ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 271 กึ่งร่างทอง (1)
ตอนที่ 271 กึ่งร่างทอง (1)
สวนสนุกฮวนเล่อ
หลิงอีอีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ไม่มีผู้ตัดสิน ไม่มีการแนะนำตัว ทั้งไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวด้วย
ทั้งสองคนพูดเกริ่นกันแล้ว หลิงอีอีที่เอวบางร่างน้อยก็ใช้ขวานแหวกอากาศราวกับผ่าภูเขาทั้งลูกทันที
แรงลมซัดออกไป ฝูงชนที่อยู่รอบๆ ต่างตกใจจนพากันถอยไปข้างหลัง หน้าซีดเป็นแถบๆ
ทุกคนลากระยะห่างออกมาจากทั้งสองคนกว่าสิบเมตร ลมวาดผ่านเข้ามา ราวกับแก้มถูกเฉือนด้วยคมดาบ
ยอดฝีมือขั้นสามสูงสุดสองคนปะทะกัน อานุภาพแทบไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่
ประเทศที่ใหญ่อย่างจีน ผู้ฝึกยุทธ์มีกว่าล้านคน คนที่ยืนอยู่แนวหน้าของขั้นสามจะมีสักกี่คน?
ความแข็งแกร่งที่หลิงอีอีแสดงออกมา แม้จะเป็นยอดฝีมือขั้นสี่ขั้นห้าบางส่วนที่มาชมการประลองต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน
—
ฟางผิงไม่กล้าประเมินหลิงอีอีต่ำไปอีก ขวานยาวของเธอผ่าลงมา ฟางผิงเคลื่อนฝีเท้าอย่างว่องไว ชั่วพริบตาก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของหลิงอีอี ดาบยาวฟันออกไปทันที เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศ
“รนหาที่ตาย!”
หลิงอีอีคำราม ขวานยาวที่โจมตีออกไปถูกดึงกลับ ก่อนจะพุ่งไปด้านหลังทันที
‘เคร้ง’
เสียงปะทะกันดังขึ้น ด้ามขวานโลหะผสมชนเข้ากับคมดาบเกิดประกายไฟลุกโชนไปทั่ว ฟางผิงรับแรงปะทะจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลิงอีอีกลับขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
ฉวยเสี้ยววินาทีที่เธอเอนตัวมาข้างหน้า แขนสองข้างของฟางผิงขยายใหญ่ขึ้นมา กล้ามเนื้อนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดาบยาวไม่ฟันออกไปอีก แต่แทงไปที่หลังของอีกฝ่ายตรงๆ
เวลานี้หลิงอีอีกระโดดตัวขึ้นในอากาศ พื้นดินแตกร้าว ร่างหมุนวน ขวานยาวก็หมุนตาม ก่อนจะฟันลงมาในชั่วพริบตา!
ฟางผิงราวกับแตะเท้าบนเมฆ เท้าสองข้างแตะบนพื้นดินอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้า แต่พริบตาเดียวกลับปรากฏตัวขึ้นด้านซ้ายของหลิงอีอีแล้ว ฟันดาบออกไปอีกครั้ง!
หลิงอีอีกำลังห้อยหัวในอากาศ เห็นแบบนั้นจึงเตะเท้าซ้ายออกไปชนกับดาบ ยืมแรงนั้นกระโดดลอยออกไปหนึ่งช่วง ก่อนจะร่วงสู่พื้นดินอย่างมั่นใจ มองฟางผิงด้วยใบหน้าจริงจัง
—
“ไอ้หนูนี่ก้าวหน้าไวไม่ใช่เล่น! ฝึกวิชาเคลื่อนเมฆได้ไม่เลวเลย”
กลางอากาศ ปรมาจารย์เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ชื่นชมอยู่บ้าง
เฉินอวิ๋นซีใบหน้าขึ้นสี ตาเฒ่าหลี่กลับปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
เขาเป็นคนแรกที่สำเร็จวิชาเคลื่อนเมฆถึงขั้นสูงสุด ทำไมน่ะเหรอ เพราะวิ่งไวน่ะสิ!
คิดว่าฟางผิงรอดเงื้อมมือจากยอดฝีมือขั้นหกได้เป็นเรื่องล้อเล่นจริงๆ หรือไง ภายใต้สถานการณ์คับขัน แม้ขั้นหกจะประมาทไปอยู่บ้าง ก็ไม่ควรปล่อยฟางผิงไปได้ง่ายๆ ขนาดนี้
—
อีกด้านหนึ่ง บนยอดชิงช้าสวรรค์ของสวนสนุกอันเล่อ
ผู้แข็งแกร่งจากปักกิ่งหลายคนกำลังชมการต่อสู้อยู่เช่นกัน
คนพวกนี้ไม่ได้เลือกทำตัวเด่นไปยืนอยู่กลางอากาศ แต่ไปยืนอยู่บนชิงช้าสวรรค์แทน ลมพัดปลิวชายเสื้อขึ้นมา ให้ความรู้สึกราวกับเทพเซียนไม่น้อย
ตอนนี้ชายหน้าขาวรูปร่างกำยำที่คล้ายอยู่ในวัยกลางคนเอ่ยขึ้นว่า “เด็กจากเซี่ยงไฮ้คนนี้พัฒนาเร็วทีเดียว อีอีอยากเอาชนะเขา ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“หัวหน้าฟู่วางใจ อีอีต้องชนะแน่!”
ชายวัยกลางคนตัวสูงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะออกมา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พัฒนาเร็วเป็นทั้งความได้เปรียบและเสียเปรียบในเวลาเดียวกัน หากฟางผิงอาศัยความเร็วนั้น ต้องแพ้อย่างแน่นอน!”
—
ทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะพูดจบ ในสนามฟางผิงเคลื่อนไหวปานสายฟ้าแลบ บุกโจมตีหลิงอีอีไม่หยุดหย่อน ดาบยาวฟันแหวกในอากาศ
หลิงอีอียืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน แม้หัวขวานจะเทอะทะอยู่บ้าง แต่พออยู่ในมือหลิงอีอีกลับสั่งการคล่องแคล่วราวกับเป็นแขนของเธอ ปัดป้องอย่างรวดเร็ว
เกิดประกายไฟกระเด็นไปทั่ว!
โจมตีติดต่อกันกว่าสิบครั้ง จู่ๆ หลิงอีอีก็แค่นเสียงว่า “เล่นพอแล้วหรือยัง?”
ฟางผิงปรากฏตัวห่างออกไปไม่กี่เมตรทางด้านซ้าย เอ่ยด้วยยิ้มตาหยีว่า “หยั่งเชิงฝีมือของเธอดู ยังพอใช้ได้ แต่นี่ไม่ใช่ความสามารถที่เธอโม้ไว้ด้วยซ้ำ หลิงอีอี เธอทำให้ฉันผิดหวังอยู่บ้าง…”
เสียงยังค้างอยู่กลางอากาศ ตัวของฟางผิงกลับปรากฏขึ้นบนหัวของหลิงอีอีแล้ว
ครั้งนี้เงียบงันไร้สุ้มเสียง
ดาบยาวมีประกายแสงสีแดงส่องสว่างอย่างเลือนราง ความเร็วนั้นไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ฟันลงไปอย่างรวดเร็ว
—
“ดาบคลั่งโลหิต!”
ในฝูงชนมีคนจำเคล็ดวิชาต่อสู้ของฟางผิงได้
ฟัน ผ่า กดและดันก่อนหน้านี้เป็นกระบวนท่าเดี่ยวทั้งหมด ไม่ได้ใช้การทบพลังติดต่อกันที่เป็นจุดเด่นของเคล็ดวิชาดาบคลั่งโลหิต
ตอนนี้ฟางผิงเปลี่ยนจากบ้าคลั่งในตอนแรกเป็นออกกระบวนท่าอย่างไร้เสียงแทน ดูคล้ายไม่มีเรี่ยวแรง ทว่าพวกผู้ฝึกยุทธ์กลับสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันมหาศาลที่แฝงอยู่ในดาบนั้น
“รออยู่นานแล้ว!”
หลิงอีอีราวกับไม่มีความแปลกใจแม้แต่น้อย คำรามเสียงต่ำ ก่อนจะกระโดดสองเท้าแตะพื้น คลายด้ามขวานในมือขวา ชกหมัดไปปะทะกับดาบยาวด้านบน
‘ตู้มๆๆ…’
เสียงดังติดต่อกันราวกับระเบิดดังขึ้น ครู่ต่อมาทุกคนก็เห็นหลิงอีอีชักมือขวากลับ ขยับขวานในมือซ้าย ก่อนจะฟันฝ่าอากาศขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว
‘ปัง!’
เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ฟางผิงกระเด็นลอยออกไป
ร่วงแตะพื้นอย่างทุลักทุเล แขนเสื้อซ้ายขาดวิ่น บนแขนมีรอยแผลที่เลือดกำลังไหลอย่างชัดเจน
ด้านหลิงอีอีก็มีเลือดออกที่หมัดขวาไม่หยุดเช่นกัน ทว่ายังคงวางท่าอย่างสง่างาม
ตัวเล็กนิดเดียว ทว่าเวลานี้กลับดูมีพลังอย่างหาสิ่งใดเทียบไม่ได้
“ฟางผิง นี่คือท่าไม้ตายลับของนาย? หกดาบติดต่อกัน? หากมีแค่นี้ นายก็ทำให้ฉันผิดหวังเกินไปแล้ว!”
หลิงอีอีไม่ได้ไล่ตามต่อ แค่นหัวเราะว่า “ฟันปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ท่ามกลางหกดาบยังหยุดพักถึงสองครั้ง ช่องโหว่มากเกินไป อยากอาศัยกระบวนท่าแบบนี้ชนะฉัน กำลังล้อกันเล่นอยู่หรือเปล่า?”
ฟางผิงฟื้นฟูปราณเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาพูดพล่ามออกไปมากมาย ตอนนี้กลับปิดปากไม่พูดอะไร เสี้ยวนาทีต่อมาฟางผิงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าหลิงอีอีอีกครั้ง แววตาเผยความดุดัน ระเบิดพลังจิตใจขึ้นมา
หลิงอีอีหยุดคำพูดไป ราวกับได้รับผลกระทบ
ในเวลานี้ดาบยาวของฟางผิงฟันลงไปที่ด้านหน้าเธอแล้ว
ชั่วพริบตาที่ผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนร้องด้วยความตกใจ จู่ๆ หลิงอีอีก็แววตากระจ่างวาบ ฝูงชนที่อยู่ตรงข้ามกับเธอราวกับเห็นแสงไฟสาดเข้าที่ดวงตา พากันหลบสายตาไปที่อื่น
แต่สิ่งที่พวกผู้ฝึกยุทธ์รับรู้ได้คือ หลิงอีอีในเวลานี้เผยไอสังหารออกมา ปลดปล่อยออกไปทั่วร่าง!
ไอสังหาร มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้
แต่ผู้ฝึกยุทธ์สามารถรับรู้ได้!
หลิงอีอีที่ตัวเล็กน่ารัก เวลานี้กลายร่างเป็นเจ้าปีศาจ ไอสังหารพวยพุ่ง ฟางผิงที่กำลังโจมตีถูกสั่นสะเทือนพลังจิตใจ ในหัวนั้นราวกับจมดิ่งในความว่างเปล่า
ดาบยาวที่กำลังจะฟันลงมาหยุดชะงักไปทันที หลิงอีอีที่ก่อนหน้านี้ไม่ขยับเขยื้อน ไม่คิดจะใช้ขวานยาว หมัดขวาที่ได้รับบาดเจ็บนั้นพุ่งเข้าไปในอากาศ แขนราวกับยืดยาวขึ้นมาอีก โจมตีเข้าที่หน้าอกของฟางผิงทันที!
‘กร๊อบ’
เสียงแตกร้าวดังขึ้น ฟางผิงกระเด็นลอยออกไป กระดูกได้รับความเสียหาย
—
เฉินอวิ๋นซีร้องอย่างตกใจ ละล่ำละลักว่า “ฟางผิงบาดเจ็บแล้ว!”
ปรมาจารย์เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกัน พยักหน้าว่า “ทั้งสองคนต่างเป็นอัจฉริยะ!”
ฟางผิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามใช้พลังจิตใจรบกวนอีกฝ่ายได้
น่าเสียดายที่ฟางผิงประเมินพลังจิตใจตัวเองสูงเกินไป ประมาทไปอยู่บ้าง
แม้ว่าหลิงอีอีจะไม่มีพลังจิตใจ แต่หลิงอีอีฝ่าเข้ามาเป็นที่หนึ่งของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยได้ ไม่ได้อาศัยแค่ท่าทีน่ารักใสซื่อนั้นอยู่แล้ว
เธอเข้าถ้ำใต้ดินที่ปักกิ่งหลายสิบครั้งแล้วเช่นกัน สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน อีกฝ่ายที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายยังฆ่ามาแล้ว
สังหารคนมานับร้อย สั่งสมไอสังหารมาตั้งนานแล้ว
ก่อนหน้านี้เก็บงำไว้ตลอด ตอนนี้จู่ๆ ระเบิดออกมา ฟางผิงที่พลังจิตใจไม่มั่นคงพอ ทั้งไม่แข็งแกร่งพอ จึงถูกหลิงอีอีโจมตีกลับ กระทั่งกระดูกอกที่ถูกหลอมแล้วยังโดนชกจนหัก
ตาเฒ่าหลี่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เคลื่อนฝีเท้าหมายจะเข้าไป
พลังจิตใจถูกโจมตีกลับ นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว หากถูกกระทบกระทั่งอย่างหนัก คนแทบจะพิการได้!
เขานึกไม่ถึงเหมือนกันว่าหลิงอีอีจากปักกิ่งจะรู้ไต๋ของฟางผิงนานแล้ว โจมตีฟางผิงเจ็บหนักในชั่วพริบตา
ในตอนที่ตาเฒ่าหลี่กำลังจะเข้าไป ฟางผิงที่กระเด็นตัวลอยกลับฟื้นฟูเป็นปกติ ยืนขึ้นในอากาศ คำรามอย่างโมโห ก่อนจะเหวี่ยงดาบฟันหลิงอีอีที่ตามเข้ามา!
“ยัยเตี้ย เธอทำให้ฉันโมโหแล้ว!”
ฟางผิงสีหน้าแดงก่ำ ปากยังกระอักเลือดออกมา
หลิงอีอีที่ถูกฟันจนถอยขมวดคิ้วว่า “นายไม่เป็นไร?”
“เธอตายแล้วฉันยังไม่เป็นไรด้วยซ้ำ!”
ฟางผิงก่นด่าออกไป ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว เธอคิดว่าพลังจิตใจฉันถูกโต้กลับได้ง่ายๆ เลยหรือไง!
แต่…เขาใช้ระบบโกง!
ชั่วพริบตาที่พลังจิตใจถูกโต้กลับ เขาก็เพิ่มขึ้นไปหนึ่งร้อยเฮิรตซ์
เขาเคยบอกแค่ว่าจะไม่เติมปราณ ไม่ได้บอกว่าจะไม่เพิ่มพลังจิตใจ พลังจิตใจได้รับผลกระทบ จะเป็นคนฟั่นเฟืองเอาง่ายๆ
ครั้งนี้หลิงอีอีไม่รีบแล้ว สำรวจเขาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะว่า “นี่ถึงจะน่าสนใจหน่อย แต่อย่าเอาพลังจิตใจขี้ปะติ๋วแค่นั้นของนายมาข่มขวัญฉันดีกว่า ไม่มีประโยชน์อะไร”
ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย จวบจนสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายถึงขึ้นมาอยู่ในการจัดอันดับได้
ไม่ใช่ว่าเธออ่อนแอ แต่ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่ฆ่าคนมาโดยตลอด!
ใช่แล้ว ฆ่าคน
เธออยู่ในถ้ำใต้ดินสังหารผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามมากว่าหนึ่งร้อย ถึงกระทั่งอาจมากกว่านั้น
เธอที่สังหารแต่พวกต่ำกว่าขั้นสามย่อมยากจะขึ้นไปในการจัดอันดับต้นๆ อยู่แล้ว
จวบจนก่อนหน้านี้ที่ระเบิดพลังสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่หลายคนติดต่อกัน รวมถึงขั้นสี่ตอนปลายคนหนึ่ง เธอถึงเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ
พลังจิตใจเล็กน้อยนั้นของฟางผิง ข่มขวัญคนอื่นยังพอว่า แต่จะใช้กดดันเธอ รนหาที่ตายซะมากกว่า
ฟางผิงสูดลมหายใจเข้าลึก ขยับหน้าอกเล็กน้อย กระดูกที่แตกร้าวฟื้นฟูขึ้นมาอยู่บ้าง ไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว
“ไม่ต้องกังวล ไม่ใช้พลังจิตใจก็อัดเธอเละได้อยู่ดี!”
ฟางผิงคำราม ก่อนจะถือดาบบุกโจมตี เคลื่อนไหวร่างอย่างว่องไว ฟันวนเวียนอยู่รอบตัวหลิงอีอีไม่หยุดหย่อน
เสียงกระทบดังก้องหูไม่ขาดสาย หลิงอีอีโต้กลับไม่หยุดหย่อนเช่นกัน ชั่วขณะนั้นก็ตกอยู่ในสภาวะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน
——————