ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 261 ขึ้นเหนือ (1)
ตอนที่ 261 ขึ้นเหนือ (1)
เข้าสู่เดือนกรกฏาคม อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวแล้ว
ลงมาจากรถ ในละแวกชุมชนแทบมองไม่เห็นพวกคนเฒ่าคนแก่ อากาศที่ร้อนแบบนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่พวกผู้สูงอายุออกมาตั้งวงซุบซิบนินทากัน
เมืองเล็กๆ อย่างหยางเฉิงอยู่อย่างเงียบสงบเช่นนี้มาโดยตลอด
ผู้ฝึกยุทธ์ พวกลัทธินอกรีต ถ้ำใต้ดิน…
เรื่องพวกนี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับพวกชาวบ้าน เว้นเสียแต่ว่าจะมีลูกหลานที่กำลังเตรียมสอบเข้าสายศิลปะการต่อสู้
—
‘แกร็ก’
เปิดประตูห้องออกมา ในห้องนั่งเล่นฟางหยวนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เห็นฟางผิงก็รีบพูดกับปลายสายทันที “พี่ฉันกลับมาแล้ว พวกเธอจัดการเองแล้วกัน ฉันวางล่ะ!”
นับว่ายังมีมาดของลูกพี่ใหญ่
ประโยคที่ว่า ‘จัดการเองแล้วกัน’ เห็นได้ชัดว่าเป็นหัวหน้าของทั้งสามพันคน
ฟางผิงยกมุมปากขึ้น ครอบครัวของฉันอยู่ที่นี่!
บ้านและประเทศชาติ ในใจของฉันมีบ้านก่อนถึงจะมีประเทศได้ จะว่าเห็นแก่ตัวก็ดี เห็นประโยชน์ส่วนตนก็ช่าง มุมมองของทุกคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
“พี่!”
ฟางหยวนวางโทรศัพท์ ดีใจเป็นอันดับแรก ก่อนจะปั้นหน้าแข็งทื่อขึ้นมา “ฟางผิง นายยังกล้ากลับมาอีกนะ!”
ฟางผิงวางกระเป๋าลง ดึงดาบยาวที่ซ่อนไม่มิดเอาไปวางไว้อีกฝั่ง ยื่นมือทั้งสองข้างพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มาบีบแก้มหน่อย ความสุขเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ ยังให้พี่เธอไม่ได้หรือไง”
“ไม่!”
ฟางหยวนปฏิเสธทันที ฉันไม่ต้องการหน้าตาตัวเองแล้วหรือไง?
อยู่ในบ้านพอว่า ถ้านายกล้าบีบแก้มฉันข้างนอก ฉันยังจะเป็นลูกพี่ใหญ่ได้ยังไงอีก
“ยังกล้าปฏิเสธ?”
ฟางผิงหัวเราะเสียงดัง เคลื่อนฝีเท้าเล็กน้อยก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าฟางหยวนแล้ว ใช้สองมือบีบแก้มเธอ เริ่มยืดออกจากกัน
“ฟาง…ผิง!”
ฟางหยวนทำสีหน้าหงุดหงิด แก้มถูกยืดอีกแล้ว!
ฟางผิงบีบราวกับเป็นดินน้ำมัน บีบทั้งซ้ายขวาขึ้นบนลงล่างอยู่พักใหญ่ พอใจแล้วค่อยปล่อยฟางหยวน ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน
“ปิดเทอมแล้ว?”
“อืม”
ฟางหยวนยังหงุดหงิดกับตัวเอง ไม่รู้ว่าไปหยิบกระจกมาจากไหน ส่องดูแก้มของตัวเอง พอเห็นว่าบวมแดงก็โอดครวญอยู่ในใจ ฟางผิงจะทำเกินไปแล้ว!
“จวงกงถึงระดับสองหรือยัง?”
“ยัง”
ฟางผิงขมวดคิ้วทันที ตำหนิว่า “หนึ่งปีแล้ว! ตั้งแต่เดือนมิถุนาปีก่อนที่เริ่มสอนจวงกงเธอ ยืนจวงกงมาหนึ่งปีเต็มๆ เธอฝึกยังไงกัน?”
ฟางหยวนพองแก้มแก้ต่างว่า “ใกล้แล้ว อีกนิดเดียวก็จะทำได้แล้ว”
ฟางผิงถลึงตามองเธอ ก่อนจะเอ่ยว่า “เคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานฝึกหรือยัง?”
“ฝึกแล้ว ครั้งก่อนฉันเตะโซฟาขาดในครั้งเดียว เก่งหรือเปล่า…”
ฟางหยวนภูมิใจอยู่บ้าง ฟางผิงหมดคำจะพูด มีอะไรให้ภูมิใจกัน?
ไม่พูดอะไรอีก โยนยาบำรุงเลือดและปราณขวดหนึ่งให้ฟางหยวน ฟางผิงเอ่ยอีกครั้ง “ตั้งใจฝึกวิชา รีบๆ กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์”
ฟางหยวนไม่ได้สนใจยาบำรุง จู่ๆ ก็นึกอะไรได้ ละล่ำละลักว่า “ฟางผิง หลายวันก่อนนายไปไหนมา?”
“ทำภารกิจ”
“ภารกิจอะไร?”
“เธอจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้น!”
“แต่นาย…ฆ่าคนอีกแล้ว…” ฟางหยวนพองแก้ม “ทั้งยังเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก นายเพิ่งจะปีหนึ่ง ทำไมต้องไปทำภารกิจอันตรายขนาดนั้น?”
“อัจฉริยะไม่เหมือนคนทั่วไปอยู่แล้ว เธอไม่เข้าใจหรอก บางทีพี่เธออาจจะใกล้ทะลวงขั้นสี่แล้ว เธอคิดว่าฉันจะยังเหมือนคนอื่นได้อีกหรือเปล่าล่ะ?”
ฟางผิงชื่นชมตัวเอง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถอะ ไม่อันตราย บอกว่าเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก อันที่จริงฝั่งฉันก็มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกเหมือนกัน ไม่งั้นฉันจะยังยืนคุยกับเธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เด็กน้อย ตั้งใจฝึกวิชา ภารกิจแบบนี้ยังมีอีกเยอะ ครั้งนี้นับว่าใช้เวลาไม่นาน แค่สิบวัน ครั้งหน้าอาจจะหนึ่งเดือน สามเดือนหรือครึ่งปี…ฉันไม่อยู่บ้าน เธอไม่ต้องกังวล ดูแลพ่อแม่ดีๆ อย่าสร้างปัญหาให้พวกเขา”
ฟางหยวนพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
สองพี่น้องพูดคุยกันไม่กี่ประโยค หลี่อวี้อิงก็กลับมาจากจ่ายตลาด
เห็นฟางผิง หลี่อวี้อิงดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที วางของลงก่อนจะเข้ามาสำรวจเนื้อตัวของเขา ฟางผิงหลุดขำ เอ่ยอย่างจนใจ “แม่ ทำอะไรเนี่ย!”
หลี่อวี้อิงไม่พูดอะไร รอจนเลิกแขนเสื้อขึ้น เห็นแขนซ้ายของฟางผิงมีรอยแผลถูกแทงหลายแห่ง จู่ๆ ก็ร้องสะอึกสะอื้นขึ้นมาทันที
วันนั้นแขนซ้ายของฟางผิงถูกแทงทะลุหลายครั้ง เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วัน แม้ว่าบาดแผลจะปิดสนิทแล้ว แต่ร่องรอยไม่ได้หายง่ายขนาดนั้น
ฟางหยวนเพิ่งมองเห็นเหมือนกัน เดินเข้ามาดึงเสื้อของฟางผิงดูทันที
ฟางผิงรีบผลักเธอออกไป เอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “อะไรกันเนี่ย ผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ร่างกายมีบาดแผลนิดหน่อยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว มีผู้ฝึกยุทธ์คนไหนไม่มีบาดแผลบ้างกัน อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย แม่ หยุดร้องเถอะครับ คนไม่รู้ยังจะคิดว่าผมเป็นอะไรซะอีก”
“เจ้าลูกไม่รู้ความ!”
หลี่อวี้อิงตบตีฟางผิงอย่างจัดเต็ม ตีไปก็ร้องไห้ไป “ยังจะขึ้นอันดับอะไรไม่รู้อีก ไม่พอยังไปทะเลาะกับขั้นหก! เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง จะอวดเก่งอะไรหนักหนา! พวกผู้อำนวยการถานยังไม่เห็นไปตบตีกับใคร? ลูกเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง จะไปทำไมกัน! พ่อลูกก็เอาแต่ปิดบัง คิดว่าแม่ไม่รู้อะไรเลยหรือไง? ออกไปข้างนอก ไม่ว่าใครก็พูดว่าหยางเฉิงให้กำเนิดผู้มากความสามารถ ขั้นสามต่อสู้กับขั้นหก! ลูกอดทนเก่ง อดทนเก่งจริงๆ ไม่คิดบ้างว่า…ถ้าหาก…ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น? จะให้พ่อกับแม่ลูกอยู่ยังไง!”
ฟางผิงยิ้มหน้าทะเล้น “แม่ ตอนนี้ผมก็ปลอดภัยดีไม่ใช่หรือไง? อีกอย่างผู้อำนวยการถานเอามาเทียบได้ที่ไหน เขาอายุปูนนี้แล้วทั้งยังเพิ่งขั้นหนึ่ง ลูกชายแม่จะทะลวงขั้นสี่แล้ว จะเหมือนกันได้ยังไง? รออีกไม่กี่ปี ลูกชายแม่เรียนจบแล้ว อย่าพูดถึงผู้บัญชาการหยางเฉิงเลย ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลหนานเจียงก็นั่งได้สบายๆ จะยังเหมือนกันได้อีกยังไง? ถึงเวลานั้นแม่เป็นแม่ของผู้ว่าการมณฑล ผืนแผ่นดินหนานเจียงนี้ แม่อยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น…”
“ผู้ว่าการมณฑลแล้วยังไง! ผู้ว่าการมณฑลมีค่าขนาดนั้นเลยหรือไง? ผู้ว่าการมณฑลก็ต้องกินข้าวมื้อเดียวเหมือนกันนั่นแหละ!”
หลี่อวี้อิงไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย เอ่ยอย่างโมโหว่า “ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้ตบตีกับใครอีก!”
ฟางผิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แม่คิดว่าเป็นการทะเลาะตบตีของคนทั่วไปหรือไง?
แต่ในสายตาของหลี่อวี้อิง ขั้นสามและขั้นหกแตกต่างกันขนาดไหน เกรงว่าจะไม่รู้ถึงขนาดนั้นจริงๆ
เมืองที่ใหญ่อย่างหยางเฉิง ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่รู้จักมีแค่ไป๋จิ่นซานเท่านั้น
ชั่วชีวิตนี้พวกหลี่อวี้อิงแทบไม่เคยเห็นการต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามมาก่อน ส่วนการที่ลูกชายกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม เธอแค่พอมีภาพในหัวเท่านั้น ขั้นสามแข็งแกร่งขนาดไหน ขั้นหกแข็งแกร่งมากเพียงใด เกรงว่าแทบจะไม่รู้อะไรเลย
ส่วนเรื่องฆ่าคนนั้น หลี่อวี้อิงไม่ได้เอ่ยถึง ในใจนั้นหวาดผวา กลับกลัวลูกชายจะตื่นตระหนกมากกว่า กลัวว่าเอ่ยเรื่องพวกนี้ต่อหน้าลูกชายจะก่อให้เกิดความทรงจำที่ไม่ดี
ในสายตาของเธอ ลูกชายนั้นเป็นเด็กดีเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย หากไม่ใช่ว่าถูกคนอื่นบีบบังคับ ลูกชายคงฆ่าคนไม่ได้อยู่แล้ว
ทางการก็บอกแล้ว พวกนั้นคือผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต คนของลัทธินอกรีตต้องเป็นคนเลวอย่างแน่นอน
—
ถูกแม่สั่งสอนไปชุดใหญ่ ฟางผิงไม่ใส่ใจเช่นกัน
ปรากฏว่าฟางหยวนยังเท้าเอวจะสั่งสอนเขาด้วยอีกคน ฟางผิงไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิกแก้มที่ยังบวมเป่งของเธอต่อ เจ้าเด็กนี้จะเหิมเกริมไปแล้ว ใครใช้ให้เธอกล้ามาสั่งสอนพี่ตัวเองกัน?
ฟางหยวนถูกดึงแก้มจนน้ำตาแทบไหลออกมา เจ้าบ้าฟางผิงจะทำเกินไปแล้ว!
—
ห้องออกกำลังกาย
ฟางหยวนฝึกเคล็ดวิชาหมัดพื้นฐานโดยมีฟางผิงคอยชี้แนะอยู่ “วันหลังอย่าฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ต่อหน้าคนอื่น ทั้งห้ามบอกว่าเธอฝึกถึงขั้นไหนแล้ว รู้จักถ่อมตัวหน่อย ฉันชอบอวดตัว แต่เธอต้องถ่อมตัว อยู่ต่อหน้าคนอื่นทำตัวเป็นคุณหนูก็ดี เจอกับคนเลว อย่าใจอ่อน หากฆ่าเขาได้ก็อย่ายั้งมือเด็ดขาด! ช่วงนี้หนานเจียงมีผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตค่อนข้างเยอะ ใช้ไหวพริบหน่อย”
เพราะถ้ำใต้ดินของหนานเจียงกำลังจะถูกเปิด แม้ว่าครั้งก่อนจะถูกล้อมกำราบไปครั้งหนึ่ง สังหารผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหมดไปแล้ว
ตอนนี้คนพวกนี้กระจัดกระจายเคลื่อนไหวอยู่ในหนานเจียง
ปรมาจารย์เฒ่าที่นั่งรักษาการณ์เขตทางใต้ของเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้มาพำนักอยู่ในหนานเจียงก็เพื่อกำจัดพวกลัทธินอกรีตให้สิ้นซาก
พวกฟางผิง แม้ว่าตอนนี้จะมีชื่อเสียงแล้ว ได้รับตำแหน่งฐานะในสังคม แต่ก็หมายความว่ามีความเสี่ยงมากด้วยเช่นกัน
พวกเขาเองยังพอว่า กลัวก็แต่จะเกิดเรื่องกับครอบครัว
นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถือเป็นกำลังหลักในการกำราบพวกลัทธินอกรีตเช่นกัน ก่อนหน้านี้ฟางผิงสังหารผู้นำลัทธิขั้นสามสูงสุดอาจมีข่าวเล็ดลอดออกไป แม้ว่าจะไม่ได้รายงานผลการรบว่าเป้าหมายที่สังหารเป็นใครก็ตาม
พวกลูกศิษย์ของผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตพวกนั้นไม่ตามคิดบัญชีกับฟางผิง แต่พุ่งเป้าไปที่ครอบครัวเขาแทน นั่นก็อันตรายแล้ว
“ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต?”
ฟางหยวนไม่กลัว เอ่ยอย่างโมโหอยู่บ้าง “ถ้าฉันเจอจะฆ่าเขาให้ตาย!”
ตอนนี้ข่าวข้างนอกล้วนพูดว่า คู่ต่อสู้ที่พวกฟางผิงสังหารล้วนเป็นพวกลัทธินอกรีต
ในสายตาของเด็กสาว คนพวกนั้นกล้ามารังแกพี่ชายของเธอ งั้นถ้าเจอก็ต้องฆ่าเขาให้ตายเท่านั้น!
ฟางผิงตบหัวเธอไปที เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ตัวแค่นี้ ให้มันน้อยๆ หน่อย เจอคนอื่นเขาก็ถูกซัดตายในฝ่ามือเดียวได้แล้ว!”
ระหว่างที่พูด จู่ๆ ฟางผิงก็เตะดับเบลขึ้นมาในอากาศ ยื่นมือรับไว้ ก่อนจะบิดออกสุดกำลัง
‘แกร็ก’ แท่งเหล็กตรงกลางถูกฟางผิงหักออกมาทันที!
ฟางหยวนอ้าปากค้างด้วยสีหน้าตกตะลึง
———————–