ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 269 ฉันไม่ได้ตกใจ (1)
ตอนที่ 269 ฉันไม่ได้ตกใจ (1)
ปักกิ่ง
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง
หลิงอีอีอายุยังน้อย แค่ยี่สิบปีเท่านั้น รูปร่างไม่สูงมาก หน้าตาจิ้มลิ้ม ดูอ่อนกว่าอายุไปอีก
ตอนนี้หลิงอีอีเผยสีหน้าเยือกเย็น โทรศัพท์ในมือถูกบีบจนแตกกระจุย!
“ฉันและหานซวี่คบกัน?”
“การต่อสู้เพื่อล้างแค้น?”
หลิงอีอีกัดฟันกรอด นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำลายชื่อเสียงของฉัน อย่าให้ฉันรู้นะว่าคนที่สร้างข่าวลือเป็นใคร ฉันไม่เอามันไว้แน่!
บีบมือถือจนแตกแล้ว หลิงอีอีก็ใช้สายตาอันตรายมองไปยังหานซวี่ที่มองไปรอบๆ อยู่ด้านข้าง เอ่ยอย่างสงสัยว่า “หานซวี่ นายว่ายังไงล่ะ?”
หานซวี่ทำหน้าไม่ได้ความเป็นธรรม สมองฉันละลายไปกับน้ำแล้วหรือไง!
คนที่บ้าพลังอย่างเธอ ฉันยอมคบกับหลี่หรานยังจะดีซะกว่า!
“รุ่นพี่หลิง เรื่องนี้มันเป็นไปได้หรือไง?” หานซวี่หมดคำจะพูด
หลิงอีอีโมโหขึ้นมาทันที ตบโต๊ะเสียงดังลั่น “นายดูถูกฉัน? ฉันหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่หรือไง? ฉันถูกขนานนามว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของโลกผู้ฝึกยุทธ์ หรือนายไม่เห็น?”
หานซวี่กลอกตามองบน!
ให้ตายเถอะ นึกไม่ถึงว่าเธอจะคิดเป็นจริงเป็นจัง!
อีกอย่างฉันแค่อธิบายว่าตัวเองไม่ได้ทำเท่านั้น เธอจะโมโหอะไรขนาดนี้?
หานซวี่จนใจ แต่ฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตานับมดไป
หลี่หานซงที่อยู่ตรงข้ามเห็นแบบนั้นก็ปวดหัวอยู่บ้าง เซี่ยงไฮ้มีฉินเฟิ่งชิงที่วันๆ เอาแต่สร้างปัญหาให้จางอวี่ปวดหัว
ส่วนทางปักกิ่งก็มีตัวป่วนเช่นกัน
หลิงอีอีคือคนนั้น
ไม่ปล่อยให้เธอได้ใช้โอกาสนี้ต่อ หลี่หานซงเคาะโต๊ะเบาๆ เอ่ยปากว่า “อีอี มั่นใจหรือเปล่า?”
หลิงอีอีเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “นายคิดว่าฟางผิงเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน? แม้จะเป็นฉินเฟิ่งชิง หากก่อนหน้านี้ไม่ได้ทะลวงด่าน คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันเหมือนกัน เขาเอาชนะอวี๋เฉินยังได้รับบาดเจ็บ ฉันดูคลิปวิดีโอแล้ว ต่อสู้เหลาะแหละไร้เรี่ยวแรง อาศัยแค่เรื่องปราณถึงถ่วงเวลาเอาชนะอวี๋เฉินได้ หากไม่ใช่ว่าพวกนายให้ความสำคัญ ฉันคงขี้เกียจจะสนใจเขา เฉินชิวเฟิงและกัวซวนจะกลับมาแล้ว
คนที่ฉันอยากเอาชนะคือพวกเขาต่างหาก ผู้ฝึกยุทธ์ทหาร บางทีชั่วชีวิตนี้อาจสู้ผู้ฝึกยุทธ์จากมหาวิทยาลัยไม่ได้ แต่ช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่น มีประสบการณ์มากกว่าพวกเรา สังหารมามากกว่า พวกเขาต่างหากคือคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ”
หลี่หานซงครุ่นคิดแล้วยังเอ่ยออกไป “อย่าประมาท ฟางผิงจะเป็นเสาหลักรุ่นต่อไปของเซี่ยงไฮ้ พวกจางอวี่ ฉินเฟิ่งชิงเรียนจบแล้ว พวกเซี่ยเหล่ยอาจกำราบเขาไม่ได้เสมอไป ปรมาจารย์จางของเซี่ยงไฮ้สละชีวิตในถ้ำใต้ดิน ตอนนี้เกรงว่าเซี่ยงไฮ้คงอยากหาใครสักคนมาสร้างบารมีให้เหมือนกัน เธอเหมาะสมที่สุดแล้ว มหาวิทยาลัยยังต้องดูความสามารถของนักศึกษาเป็นหลัก พวกเราใกล้จะขึ้นปีสี่แล้ว ยังจะอยู่ในมหาวิทยาลัยได้นานเท่าไหร่กัน?”
“นักศึกษาระดับกลางก็ไม่มีฝีมือเพียงพอให้เป็นตัวแทนของนักศึกษาทั้งหมด กลับเป็นต่ำกว่าขั้นสามลงไปที่พอจะเป็นตัวแทนแสดงความสามารถได้อยู่บ้าง เข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม? นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ส่วนมากจะจบการศึกษาด้วยระดับต่ำกว่าขั้นสาม…ดังนั้นถ้าเธอแพ้ แม้จะไม่สามารถสื่อให้เห็นว่าผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามของปักกิ่งเป็นรองเซี่ยงไฮ้ แต่พ่ายแพ้ติดต่อกัน พวกเราก็ไม่อาจให้คำตอบกับมหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน การแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก่อนหน้านี้…”
หานซวี่ที่อยู่ด้านข้างกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด เขาเป็นคนนำทีมในการแข่งขันแลกเปลี่ยน ผลปรากฏว่าพ่ายให้เซี่ยงไฮ้ทั้งสองครั้ง ฟางผิงแทบไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ ขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งตั้งแต่เทอมหน้าเป็นต้นไป ปักกิ่งต้องแบ่งเงินที่ได้รับจากการจัดสรรทุกปีให้เซี่ยงไฮ้สิบเปอร์เซ็นต์
นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!
แพ้อย่างน่าอนาถ แม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะไม่มีความคิดเห็นต่อเรื่องนี้
หลิงอีอีเอ่ยอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง เบะปากว่า “ไม่แพ้อยู่แล้ว อีกอย่างพวกนายคอยดูเถอะ ฉันจะอัดหมอนั่นให้ยับ ได้ยินว่าหมอนั่นชอบต่อยตีผู้หญิง ครั้งนี้ฉันจะทำให้เขารู้ว่า ผู้หญิงไม่ได้รังแกกันง่ายๆ!”
ระหว่างที่พูด หลิงอีอียังเอ่ยต่อ “ตกลงเขาจะมาเมื่อไหร่กัน!”
เพิ่งจะพูดก็มีคนเข้ามาพอดี
“ประธาน ฟางผิงจากเซี่ยงไฮ้ส่งสาสน์ท้าประลองมาแล้ว!”
“สาสน์ท้าประลอง?” หลี่หานซงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถือว่ายังมีมารยาท ฉันได้ยินว่าตอนที่เขาไปโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งและหมู่บ้านฉางหยางพวกนั้น เดินเข้าไปอัดคนถึงหน้าประตูตรงๆ…”
“กลัวน่ะสิ!”
หลิงอีอีแค่นหัวเราะ “กลัวว่าพวกเราจะล้อมโจมตีเขา ปักกิ่งไม่ได้เหมือนสถานที่อื่น ฟางผิงจะกล้าขนาดนั้นได้ยังไง?”
หลี่หานซงกลับไม่คิดมากมาย นี่เป็นความจริงเช่นกัน
ปักกิ่งเต็มไปด้วยยอดฝีมือ ฟางผิงกล้ามาขวางหน้าประตู ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดของปักกิ่งมีเกือบยี่สิบคน ถูกจัดในร้อยอันดับแรกปาไปเจ็ดแปดคนแล้ว เยอะกว่าเซี่ยงไฮ้ซะอีก
ฟางผิงต่อสู้ทีละคน มีเวลาให้เขาได้ดื่มชารอสบายๆ ด้วยซ้ำ
เจอกับหลิงอีอีอีกที คงจะมีชีวิตรอดหรอก
ระหว่างที่หลี่หานซงครุ่นคิด หลิงอีอีก็รับสาสน์ท้าประลองมาแล้ว กวาดสายตาแวบหนึ่งก็ย่นจมูกแค่นเสียงว่า “ไอ้คนตาขาว ไม่กล้ามาปักกิ่ง นึกไม่ถึงว่าจะให้ฉันไปประลองที่สวนสนุกฮวนเล่อ!”
หานซวี่ได้ฟังก็เอ่ยอย่างแปลกใจ “สวนสนุกฮวนเล่อ? ที่นั่นคนเดินกันให้ขวัก ไม่ค่อยสะดวกมั้ง?”
“ใครจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ต่อสู้ต่อหน้าคนมากหน้าหลายตา รอเขาถูกฉันซ้อมจนลุกไม่ขึ้นแล้ว คงจะเสียใจทีหลังแน่”
หลิงอีอีไม่คิดมากเช่นกัน ไปที่ไหนล้วนเหมือนกัน เธอไม่จำเป็นใช้ความได้เปรียบเรื่องสถานที่เช่นกัน
ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าทำไมฟางผิงต้องไปต่อสู้ที่สวนสนุกฮวนเล่อ
ปักกิ่งมีสถานที่ที่เหมาะสมกับการประลองเยอะแยะ สวนสนุกฮวนเล่อไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
“ได้บอกไหมว่าเมื่อไหร่?”
“ช่วงสายของวันที่ยี่สิบห้า” หลิงอีอีกวาดสายตามอง
หลี่หานซงครุ่นคิดเล็กน้อย “ถึงเวลานั้นพวกเรายกโขยงไปกันให้หมด อีกอย่างต้องเชิญอาจารย์ไปด้วย เผื่อเซี่ยงไฮ้จะเล่นตุกติกอะไร”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
“ระวังไว้ดีกว่า ตอนนี้เซี่ยงไฮ้ร้อนใจที่จะพิสูจน์ตัวเอง เอาชนะอัจฉริยะจากปักกิ่งได้ถึงจะเป็นวิธีพิสูจน์ที่ดีที่สุด นักศึกษาที่ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสามถือกำเนิดจากเซี่ยงไฮ้ พวกนายคิดว่าหมายความว่ายังไงล่ะ ตอนนี้ยังไม่ประกาศรับนักศึกษาใหม่ แต่หากถูกโลกภายนอกยอมรับว่านักศึกษาปักกิ่งสู้เซี่ยงไฮ้ไม่ได้ ก็มีโอกาสที่อัจฉริยะบางส่วนจะเบนเข็มไปทางเซี่ยงไฮ้แทนเช่นกัน เซี่ยงไฮ้คงจะรับไว้ทั้งหมดแน่”
“งั้นก็ระวังไว้ดีกว่า…”
—
พวกเขาคิดมากไปอยู่บ้าง
เหตุผลที่ฟางผิงเลือกสวนสนุกฮวนเล่อ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเสนอราคาสูงลิ่วถึงสิบห้าล้านต่างหาก!
แน่นอนว่าเสนอเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ ออกมาเช่นกัน…ตอนที่พวกฟางผิงต่อสู้กัน อยากจะให้พนักงานบางส่วนชูธงสวนสนุกชมการประลอง ห่างออกมาหน่อยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใกล้เกินไป
สำหรับคำขอนี้ ฟางผิงไม่ได้ปฏิเสธ
ขอแค่ไม่รบกวนการต่อสู้ ลูกค้าเสนอเงื่อนไขอะไรมา เขาทำให้ได้ทั้งนั้น
รีสอร์ทที่เป่ยหูให้มาห้าล้าน
โรงแรมซีว่าง ฟางผิงเอ่ยปากขอแปดล้าน ซีว่างกรุ๊ปก็ไม่ปฏิเสธ
ทางสวนสนุกฮวนเล่อเสนอราคาออกมาสิบห้าล้าน รวมกันแล้วก็เป็นยี่สิบแปดล้าน
ฟางผิงถึงกับครุ่นคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปิดบริษัทเองด้วยซ้ำ
ท้าประลองพร้อมกับรับโฆษณาไปในตัว ได้เงินเร็วกว่าเปิดบริษัทเองซะอีก
—
วันที่ 24 กรกฏาคม ฟางผิงมาถึงปักกิ่ง
เขาเพิ่งจะเข้าพักในโรงแรมก็มีคนมาหา
ฟู่ชางติ่งและถังซงถิง สองคนนี้เป็นคนปักกิ่ง
ในห้องพัก
ฟู่ชางติ่งถอนหายใจว่า “นายท้าประลองกับหลิงอีอีได้แล้ว จะก้าวหน้าไวไปไหน หลิงอีอีแข็งแกร่งมาก ปู่ฉันยังบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม แม้จะเป็นสองคนนั้นจากหน่วยทหารอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเสมอไป”
“ปู่ของนาย?”
ฟางผิงค่อยนึกขึ้นได้ ปู่ของฟู่ชางติ่งเหมือนจะเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทั้งยังเป็นหัวหน้าแผนกอะไรสักอย่าง
ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายประมือกันครั้งนี้ อย่ามองว่าอาจารย์ทั้งสองมหาวิทยาลัยไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ความเป็นจริงพวกเขาสนใจอย่างยิ่ง ทางปักกิ่งปู่ฉันจะไปดูการต่อสู้เหมือนกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดถือเป็นยอดฝีมือของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแล้ว พันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยก็ไม่ต่างกันมาก แม้ในเซี่ยงไฮ้หรือปักกิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดที่อยู่ในการจัดอันดับต้นๆ อย่างพวกนายจะด้อยกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั่วไปอยู่เล็กน้อย แต่ยังคงได้รับความสนใจมากกว่า นายว่า พวกอาจารย์จะไม่ให้ความสนใจได้หรือไง?”
ระหว่างที่พูด ฟู่ชางติ่งยังถามว่า “ครั้งนี้ถ้านายเอาชนะหลิงอีอีได้ ก็จะทะลวงขั้นสี่แล้วสินะ?”
—————–