ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 405 ฝึกวิชากึ่งร่างทอง (1)
ตอนที่ 405 ฝึกวิชากึ่งร่างทอง (1)
……………………………………………………………………..
ห้องฝึกวิชาฟ้าดินก็อยู่ทางห้องแหล่งพลังงาน
ในความเป็นจริงทั้งสองแห่งไม่ได้ต่างกันมาก แค่ปรับเปลี่ยนห้องฝึกวิชาก่อนหน้านี้ไม่กี่ห้องเป็นพิเศษเท่านั้น
พลังฟ้าดินนั้นเยี่ยมยอดกว่าพลังงานทั่วไป กำแพงรอบทิศทางต้องเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อย
ตอนที่ฟางผิงมา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกหลายคนกำลังรออยู่
รวมถึงคณบดีไม่กี่คนด้วย!
เห็นฟางผิงมา เฉินเจิ้นหวาคณบดีสาขาสังคมก็เอ่ยทันที “ฟางผิง ตกลงเธอจัดสรรพลังฟ้าดินได้หรือเปล่า ก่อนหน้านี้เธอพูดว่า…”
ฟางผิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “คณบดีเฉิน ลูกผู้ชายพูดว่าไม่ได้ด้วยเหรอครับ?”
เฉินเจิ้นหวาตกตะลึงเป็นอันดับแรก ก่อนต่อมาจะอยากซัดฝ่ามือใส่เขาให้ตายสักที!
ฉันกำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่!
ฟางผิงไม่พูดประเด็นนี้ต่อ พวกตาเฒ่ากลุ่มหนึ่งจะรู้อะไร
“คณบดีเฉิน ขั้นหกสูงสุดแบบคุณใช้พลังฟ้าดินเยอะหรือเปล่าครับ?”
เฉินเจิ้นหวาเอ่ยอย่างครุ่นคิด “อันที่จริงพวกเราสิ้นเปลืองพลังฟ้าดินหลักๆ ในการลองประกอบโครงสร้างพลังฟ้าดิน กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึงขั้นที่หลอมพลังจิตใจและปราณเป็นหนึ่ง ส่วนการสิ้นเปลือง อันที่จริงไม่เยอะจนเกินไป แต่ต่อให้ห้องฝึกวิชาจะปิดมิดชิดขนาดไหนก็สิ้นเปลืองพลังงานได้อยู่ดี พวกเราอยู่ในนี้ก็สิ้นเปลืองเหมือนกัน ถ้าจัดสรรพลังให้ฉันคนเดียว หนึ่งวันอย่างน้อยจะสิ้นเปลืองประมาณสิบหลุน”
ซ่งอิ๋งจี๋ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ถึงขั้นหกสูงสุดอย่างพวกเรา อันที่จริงสิ้นเปลืองเยอะกว่า”
“หืม?”
ฟางผิงคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ซ่งอิ๋งจี๋อธิบายว่า “อันที่จริงพวกเราต่างลองใช้พลังฟ้าดินปิดผนึกประตูซานเจียว แต่ประตูซานเจียวไม่ได้ปิดผนึก จึงสิ้นเปลืองพลังงานเร็วกว่า…”
ซ่งอิ๋งจี๋เอ่ยต่อ “แน่นอนว่าเพราะร่างกายของพวกเราแข็งแกร่งไม่เท่าขั้นหกสูงสุด สรุปแล้วอาจใช้ระยะเวลาสั้นกว่า แต่น่าจะสิ้นเปลืองประมาณสิบหลุนเหมือนกัน”
“หมายความว่าหนึ่งวันทุกคนต้องสิ้นเปลืองสิบหลุน มหาวิทยาลัยพวกเรามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกประมาณสามสิบคน หนึ่งวันก็สามร้อยหลุน…”
ฟางผิงยังพูดไม่ทันจบ เฉินเจิ้นหวาก็เอ่ยว่า “ไม่ใช่ พวกเราไม่สามารถอยู่ในนั้นตลอดได้เหมือนกัน อยู่นานไป อันที่จริงไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ทั้งร่างกายก็ย่อยสลายไม่ได้ ในสถานการณ์ทั่วไป ห้าวันต่อหนึ่งครั้งถือว่าเพียงพอแล้ว ถ้าหนึ่งเดือนมาห้าหกครั้งก็ได้แล้ว”
“งั้นหนึ่งคนก็จะสิ้นเปลืองประมาณห้าสิบหลุน…”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ผมจัดสรรให้ได้ประมาณห้าร้อยหลุนเท่านั้น หรือก็คือเพียงพอให้สิบคนฝึกวิชา…”
เฉินเจิ้นหวาไม่รอให้เขาพูดจบก็เอ่ยอย่างดีใจ “เพียงพอแล้ว! สามารถมาฝึกวิชาที่นี่เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันได้จริงๆ เหรอเนี่ย เดือนหนึ่งมาสองครั้ง งั้นพวกเราผลัดเปลี่ยนกันมาก็สามารถฝึกวิชาได้แล้ว…ฟางผิง เธอทำได้จริงๆ นะ?”
พลังฟ้าดินห้าร้อยหลุน ฟังดูเหมือนไม่เยอะ
แต่ถ้าระเบิดพลังฟ้าดินห้าร้อยหลุนออกมาจริงๆ แทบเทียบได้กับการระเบิดสุดกำลังในกระบวนท่าเดียวของยอดฝีมือขั้นแปดสูงสุด
คราวนั้นกระบี่เดียวของตาเฒ่าหลี่ฟันขั้นแปด อันที่จริงก็ระเบิดพลังฟ้าดินประมาณห้าร้อยหลุนเช่นกัน บางทีอาจจะสูงกว่านั้นหน่อย
เปลี่ยนเป็นการระเบิดของพลังปราณ งั้นก็เท่ากับประมาณสองแสนห้าหมื่นแคลถึงสามแสนแคล
ยอดฝีมือขั้นหก อันที่จริงระเบิดอานุภาพสูงขนาดนั้นไม่ได้เหมือนกัน
ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดทั่วไป ขีดจำกัดปราณอยู่ที่หนึ่งหมื่นแคลกันทั้งนั้น
ตาเฒ่าหลี่ระเบิดพลังเกินขีดจำกัดหลายสิบเท่า!
ถึงกระทั่งมากกว่าหลายสิบเท่า ขั้นหกก็ทำไม่ถึงขั้นระเบิดปราณจนหมดเกลี้ยงขนาดนั้น
กระบี่นั่นของตาเฒ่าหลี่บ่มเพาะมาหลายปี ในสถานการณ์ที่กระบี่อมตะถูกทำลาย หรือกึ่งร่างทองระเบิดเสียหายถึงจะปะทุพลังออกมา
การปะทุความแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาเองรับไม่ไหวเหมือนกัน จะเกิดระเบิดอย่างเต็มรูปแบบ
ถ้ากระบวนท่าใหญ่นี้ไม่พุ่งเป้าไปที่คน แต่เป็นเมือง งั้นพลังของกระบี่ในเวลานั้นของตาเฒ่าหลี่ก็เพียงพอให้หมู่บ้านเล็กๆ ขนาดหลายร้อยไร่สูญหายไปในพริบตา
เทียบกับพลังทำลายล้างของระเบิดนิวเคลียร์พวกนั้นย่อมเทียบไม่ได้อยู่แล้ว
แต่หากทำถึงขั้นระเบิดติดต่อกัน เวลาครู่เดียวก็สามารถพังเมืองแห่งหนึ่งราบเป็นหน้ากลองได้แล้ว
แน่นอนว่าตาเฒ่าหลี่ในตอนนี้ทำถึงขั้นนั้นไม่ได้ อู๋ขุยซานก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน ยอดฝีมือขั้นเก้ายังพอจะทำถึงขั้นนี้ได้
ดังนั้นขั้นเก้าจึงเป็นความน่าหวาดกลัวอย่างหนึ่ง
ยอดฝีมือประเภทนี้ทำสงครามกัน หากเกิดขึ้นในอากาศกลางเมือง ไม่พูดถึงแรงกดดันของพลังจิตใจ แค่ควันหลงจากการต่อสู้ก็เพียงพอทำลายล้างเมืองๆ หนึ่งแล้ว
ส่วนขั้นเก้าสุดยอดที่แข็งแกร่งกว่า ฟางผิงไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้
แต่ฟางผิงคาดเดาว่ายอดฝีมือขั้นสุดยอดพวกนี้บางทีอาจสามารถทำลายเมืองๆ หนึ่งได้อย่างง่ายดาย หากขั้นเก้าขั้นสุดยอดหลายคนระเบิดพลังในการต่อสู้ บางทีมณฑลใหญ่ๆ แห่งหนึ่งอาจจะกลายเป็นทะเลสาบได้เช่นกัน
ในตอนที่เฉินเจิ้นหวากำลังตกใจ ฟางผิงก็ตระหนักถึงเรื่องพวกนี้
นึกไปนึกมา จู่ๆ ฟางผิงก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ทะเลสาบ…
ทะเลหวงห้าม?
เป็นไปไม่ได้!
ทะเลหวงห้ามกว้างสุดลูกหูลูกตา!
หรือเป็นฝีมือของคนจริงๆ?
หากเป็นแบบนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
ขั้นเก้าสุดยอดสามารถทำถึงขั้นนั้นได้งั้นเหรอ?
บางทีอาจทำได้ ยังไงเขาก็ไม่รู้ว่าขั้นเก้าสุดยอดเก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้าจะทำได้ ทะเลหวงห้ามที่ใหญ่ขนาดนั้นมีอยู่ทุกแห่งในถ้ำใต้ดิน เกรงว่าคงไม่ใช่ขั้นเก้าขั้นสุดยอดคนสองคนที่ทำได้ หลายสิบคน? หรือว่าหลายร้อยคน?
ฟางผิงไม่กล้าคิดต่ออีก ถอนหายใจเล็กน้อย ไม่นานก็เอ่ยว่า “หลังจากนี้ใช้เวลาฟรีหมดแล้ว ทุกครั้งที่ฝึกวิชาต้องจ่ายห้าร้อยคะแนนต่อหนึ่งวัน!”
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ห้าร้อยคะแนน ไม่นับว่าน้อยจริงๆ หรือจะพูดว่าแพงมากก็ได้
แต่เมื่อถึงขั้นหก อันที่จริงทุกคนต่างพยายามมุ่งหน้าไปยังขั้นปรมาจารย์ ถ้าหนึ่งเดือนสองครั้ง สิ้นเปลืองหนึ่งพันคะแนน…ตกลงคุ้มค่าหรือเปล่าก็ต้องดูที่ได้รับอะไรกับมาหรือไม่
สิ้นเปลืองสิบหลุน นั่นก็เป็นค่าทรัพย์สินสิบเอ็ดล้าน ขั้นหกพวกนี้ อันที่จริงเข้าถ้ำใต้ดินยังได้รับค่าตอบแทนไม่น้อย
เรื่องจึงตกลงกันตามนี้
ฟางผิงไม่ชักช้าอีก เขาไม่สามารถรวบรวมพลังฟ้าดินออกมาห้าร้อยหลุนได้ในครั้งเดียวเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นรวบรวมมากไปในครั้งเดียว ง่ายที่จะกระจัดกระจาย เกิดการสิ้นเปลืองที่ไม่จำเป็น
ครั้งหนึ่งฟางผิงรวบรวมได้ประมาณห้าหลุน กรอกลงในกรวยลงไปติดต่อกันสิบครั้ง ตอนนี้มือของฟางผิงเลือดเนื้อผสมปนเปกัน เผยให้เห็นกระดูกสีทองอร่ามแล้ว
“น่าจะได้แล้วสินะครับ หลังจากนี้สามวันผมจะมาหนึ่งครั้ง”
ฟางผิงสะบัดมือเล็กน้อย เนื้อที่แหลกอย่างเห็นได้ชัดก็สมานกันอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ทุกคนที่เห็นต่างอิจฉาอยู่บ้าง เจ้าเด็กนี่พลังฟื้นฟูแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดจริงๆ
เฉินเจิ้นหวาพยักหน้าว่า “ได้ สามวันหนึ่งครั้ง หากรับไม่ไหวจริงๆ มาน้อยลงหน่อยก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไว้ค่อยว่ากันเถอะครับ อันที่จริงผมหวังว่าพวกอาจารย์จะได้รับอะไรกลับไปมากกว่า โดยเฉพาะพวกคณบดีเฉิน หากสามารถแตะถึงขั้นหลอมพลังจิตใจและปราณเป็นหนึ่ง งั้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็จะรุ่งเรืองจริงๆ แล้ว ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นอกจากอาจารย์ผม คณบดีหลี่ คณบดีถัง ขั้นหกสูงสุดยังมีอีกสี่คน หากพวกคุณทั้งหมดกลายเป็นปรมาจารย์ งั้นจำนวนปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยเราก็แตะถึงสิบคนแล้ว!”
พลังของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งจริงๆ ขั้นหกสูงสุดหมายความว่าปิดผนึกประตูซานเจียวแล้ว
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ อย่างมหาวิทยาลัยหนานเจียง ปิดผนึกประตูซานเจียวได้มีแค่สองคน ทั้งสองคนนี้ยังทำถึงขั้นหลอมรวมพลังจิตใจและปราณไม่ได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้พวกเฉินเจิ้นหวาไปที่มหาวิทยาลัยหนานเจียง อาจสามารถเป็นอธิการได้ด้วยซ้ำ
หรือไปมหาวิทยาลัยที่ไม่ใช่สายศิลปะการต่อสู้โดยตรง พวกเขาก็สามารถเป็นอธิการบดีได้เหมือนกัน
คนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่ฟางผิงคิดว่ามีโอกาสเป็นปรมาจารย์มากที่สุด
เฉินเจิ้นหวาและคณบดีสาขาศึกษาวิจัยยิ้มเจื่อนในเวลาเดียวกัน ปรมาจารย์เป็นง่ายๆ กันแบบนั้นที่ไหนล่ะ
พวกเขาพูดคุยกันอยู่สักพัก ฟางผิงก็ไม่รบกวนการฝึกวิชาของทุกคนอีก เพิ่งเตรียมตัวจะออกไป กลับพบว่าตาเฒ่าหลี่กำลังมุ่งหน้าไปห้องฝึกวิชาหมือนกัน อดเอ่ยไม่ได้ “อาจารย์หลี่ คุณไม่ออกไปเหรอครับ?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างคาดไม่ถึง “ฉันจะฝึกวิชา!”
เฉินเจิ้นหวาที่อยู่ด้านข้างสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เอ่ยทันที “คณบดีหลี่ คุณอย่าเข้าไปเลยจะดีกว่า พวกเราสิ้นเปลืองสิบหลุน เกรงว่าคุณคงไม่ต่ำกว่าสามสิบหลุน คุณรวบรวมพลังฟ้าดินได้แล้วไม่ใช่หรือไง?”
ตาเฒ่าหลี่หน้าเสียทันที ฉันทำไม่ได้เถอะ!
ปลดปล่อยพลังจิตใจยังไม่ได้ จะไปรวบรวมได้ยังไงกัน
เป็นเพราะทำไม่ได้ เขาถึงได้มาฝึกวิชายังไงล่ะ
แต่เวลานี้ไม่อาจพูดออกมาได้ พวกปรมาจารย์รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นขั้นแปด แต่คนอื่นๆ กลับไม่รู้
ตอนนี้ไม่อาจกลับคำได้
ตาเฒ่าหลี่ไอแห้งๆ แล้วก็เอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ฉันกลัวว่าพลังฟ้าดินจะเข้มข้นเกินไป พวกนายดูดกลืนไม่หมด เลยจะช่วยแบ่งเบาเท่านั้น…”
ทุกคนพากันจ้องมองเขา นายช่างกล้าพูดออกมาจริงๆ?
ตาเฒ่าหลี่จนใจ ช่างเถอะ ไม่ลักไก่ก็ได้ ฉันฝึกวิชาเองคงได้แล้วสินะ!
—
ออกมาจากห้องฝึกวิชาแล้ว ฟางผิงก็กวาดสายตามองไปตลอดทาง เห็นนักศึกษาหลายคนกำลังเดินไปทางห้องแหล่งพลังงานก็เอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “มีชีวิตชีวาขึ้น ตอนนี้นับวันมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไหนเลยจะเหมือนตอนที่ผมเพิ่งเข้าเรียน อย่าพูดถึงห้องฝึกวิชาเลย ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ดยังต้องใช้อย่างประหยัด”
“เธอกำลังอวดผลงานตัวเอง?”
“ใช่ที่ไหนล่ะครับ”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมแค่พูดความจริงเท่านั้น ใช่สิ เรื่องขายหุ้น อธิการหวงจัดการถึงไหนแล้ว?”
ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยากอยู่บ้าง สองบริษัทต่างแสดงท่าทีแล้ว หุ้นพวกนี้เวลานั้นให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ฟรีๆ หากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยากขายก็จะริบห้าพันล้านกลับไปทั้งหมดเช่นกัน!”
ฟางผิงเผยสีหน้าเยือกเย็น แค่นเสียงว่า “ฝันไปเถอะ!”
ตาเฒ่าหลี่พยักหน้าเช่นกัน เอ่ยว่า “ไม่รีบ รอให้เหล่าหลิวและเหล่าอู๋รักษาตัวให้หายดีก่อน ตอนนั้นหลู่เฟิ่งโหรวน่าจะใกล้ทะลวงด่านแล้วเหมือนกัน จัดงานเลี้ยงปรมาจารย์ เชิญสองบริษัทเข้ามา เชิญปรมาจารย์ที่เรียนจบไปของเซี่ยงไฮ้มาอีกบางส่วน ไม่จำเป็นต้องวางท่าทีแข็งกร้าวเกินไป แค่แสดงความเกรงขามหน่อยก็พอแล้ว!”