ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 311-2 บรรยากาศครึกครื้น (2)
ตอนที่ 311 บรรยากาศครึกครื้น (2)
ระหว่างที่ซ่งอิ๋งจี๋คาดเดา
ภายในห้องฝึกวิชา
ฟางผิงเหงื่อชุ่มหน้าผาก รวบรวมสมาธิเคลื่อนย้ายหลอดเลือดภายในหัวใจอย่างระมัดระวัง
นี่ใช้เวลาไปไม่น้อยเหมือนกัน ทุกครั้งที่ปรับเปลี่ยนหัวใจต้องตั้งสมาธิให้ดีเป็นพิเศษ
การสิ้นเปลืองปราณกลับไม่ได้ร้ายแรงมากมาย
รวมถึงอยู่ในห้องแหล่งพลังงาน หลายวันมานี้ฟางผิงไม่จำเป็นต้องใช้ปราณฟื้นฟูด้วยซ้ำ อาศัยร่างกายก็ฟื้นฟูได้แล้ว
แต่การสิ้นเปลืองของพลังจิตใจกลับไม่น้อย
ทั้งเป็นเพราะพลังจิตใจแข็งแกร่ง ฟางผิงจึงฝึกวิชาหลายวันต่อเนื่องได้ในครั้งเดียว
“ลิ้นหัวใจห้องบนซ้ายและห้องล่างซ้ายถูกฉันหลวมรวมไปแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่นับเป็นมนุษย์แล้วยังไงไม่รู้…”
ฟางผิงเช็ดเหงื่อเล็กน้อย พึมพำเสียงเบา
เคยเห็นหัวใจมนุษย์คนไหนเป็นแบบนี้มาก่อนหรือเปล่าล่ะ?
คนเขาต่างมีหัวใจห้องบนสองห้อง ห้องล่างอีกสองห้อง ตอนนี้หัวใจห้องบนและห้องล่างซ้ายของเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
ทะลวงผนังกั้นหัวใจบนซ้ายและล่างซ้าย ฟางผิงก็รับรู้ได้ว่าปราณของตัวเองไหลเวียนอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น พลังพุ่งชนเช่นนี้ มนุษย์ทั่วไปรับไม่ไหวอยู่แล้ว
ทั้งหากเป็นคนทั่วไป แค่ปราณไหลย้อนกลับก็ทำให้คนตายได้อย่างง่ายดายแล้ว
แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ ไม่มีการจำกัดการไหลเวียนของปราณ กลับจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกวิชามากกว่า
“ต่อไปต้องทะลวงผนังหัวใจห้องบนขวาและล่างขวา เปลี่ยนจากสี่ห้องเป็นสองห้อง จากนั้นค่อยหลอมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวอีกที เปลี่ยนหัวใจให้กลายเป็นสภาวะกลวง สุดท้ายก็สร้างทางเดินลำเลียงขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหนึ่งสาย”
ตอนนี้ฟางผิงทะลวงหัวใจห้องบนซ้ายและล่างซ้ายแล้ว อันที่จริงถือว่าก้าวหน้าไวอย่างมาก เส้นทางของขั้นสี่ตอนปลาย เขาเดินมาถึงหนึ่งในสี่ส่วนแล้ว
แต่ระยะห่างจากขั้นสี่ตอนปลาย หัวใจหลอมเสร็จสิ้นแล้ว ยังเหลืออีกช่วงใหญ่
“ไม่น่าล่ะพวกหวังจินหยางจึงหยุดในขั้นนี้อยู่นาน”
“หลอมหัวใจเสร็จสิ้นแล้ว บางทีอีกไม่นานฉันก็อาจเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุด ตามทันเหล่าหวังแล้ว”
ตอนนี้ฟางผิงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ไกลจากหวังจินหยางเท่าไหร่
คนหนึ่งขั้นสี่สูงสุด อีกคนขั้นสี่ตอนกลาง ระยะห่างไม่ได้เยอะอย่างที่คิดขนาดนั้นแล้ว
“ต่อเลยแล้วกัน ครั้งนี้อย่างน้อยต้องรวมสี่ห้องเป็นหนึ่งให้ได้ ไม่งั้นไม่ออกไป!”
ฟางผิงตัดสินใจแล้ว พยายามทำให้สำเร็จในครั้งเดียวไปเลย
ส่วนการใช้ห้องแหล่งพลังงานที่เหมือนจะเกินไปเยอะอยู่บ้าง ตอนนี้ฟางผิงไม่นึกถึงอีกแล้ว ออกไปค่อยว่ากัน เหล่าซ่งยังติดเงินตัวเองอยู่ไม่น้อย ถึงเวลานั้นให้เขาชดใช้บ้างแล้วกัน
—
ในเวลาเดียวกัน
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง
นักศึกษาขั้นหนึ่งนับร้อยจัดเก็บสัมภาระ แต่งตัวเต็มยศเตรียมมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
หวังจินหยางเอ่ยด้วยใบหน้าหนักแน่นว่า “แม้จะเป็นแค่การแข่งขันครั้งเดียว มหาวิทยาลัยหนานเจียงก็ต้องทุ่มสุดกำลัง ทุกคนเวลาที่เหลืออยู่ของพวกเรามีไม่เยอะแล้ว เวลาที่เหลือให้พวกนายก็ไม่เยอะเหมือนกัน! ถึงขั้นสาม นั่นยังดี โอกาสทุกคนมีอีกมาก แต่ไม่ถึงขั้นสาม โอกาสของพวกนายก็จะมีน้อยแล้ว หนานเจียงไม่ใช่มหาวิทยาลัยชื่อดัง พวกเราขาดแคลนหลายสิ่ง ครั้งนี้ในเมื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยินดีทุ่มทุน มีรางวัลจำนวนมากให้กับร้อยอันดับแรกทุกคน งั้นพวกเราก็ต้องคว้าทุกโอกาสที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งหมด!”
การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้กลายเป็นการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดทั้งประเทศ ทั้งเป็นการแข่งขันที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดอีกด้วย
ตั้งแต่โบราณมีคำกล่าวที่ว่าเก่งในตำราหรือวิทยายุทธ์ต่างไม่มีใครเป็นหนึ่งในใต้หล้า
การแข่งขันจัดอันดับจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้ฝึกยุทธ์หลายคน
ในขณะเดียวกัน รางวัลของผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าสู่ในอันดับก็เป็นที่สนใจของทุกคนเช่นกัน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เงินหนาจริงๆ ไม่ว่าร้อยอันดับแรกจะเป็นใครก็มีรางวัลเป็นยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ด ยาหลอมกระดูกขั้นสองอีกหนึ่งเม็ด แปลงเป็นราคาตลาดก็หนึ่งล้านห้าแสนแล้ว
แค่ค่าใช้จ่ายเรื่องนี้ก็ปาไปหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน
แต่สิบอันดับแรก สามอันดับแรก และอันดับแรกยังมีรางวัลพิเศษให้อีก รางวัลในราคาตลาดเกินกว่าสองร้อยล้านขึ้นไปแล้ว
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง รางวัลนี้ถือว่าไม่น้อยจริงๆ ขอแค่เข้าสู่ร้อยอันดับแรก ก็ไม่ขาดแคลนยาบำรุงขั้นสองแล้ว ยาป้องกันอวัยวะจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่ใช่ทุกคนที่กลัวได้รับบาดเจ็บเหมือนฟางผิงซะหน่อย
ทั้งเข้าสู่สิบอันดับแรกยังมียาป้องกันอวัยวะให้ สามอันดับแรกถึงกระทั่งมีอาวุธระดับ D ให้เป็นรางวัล
ส่วนอันดับแรก นอกจากได้รางวัลเป็นยาบำรุงจำนวนมากและอาวุธแล้ว ยังมีโอกาสเข้าฝึกวิชาที่ห้องแหล่งพลังงานของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อีก
สรุปแล้วรางวัลทั้งหมดทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งหลายคนต่างตาลุกโชนเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในความเป็นจริงคนภายในต่างรู้ว่าครั้งนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องกอบโกยได้เยอะอย่างแน่นอน ค่าใช้จ่ายพวกนี้ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร บอกว่าจ่ายไปหลายร้อยล้าน แต่นั่นเป็นราคาตลาด
ยาบำรุงและอาวุธในการแข่งขันต่างเป็นการจัดสรรจากภายในมหาวิทยาลัย เงินทุนนั้นแค่หนึ่งในสามของราคาตลาดเท่านั้น
รางวัลจากการแข่งขัน สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ยื่นเรื่องกับมหาวิทยาลัยเพื่อให้ได้ในราคาต้นทุน คำนวณแล้วค่าใช่จ่ายแค่ประมาณหนึ่งร้อยล้านเท่านั้น
แต่ความได้เปรียบของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยแห่งอื่นนั้นทำไม่ได้
ค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้าน แม้ว่าหลายมหาวิทยาลัยจะอยากจัดงานก็ไร้กำลังสนับสนุน ยังไงพวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะจัดการแข่งขันและดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้อยู่แล้ว
“ต้องชนะ!”
นักศึกษามหาวิทยาลัยหนานเจียงตะโกนพร้อมกัน หวังจินหยางไม่พูดอะไรอีก พยักหน้าเล็กน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ที่นำทีมก็พาพวกนักศึกษาขึ้นไปบนรถ
รอทุกคนจากไปแล้ว หวังจินหยางค่อยถอนหายใจ “นี่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คิดจะเป็นผู้นำสัมพันธมิตรของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้งั้นเหรอ?”
กู้สยงที่เพิ่งกลายเป็นรองหัวหน้าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “อาจไม่ใช่เซี่ยงไฮ้ ฉันว่าฟางผิงยังไม่เท่าไหร่ ประธาน มหาวิทยาลัยปักกิ่งมีความเคลื่อนไหวหรือเปล่า?”
“ไม่มี”
หวังจินหยางส่ายหัวเบาๆ ครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “หากไม่เหนือความคาดหมาย การแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปลายปี มหาวิทยาลัยปักกิ่งน่าจะทุ่มสุดแรงเอาชนะเซี่ยงไฮ้ งั้นตอนนี้เซี่ยงไฮ้สร้างอำนาจถึงจุดสูงสุด ยิ่งยืนสูงเท่าไหร่ ตกลงมาก็ยิ่งเจ็บเท่านั้น หากฟางผิงไม่มีวิธีเอาชนะหลี่หานซงได้ ความพยายามทั้งหมดในตอนแรกของเขาก็จะสลายกลายเป็นฝุ่นผง”
ผู้ฝึกยุทธ์ยังต้องดูที่ความสามารถ
ปล่อยให้นายรวบรวมสีสันความงดงามไป หากนายความสามารถไม่พอย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว
ตอนนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งประคองตัวอยู่ในความเงียบมาตลอด ปล่อยให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขยายอิทธิพลไม่ได้หมายความว่าปักกิ่งไม่สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ
หลี่หานซงคนผู้นี้ชอบตรงไปตรงมามากกว่า
ขอแค่การแข่งขันแลกเปลี่ยนปลายปี มหาวิทยาลัยปักกิ่งเอาชนะเซี่ยงไฮ้อย่างราบคาบได้ งั้นความรุ่งเรืองของเซี่ยงไฮ้ในตอนนี้ก็จะกลายเป็นเปลวไฟที่เติมด้วยน้ำมัน คงอยู่ได้ไม่นาน
รวมถึงอำนาจผลิตยาบำรุงและอาวุธ นั่งก็สร้างจากพื้นฐานความแข็งแกร่งของอาจารย์และนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้เช่นกัน
นักศึกษาเป็นรากฐานของมหาวิทยาลัย นักศึกษาความสามารถไม่พอ แข็งแกร่งไม่พอ นั่นหมายความว่าการสั่งสอนไม่ได้ผล ย่อมไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไร
ถึงเวลานั้น…บางทีอาจถูกริบอำนาจนี้คืนเช่นกัน
“งั้นพวกเราหนานเจียงล่ะ?”
หวังจินหยางถอนหายใจเบาๆ “ไว้ค่อยดูกันอีกที ถ้ำใต้ดินหนานเจียงไม่รู้จะอุบัติขึ้นเมื่อไหร่ ต้องดูว่าเป็นก่อนการแข่งขันหรือหลังการแข่งขัน หากเกิดหลังการแข่งขัน งั้นพวกเราก็เข้าร่วม แต่ถ้าเกิดก่อนการแข่ง มหาวิทยาลัยหนานเจียงก็คงไม่เข้าร่วม”
กู้สยงเอ่ยด้วยความเสียดาย “น่าเสียดายที่หนานเจียงมีประธานขั้นสี่อย่างนายแค่คนเดียว ไม่งั้น…”
“ครั้งนี้อาจจะให้แต่ละมหาวิทยาลัยเข้าร่วมอย่างอิสระ”
หวังจินหยางพูดออกมาแบบนี้ แววตาของกู้สยงก็เปลี่ยนเล็กน้อย “งั้นยังจะมีใครตีเสมอกับสองมหาวิทยาลัยดังได้อีก?”
“ไม่เสมอไป ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ไม่มีขั้นห้า ทางพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยอาจรวบรวมกลุ่มขั้นสี่ออกมาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากแข็งแกร่งพอ คนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
พูดมาถึงประโยคสุดท้าย ท่าทีของหวังจินหยางก็เปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หมายถึงทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย แต่พูดถึงตัวเอง
หากให้แต่ละมหาวิทยาลัยเข้าร่วมอย่างอิสระจริงๆ มีเขาอยู่ หนานเจียงไม่จำเป็นต้องกลัวใครแล้ว
ประเด็นหลักอยู่ที่ว่าถ้ำใต้ดินของหนานเจียงไม่รู้จะปรากฏขึ้นเมื่อไหร่
“ฉันกลับหวังให้สามารถยืดเวลาการอุบัติของถ้ำใต้ดินได้อีกหน่อย…ฉันอยากลองเหมือนกัน เอาชนะสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปได้ตำแหน่งอันดับหนึ่ง ปีต่อจากนั้นมหาวิทยาลัยหนานเจียงจะได้รับรางวัลมากเท่าไหร่กัน?”
ตอนนี้เงินจัดสรรที่หนานเจียงได้รับทุกปีนั้นก็เป็นแค่เศษเงินของมหาวิทยาลัยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เท่านั้น
ประมาณห้าพันล้าน
เอาชนะสองมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ปีหลังจากนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เงินทุนการศึกษาทวีคูณเท่าตัวก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ทั้งมีเพียงเหยียบไหล่สองมหาวิทยาลัยชื่อดังเท่านั้น มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปถึงจะมีโอกาสเชิดหน้าชูตา
‘เวลานั้นเซี่ยงไฮ้ก็เป็นแบบนี้ หนานเจียงอาจจะทำได้เหมือนกัน’
คำพูดนี้หวังจินหยางพึมพำอยู่ในใจ
มองไกลออกไป นั่นเป็นที่ตั้งของรุ่ยอัน ตอนนี้หวังจินหยางหวังแค่ว่าถ้ำใต้ดินจะยืดเวลาอุบัติขึ้นอีกสักหน่อย อย่างน้อยก็รอให้เขานำทีมหนานเจียงเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนให้เสร็จสิ้นก่อน
———————