ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 401.2 ฉันก็อยากได้หัวเหล็กเหมือนกัน (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 401.2 ฉันก็อยากได้หัวเหล็กเหมือนกัน (2)
ตอนที่ 401 ฉันก็อยากได้หัวเหล็กเหมือนกัน (2)
……………………………………………………………………..
ฟางผิงไม่พูดมากอีก ถังเฟิงยังมีธุระอื่น ไม่นานก็จากไป
เขาไปแล้ว ฉินเฟิ่งชิงอดถอนหายใจไม่ได้ บ่นอุบอิบว่า “ตอนนี้หัวสิงโตถูกนายหลอกจนกลายเป็นคนโง่แล้ว…”
“อาจารย์ถัง คุณยังมีเรื่องอื่นอีกเหรอครับ?”
ฟางผิงไม่สนใจเขา หยัดกายขึ้นอีกครั้ง
ฉินเฟิ่งชิงร่างกายแข็งทื่อเป็นหิน หันกลับไปเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ถัง ผมไม่ได้หมายความว่า…”
พูดได้ครึ่งเดียว มองไปที่ประตูอีกที…มีแต่ความว่างเปล่า มีคนที่ไหนกัน!
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าเขียวคล้ำไปหมด!
ตอนนี้ฟางผิงนั่งลงแล้ว เผยใบหน้าเรียบนิ่งราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไร
เห็นฉินเฟิ่งชิงมองมา ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ สงบจิตใจหน่อย มาต่อที่คำถามก่อนหน้านี้ เรื่องขุดแร่ครุ่นคิดดีหรือยัง?”
“ไม่ทำ!”
“งั้นนายก็คืนเงินมา เงินร้อยกว่าล้านของฉัน นายควรคืนได้แล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าดำคล้ำ ร้อยกว่าล้านอะไร ใครติดเงินนายร้อยกว่าล้านกัน!
เรื่องติดหนี้ เชื่อถือได้งั้นเหรอ?
ฟางผิงเห็นเขาไม่ปริปากพูดก็เอ่ยต่อ “ตอนนี้ยังไม่เอาเงินจากนาย ให้นายทะลวงขั้นสี่สูงสุดก่อน เวลานั้นฉันน่าจะถึงขั้นห้าตอนกลางแล้วเหมือนกัน หรือไม่ก็อาจจะตอนปลายหรือสูงสุด นายแค่นำทางก็พอแล้ว นำทางหนึ่งครั้ง ฉันจะยกหนี้ให้นายฟรีๆ เงินร้อยกว่าล้านแลกกับการนำทางหนึ่งครั้ง การแลกเปลี่ยนที่ได้กำไรขนาดนี้ นายมั่นใจว่าจะไม่ทำ?”
ฉินเฟิ่งชิงเหนื่อยใจอยู่บ้าง ฉันเลอะเลือนถึงขั้นติดหนี้เป็นร้อยล้านเลยหรือไง ทำไมไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้นเลย!
ไม่ได้พูดว่าจะทำหรือไม่ทำ ฉินเฟิ่งชิงคร้านที่จะอยู่ต่อด้วยซ้ำ ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีกระทั่งคำบอกลา
—
ชั่วพริบตาเวลาก็ล่วงเลยสู่ปี 2010
วันที่ 1 มกราคม มหาวิทยาลัยมีการเคลื่อนไหวครั้งใหม่!
นับตั้งแต่วันนี้ไปแพลตฟอร์มกู้ยืมในมหาวิทยาลัยจะเปิดกว้างต่อนักศึกษาทุกคน โควตากู้ยืมทั้งหมดสูงถึงหนึ่งล้านคะแนน แลกเปลี่ยนเป็นเงินสดแตะถึงมูลค่าสามหมื่นล้าน!
นักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ถึงเจ็ดพันคน เฉลี่ยแล้วทุกคนจะได้รับโควตากู้ยืมเกือบห้าล้านต่อคน
และเงินสดสามหมื่นล้านนี้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ออกให้กว่าครึ่งใหญ่ นอกจากนี้ฟางผิงยังใช้นามของบริษัทหยวนฟางจัดสรรหินพลังงานมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านให้อีก!
สำหรับหินพลังงานที่ฟางผิงควักออกมาเยอะขนาดนี้ คนที่รู้เรื่องต่างตกตะลึง!
เจ้าหมอนี่รวยถึงขั้นใช้เงินเป็นว่าเล่นแล้ว!
ด้านฟางผิงเอง นอกจากเหลือหินพลังงานฝึกวิชาไม่กี่สิบก้อนไว้ หินพลังงานธรรมดาที่เหลือพวกนั้น ยกให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทั้งสิ้น
หินพลังงานธรรมดาพวกนี้ พูดให้ระคายหูหน่อย สำหรับฟางผิงในตอนนี้ นอกจากเปลืองพื้นที่เขาแล้วก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย
นอกจากเพิ่มโควตาระบบกู้ยืมแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังมีการเคลื่อนไหวอย่างอื่นไม่น้อย
ห้องแหล่งพลังงาน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เริ่มทำการขยับขยาย เดิมทีเป็นห้องแหล่งพลังงานที่รองรับได้ประมาณหนึ่งร้อยคน ครั้งนี้ขยับขยายขนาดขึ้นไปอีก คาดว่าหลังจากขยายเสร็จสิ้นแล้วน่าจะรองรับคนฝึกวิชาได้ถึงห้าร้อยคน
แน่นอนว่าใช้เงินไม่น้อยเช่นกัน การสร้างห้องแหล่งพลังงาน ค่าตอบแทนที่ต้องแลกเปลี่ยนไม่ต่ำอยู่แล้ว
แม้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะมีพื้นฐานเดิมอยู่ พื้นฐานบางส่วนสมบูรณ์แบบ อุปกรณ์ครบครัน แต่อยากจะสร้างห้องแหล่งพลังงานใหญ่อีกหลายเท่า อย่างต่ำที่สุดต้องลงทุนกว่าหนึ่งหมื่นล้าน!
นอกจากนี้การขยายฐานการผลิตยาบำรุงและอาวุธในมหาวิทยาลัย การซื้ออุปกรณ์และเพิ่มแรงงานคนก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมหาศาลเช่นกัน
ยังมีการเพิ่มสวัสดิการของอาจารย์และขยับขยายสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างอื่นอีก
วันที่หนึ่งนี้ แค่ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายหลายเรื่องออกไป มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องจัดสรรเงินทุนออกไปไม่ต่ำกว่าสี่หมื่นล้านแล้ว
ทั้งสี่หมื่นล้านนี้ก็เป็นงบประมาณที่รัฐบาลเริ่มให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ในปี 2010
ยึดจากการคำนวณนี้ เงินภาครัฐยังไม่ทันไปถึงไหน ฟางผิงก็ใช้เงินก้อนนี้ล่วงหน้าไปแล้ว
สายตาของโลกภายนอกต่างจับจ้องที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ช่วงเวลานี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีการเคลื่อนไหวไม่น้อย
หากพูดอย่างจริงจังหน่อย ให้ความรู้สึกว่าใช้ทรัพยากรจนเกินตัวไปอยู่บ้าง
—
โลกภายนอกวิพากษ์วิจารณ์ยังไง ฟางผิงไม่สนใจ
ตอนนี้เขาไม่ได้วิ่งวุ่นไปทั่วอีกแล้ว แต่เริ่มตั้งใจฝึกวิชาของตัวเองแทน
สรุปแล้วยังคงต้องใช้ฝีมือเป็นตัวพิสูจน์
ไม่มีฝีมือ ทั้งหมดล้วนไร้ค่า
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจดูเหมือนเขาเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง แต่ฟางผิงรู้ว่าหากมาถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ พวกอู๋ขุยซานรู้ว่าการกระทำของเขาไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ขอแค่ยืนออกมาพูดไม่กี่คำ ฟางผิงก็สามารถถูกตะเพิดออกไปได้แล้ว
คนหนึ่งขั้นแปด อีกคนขั้นห้า
ขับไล่ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดหรือผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางขั้นห้าออกไป หากให้ฟางผิงเลือก เขาคงไม่เลือกเอาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าไว้เช่นกัน
แม้ขั้นห้าคนนี้จะเป็นอัจฉริยะ นั่นก็ไม่ต่างกัน
—
เขตทางใต้ ริมทะเล
พื้นผิวทะเลที่สงบไร้คลื่น ริมฝั่งกลับเกิดเสียงคลื่นทะเลถาโถมเป็นพักๆ
แต่หากสังเกตอย่างละเอียดจะพบว่านี่ไม่ใช่เสียงคลื่นทะเล แต่เป็นเสียงพลังปราณที่พรั่งพรูอย่างแข็งแกร่ง
ริมชายฝั่งทั่วร่างของฟางผิงถูกพลังปราณปกคลุมเอาไว้ ราวกับถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมสีเลือด
พลังปราณนอกร่างกายพลิกม้วนอย่างไม่หยุดหย่อน แลกเปลี่ยนนอกและในไม่ขาดสาย หลอมอวัยวะภายในของฟางผิง
เวลานี้ฟางผิงไม่สนใจการสิ้นเปลืองของปราณแม้แต่น้อย
รวมกับภายในร่างกายเดิมทีก็สะสมพลังงานแห่งชีวิตไว้จำนวนมาก หากมีคนสามารถมองทะลุได้จะพบว่าเวลานี้อวัยวะภายในของฟางผิงหลอมเร็วจนแตะถึงขีดจำกัดหนึ่งแล้ว
อวัยวะตันทั้งห้ากลายสภาพโปร่งใสอย่างสมบูรณ์
อวัยวะภายในอื่นๆ ก็ปรากฏสภาพโปร่งแสงเช่นกัน กระทั่งเลือดเนื้อต่างเกิดการเปลี่ยนแปลงบางส่วน เลือดที่ไหลเวียนราวกับหินเลือดที่เต็มไปด้วยความมันเงาและงดงาม
ปราณกลอกกลิ้งอยู่เนิ่นนาน ก่อนพลังปราณที่พลุกพล่านจะค่อยๆ สงบลง
ฟางผิงลืมตา ตั้งสมาธิมองตัวเลขในระบบของตัวเอง
ทรัพย์สิน : 11,920,000,000 (เปลี่ยนแปลง)
ปราณ : 3455 แคล (3999 แคล)
จิตใจ : 590 เฮิรตซ์ (739 เฮิรตซ์+)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 6 ชิ้น (90%) , 23 ชิ้น (30%+)
ช่องเก็บของ : 1 ลูกบาศก์เมตร
ม่านพลังงาน : ทรัพย์สินหนึ่งหมื่นต่อนาที
หลายวันนี้พลังจิตใจของเขามีการเพิ่มขึ้นอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นกลับไม่เยอะเท่าไหร่
แต่ฟางผิงรู้ว่าบางครั้งความสามารถเพิ่มขึ้นหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขพวกนี้เพียงอย่างเดียว
การหลอมของอวัยวะภายในพัฒนาเร็วอย่างมาก หากหลอมอวัยวะภายในทั้งหมดเสร็จสิ้น เขาก็จะแตะขั้นห้าตอนกลางแล้ว ถึงเวลานั้นเขาประมือกับคนอื่น อวัยวะภายในจะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็บาดเจ็บหนักอีกแล้ว
‘ปัง!’
ฟางผิงซัดฝ่ามือลงบนพื้น พื้นสั่นสะเทือน ไม่เกิดหลุมหรือรอยแตก แต่ครู่ต่อมาจุดที่ฟางผิงเพิ่งซัดฝ่ามือไป พื้นที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จู่ๆ ก็พังถล่มลงไป
ฝ่ามือที่ซัดเมื่อกี้ สั่นสะเทือนหินข้างล่างจนแตกกระจาย
“ค่าทรัพย์สินเยอะขนาดนี้ ทิ้งไว้ก็ไม่ได้ใช้ เวลาที่ควรใช้ก็ควรต้องใช้”
ฟางผิงมองตัวเลขที่มีเครื่องหมายบวกพวกนั้นก็อยากลองอยู่บ้าง
ตอนนี้เขาสามารถเพิ่มพลังจิตใจ เพิ่มความลึกในการหลอมกะโหลก รวมถึงเพิ่มขนาดของช่องเก็บของ
“เพิ่มพลังจิตใจเยอะเกินไป เกรงว่าจะปรับตัวไม่ได้ในช่วงสั้นๆ…”
ถึงเวลานี้ฟางผิงคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้เช่นกัน เพิ่มมาหลายครั้งทำให้เขารู้ว่าหลังจากเพิ่มแล้วจะเกิดปฏิกิริยาที่ผิดปกติอะไรบ้าง
แต่การปรับตัวไม่ทันเกิดแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ฝืนเพิ่มขีดจำกัดพลังจิตใจขึ้นไปหนึ่งเฮิรตซ์ ใช้แค่ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่น ถูกจะตายไป
ฟางผิงไม่คิดมากอีก ไม่นานก็เริ่มเพิ่มพลังจิตใจ
เจ็ดร้อยสี่สิบเฮิรตซ์…เจ็ดร้อยห้าสิบเฮิรตซ์…จวบจนถึงเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าเฮิรตซ์ เวลานี้เครื่องหมายบวกจึงหายไปแล้ว
ฟางผิงสะบัดหัวเล็กน้อย พึมพำว่า “ยังพอไหว เทียบกับครั้งแรกแล้วดีกว่าเยอะเลย”
ครั้งแรกนั้นเขาเสียการควบคุมไปหลายวัน
แต่ตอนนี้นอกจากรู้สึกว่าหัวมีการขยายอยู่บ้าง ก็ไม่ได้ผิดแปลกจนเกินไป
แค่เวลาสั้นๆ พลังจิตใจเขาก็เพิ่มขึ้นหกสิบเฮิรตซ์แล้ว!
หากถูกเผยแพร่ออกไป เกรงว่าคงจะทำให้ปรมาจารย์พวกนั้นอิจฉาตาร้อนแล้ว หลังจากอิจฉาก็น่าจะอยากทุบหัวเขาออกมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“ใกล้จะแปดร้อยเฮิรตซ์แล้ว จับต้องได้ เหมือนจะไม่ไกลเกินไปแล้ว!”
ฟางผิงแววตาวูบไหว เขายังไม่ทันปิดผนึกประตูซานเจียว แต่พลังจิตใจจะถึงขั้นจับต้องได้ก่อนงั้นเหรอ?
หากเป็นแบบนั้น เขาจะนับว่าเป็นสถานการณ์แบบไหน?
เป็นปรมาจารย์หรือว่าขั้นหก?
“หากหลอมกะโหลก พลังจิตใจจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่า?”
“ถ้ากะโหลกที่เหลือยี่สิบสามชิ้น หลอมถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน งั้นระดับการหลอมกะโหลกฉัน อันที่จริงจะสูงกว่าเหล่าหลี่อีก ตอนนี้กระดูกทั่วร่างของเขาหลอมถึงแค่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าฉัน เนื้อหนัง เส้นลมปราณล้วนขึ้นรูปใหม่ ประตูซานเจียวก็ปิดผนึกแล้ว”
“ไม่สนละ ลองดูแล้วกัน หากกระดูกทั่วร่างหลอมเสร็จสิ้น งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉาหัวเหล็กของเจ้าหลี่หัวเหล็กอีกแล้ว”
หลอมกะโหลก ครั้งที่แล้วเขาหลอมกระดูกหูซึ่งเล็กที่สุด กระดูกหูหนึ่งชิ้นหลอมถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพิ่มระดับการหลอมอีกหกสิบเปอร์เซ็นต์ สิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินหกล้าน การสิ้นเปลืองนี้อันที่จริงนับว่าน้อยมาก
ถ้ากะโหลกยี่สิบสามชิ้นอื่นๆ ก็สิ้นเปลืองเท่ากัน ทั้งหมดจะเป็นค่าทรัพย์สินหนึ่งร้อยสามสิบแปดล้านเท่านั้น
“ไม่สนแล้ว แม้จะเพิ่มราคาอีกสิบเท่าก็แค่ไม่ถึงหนึ่งพันสี่ร้อยล้านเท่านั้น”
ตอนนี้ฟางผิงกระเป๋าหนักจริงๆ จะสนใจการสิ้นเปลืองเล็กน้อยแค่นี้ได้ยังไง
ตอนนี้สิ่งที่เขาครุ่นคิดคือตกลงตัวเองจะสามารถรับกับการหลอมกะโหลกไหวหรือเปล่า?
“น่าจะไหว…” ฟางผิงพึมพำ เครื่องหมายบวกยังอยู่ อันที่จริงก็หมายความว่ายังไม่ถึงขีดจำกัด
หากถึงขีดจำกัดจริงๆ เครื่องหมายบวกน่าจะหายไป
แม้อาจจะสูญเสียการควบคุม คงไม่อันตรายถึงชีวิตเช่นกัน
“ฉันอยากมีหัวเหล็กเหมือนกัน!”
ฟางผิงนั้นอิจฉาหัวเหล็กของหลี่หานซงอยู่บ้างจริงๆ ครู่ต่อมาฟางผิงก็ไม่คิดมากอีก กัดฟันเริ่มทำการหลอม!
ช่วงขั้นสี่หลอมกระดูกหูยังไม่มีปัญหา ขั้นห้าแล้ว หลอมอย่างอื่นน่าจะไม่เป็นไรเหมือนกัน ตอนนี้ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว!