไอแห้งๆ ลอบเอ่ยในใจว่า ‘ฉันทำอย่างนี้เพราะหวังดีกับนาย นายจะได้ไม่ลำพองใจ’
อันที่จริงฟางผิงนั้นพูดไม่ผิดเสียทีเดียว ประสบการณ์ไม่ได้หล่นมาจากท้องฟ้าอยู่แล้ว
เขาเพิ่งฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ได้ไม่นาน ปกติยังแทบไม่มีโอกาสใช้
ตอนนี้จะมีจุดอ่อน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอแค่มีประสบการณ์ผ่านภารกิจสักสองสามครั้ง คงจะคุ้นเคยขึ้นมาแล้ว
ในความเป็นจริง พื้นฐานการต่อสู้ด้วยขาของฟางผิงนับว่าใช้ได้ทีเดียว เนื่องจากปราณของเขาสูง พลังต่อสู้เลยมากตาม แต่ยังคงเป็นประโยคที่ว่ามาก่อนหน้านี้ ฟางผิงจะได้ไม่ลำพองใจ
คำพูดนี้ หวังจินหยางไม่เอ่ยออกมาอยู่แล้ว เขาพูดอย่างมีเหตุผลว่า “ตอนที่นายต่อสู้ ศัตรูไม่ปล่อยโอกาสให้นายคุ้นเคยกับกระบวนท่าอยู่แล้ว! หรือนายยังหวังให้คนเลวพวกนั้นสอนวิชาให้นาย? ในวันปกติควรจะฝึกหนักหน่อย ดีกว่าต้องเอาชีวิตไปทิ้งตอนปฏิบัติภารกิจ!”
คำพูดนี้ฟางผิงไม่อาจหาอะไรมาแย้งได้ มาคิดดูดีๆ เหมือนว่ามีหลักการอยู่เหมือนกัน
เห็นฟางผิงยอมรับชะตากรรมตัวเองแล้ว หวังจินหยางค่อยเผยรอยยิ้มอย่างเช่นเคย “แน่นอนว่า นายไม่ได้ด้อยเลยทีเดียว เพิ่งฝึกได้ไม่นาน แต่กลับคลำทางฝึกเองจนมาถึงขั้นนี้ ถึงอย่างนั้นกระบวนท่าขาของนายยังมีจุดผิดพลาดอยู่…”
หวังจินหยางชี้แนะเขาหลายประโยค โดยเฉพาะปัญหาเรื่องมือ
เคล็ดวิชาขานั้นไม่ได้หมายถึงขาแค่อย่างเดียวอยู่แล้ว ฝึกการต่อสู้ด้วยขาเพื่อให้ขาทั้งสองขาเปี่ยมด้วยพลังสังหาร ไม่ได้หมายความว่าจะนำสองมือมาใช้ไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าฟางผิงเรียนมาแบบผิดๆ เลยไม่เอามือทั้งสองข้างมาใช้ประโยชน์เลย
พอเหล่าหวังชี้แนะเขา ฟางผิงก็จับจุดได้ทันที รีบเอ่ยขอบคุณเขา
นีนีที่นั่งมองทั้งสองคนปะมือกันอยู่ด้านข้าง มองฟางผิงด้วยแววตาเห็นใจอีกครั้ง
รู้อยู่แล้วว่าเขาน่าสงสาร แต่ไม่คิดว่ายังจะโง่ด้วย!
ถูกรุ่นพี่อัดไปชุดใหญ่ ยังจะขอบคุณอีก โง่จนกู่ไม่กลับแล้ว!
—
ฟางผิงไม่รู้เรื่องที่ตัวเองถูกดูแคลนอยู่แล้ว
การทดสอบสิ้นสุดลง พวกเขาค่อยพากันไปนั่งพักอยู่อีกด้าน
“นายยังพอมีความสามารถต่อสู้”
เมื่อนั่งลงแล้ว หวังจินหยางจึงเอ่ยยอมรับฟางผิง “จากพรสวรรค์ของนาย ต่อให้นายจะสมัครสอบมหาวิทยาลัยไหน คงจะโดดเด่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ลำดับขั้นเป็นตัวแสดงให้เห็นว่านายผ่านอะไรมาบ้าง ถึงเวลานั้นนายจะต้องเผชิญกับอันตรายอีกเยอะ ช่วงนี้ก็พยายามฝึกฝนการต่อสู้ ฉันเดาว่านายกำลังลังเล ไม่รู้จะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงหรือสองมหาวิทยาลัยชื่อดังดี ใช่หรือเปล่า?”
ฟางผิงพยักหน้า
“สิ่งที่ทำให้นายลังเลคือรางวัลของหนานเจียงในปีนี้ ถ้าไม่มีรางวัลพวกนี้ คนอย่างนายคงไม่สองจิตสองใจหรอก หรือควรจะพูดอีกอย่างว่าคนส่วนมากคงไม่ลังเล เลือกมหาวิทยาลัยชื่อดังไปแล้ว ส่วนมหาวิทยาลัยดังก็ความหมายตามชื่อ ต้องมีความพิเศษกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปอยู่แล้ว”
ฟางผิงถามทันที “พี่หวัง ตกลงมันแตกต่างกันตรงไหน? แตกต่างเยอะหรือเปล่า?”
“อย่างแรกคือทรัพยากร”
หวังจินหยางพูดอย่างตรงไปตรงมา “สองมหาวิทยาลัยชื่อดัง เป็นมหาวิทยาลัยที่มีรัฐบาลสนับสนุนเป็นหลัก จำนวนทรัพยากรและเม็ดเงินที่ลงทุนไปทุกปีนับว่ามหาศาล นอกจากนี้ผู้ฝึกยุทธ์ที่จบออกมายังเป็นข้าราชการชั้นสูงจำนวนมาก บางคนทำธุรกิจ บางคนเป็นนักการเมือง บางคนทำงานในกองทัพ…ศิษย์เก่าพวกนี้ ประสบความสำเร็จแล้วก็จะให้ความช่วยเหลือมหาวิทยาลัยเดิมของตัวเอง ทุกปีล้วนมีเม็ดเงินจากในมือพวกเขาถูกส่งผ่านไปยังมหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าเทียบกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงแล้ว สองมหาวิทยาลัยดังจะมีทรัพยากรเยอะมาก ฉันจะยกตัวอย่างให้ฟัง หากนายอยู่ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง ตอนที่นายจะทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สามารถยื่นเรื่องขอยาบำรุงเลือดและปราณฟรีหนึ่งเม็ด และขอซื้อยาเสริมสร้างกระดูกขั้นหนึ่งครึ่งราคาจำนวนหนึ่งเม็ดได้! ยาเสริมสร้างกระดูกขั้นหนึ่ง ขายในราคาตลาดห้าแสน ครึ่งหนึ่งเหลือสองแสนห้า แน่นอนว่านายสามารถใช้วิธีอื่นลดราคาได้เหมือนกัน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงใช้วิธีให้เกรดเฉลี่ย สอบได้ดีมีรางวัลเป็นเกรด ฝึกวิชาได้เร็ว มีรางวัลเป็นเกรด ทำภารกิจก็ให้รางวัลเป็นเกรดเหมือนกัน…สรุปแล้ว เกรดเฉลี่ยสามารถนำมาใช้แทนเงินได้ แต่บางทรัพยากร ต้องใช้เกรดมาแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ”
เรื่องนี้ฟางผิงเข้าใจอย่างมาก เป็นวิธีที่พบเห็นได้ทั่วไป
แต่สิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่เรื่องนี้ รีบถามว่า “แล้วสองมหาวิทยาลัยชื่อดังล่ะ?”
“พวกเขา…”
หวังจินหยางยิ้มบาง “ตอนที่ทะลวงขั้นหนึ่ง ยาบำรุงเลือดและปราณกับยาเสริมสร้างกระดูกล้วนเป็นของขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว รู้หรือเปล่าว่าหมายถึงอะไร?”
“ฟรีทั้งหมด?”
“ถูกต้อง”
ฟางผิงได้ฟังก็เดาะลิ้น “ใจป้ำจริงๆ!”
ราคายาบำรุงเลือดและปราณในตลาดสูงถึงสามแสน ยาเสริมสร้างกระดูกขั้นหนึ่งอีกห้าแสน รวมทั้งหมดเป็นแปดแสน
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เฉพาะทางพวกนี้ ทุกปีจะมีนักเรียนใหม่กว่าหนึ่งพันคน ถ้าฟรีทั้งหมด เท่ากับว่าเสียเงินไปรวดเดียวกว่าแปดร้อยล้านน่ะสิ!
แน่นอนว่านี่เป็นราคาตลาด ราคาต้นทุนคงไม่สูงขนาดนี้
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเก็บแค่สองแสนห้า แม้จะขาดทุน ก็ไม่ได้ขาดทุนมากมาย พวกนักศึกษายังต้องใช้ทุนตัวเองอีกครึ่งหนึ่ง
แต่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้กลับฟรีทั้งหมด แค่นี้ก็เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนแล้ว
———————-