ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 225 ทะลวงพลังจิตใจ (1)
ตอนที่ 225 ทะลวงพลังจิตใจ (1)
ห้องฝึกวิชา
ฟางผิงถอดเสื้อออก ก่อนจะจัดท่าเข้าสู่สภาวะจวงกง ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย ปราณปะทุออกมาทั่วร่าง
ทรัพย์สิน : 30,000,000
ปราณ : 869 แคล (869 แคล)
จิตใจ : 499 เฮิรตซ์ (499 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 151 ชิ้น (90%) , 26 ชิ้น (35%-70%) , 29 ชิ้น (30%)
กระดูกแขนขา ซี่โครงและกระดูกอกหลอมหมดแล้ว กระดูกสันหลังยี่สิบหกชิ้นกลับไม่ได้หลอมเสร็จสักชิ้น
ไม่ค่อยมีคนทำเหมือนฟางผิงเท่าไหร่ ไม่ได้หลอมกระดูกเป็นชิ้นๆ ไป แต่หลอมแยกอย่างกระจัดกระจาย
รวมถึงก่อนหน้านี้ที่ฟางผิงตัดสินใจว่าจะหลอมกระดูกสันหลังให้สำเร็จภายในครั้งเดียว
คล้อยหลังจากที่ร่างกายสั่นไหว ก็เริ่มต้นโคจรเคล็ดวิชาหลอมกระดูก ร่างกายท่อนบนของฟางผิงปรากฏเส้นเลือดนูนให้เห็นอย่างชัดเจน บวมเป่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เริ่มแล้ว!”
ฟางผิงพึมพำ เริ่มรวบรวมปราณไปที่กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อด้านหลังขยายใหญ่ขึ้นมาอย่างชัดเจน
—
ด้านนอกประตู
ตาเฒ่าหลี่กอดอก ขยี้ผมสีดอกเลา ขมวดคิ้วว่า “เจ้าเด็กนี่น่าสนใจไม่น้อย นอกจากจะแยกหลอมกระดูกแล้ว เขายังจะหลอมกระดูกสันหลังในครั้งเดียว!”
หลู่เฟิ่งโหรวกลับขมวดคิ้วแน่น เผยน้ำเสียงเยือกเย็น “พวกเหลวไหล ชอบก่อเรื่อง!”
แยกหลอมกระดูกทีละชิ้นไม่ได้อันตรายมาก
คิดจะหลอมกระดูกสันหลังในครั้งเดียว หากระหว่างทางดึงปราณออกมาไม่ทัน กระดูกสันหลังอาจจะได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
อันที่จริงประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ แต่เป็นการแบกรับภาระเกินไป
หลอมกระดูกทั้งยี่สิบหกชิ้นในครั้งเดียว ทุกวินาทีปราณของฟางผิงจะลดอย่างฮวบฮาบ
“เขาทำแบบนี้ ปราณของเขาจะประคองได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
อู๋ขุยซานเอ่ยอย่างเย็นเยียบ “ใจร้อนไปทำไม ดูก็จะรู้เอง เจ้าเด็กนี่อยู่หนานเจียง ระเบิดปราณเกินกว่าหมื่นแคล น่าจะมั่นใจอยู่บ้างถึงได้ทำอย่างนี้”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ “ราชสีห์ถังมองออกหรือเปล่า? ระหว่างทางเขาใช้ยาบำรุงไปหรือยัง? เมื่อกี้ฉันดูแล้ว เขาไม่ได้พกยาบำรุงอะไรมาด้วย ในร่างกายไม่มีร่องรอยการกักตุนปราณเช่นกัน…”
เธอเอ่ยถึงฟางผิง อันที่จริงก็เป็นการหยั่งเชิงอย่างหนึ่ง
ปรากฏว่าแม้ปราณฟางผิงจะไม่อ่อนด้อย แต่ยังคงสู้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดไม่ได้อยู่ดี
ไม่มียาบำรุง หรือจะอาศัยการผลิตปราณด้วยตัวเองจริงๆ?
ในเวลานี้จู่ๆ อู๋ขุยซานก็เอ่ยขึ้น “เขากำลังใช้พลังจิตใจจับอนุภาคพลังงาน!”
“หืม?”
หวงจิ่งรีบหันไปมอง หลู่เฟิ่งโหรวก็รวบรวมสมาธิขึ้นมาเช่นกัน
ส่วนตาเฒ่าหลี่และซ่งอิ๋งจี๋ ทั้งสองคนประสานสายตากันต่างเผยสีหน้าจนใจ พวกเขามองไม่เห็น!
—
ตอนนี้ฟางผิงกำลังใช้พลังจิตใจจับอนุภาคพลังงานที่กระจัดกระจาย
ภายในห้องฝึกวิชามีอนุภาคพลังงานที่หินพลังงานปลดปล่อย ยิ่งทำให้คนสัมผัสได้ง่ายกว่า
ฟางผิงใช้ปราณหลอมกระดูก พร้อมทั้งใช้พลังจิตใจรวบรวมสมาธิไล่จับอนุภาคพวกนี้
คนที่ไม่อาจรับรู้ถึงพลังจิตใจและไม่สามารถปลดปล่อยออกไปได้ คงสัมผัสถึงอนุภาคพลังงานพวกนี้ไม่ได้ มีเพียงพลังจิตใจเท่านั้นที่จะรับรู้ได้
ฟางผิงเคลื่อนไหวพลังจิตใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะเป็นแบบนี้ ยังคงสามารถรับรู้ถึงอนุภาคที่ท่วมท้นภายในห้องฝึกวิชาได้
อันที่จริงตอนนี้ฟางผิงทราบเหมือนกว่าปัญหาของตัวเองไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
แม้พวกหลู่เฟิ่งโหรวจะเผยท่าทีใจกว้าง ไม่สนใจว่าเขาซ่อนความลับอะไรไว้
แต่การเปิดเผยความลับผ่านสายตาของทุกคนเช่นนี้ ยังคงทำให้ฟางผิงใจเต้นตึกตัก พะว้าพะวงอยู่ตลอด
ตอนนี้ฟางผิงลองใช้พลังจิตใจจับอนุภาคพวกนี้ก็เพื่อพิสูจน์ต่อโลกภายนอกว่าเขาสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้จริงๆ
จากการใช้พลังจิตใจจับกุมอนุภาคพลังงานที่ไร้รูปร่าง พลังจิตใจของฟางผิงก็ลดหลั่นอย่างรวดเร็ว
เห็นพลังจิตใจลดจากสี่ร้อยเก้าสิบเก้าเฮิรตซ์ตกมาอยู่ที่สี่ร้อยห้าสิบเฮิรตซ์ ฟางผิงจึงกัดฟัน ฟื้นฟูพลังจิตใจให้เต็มอย่างรวดเร็ว
ทว่าพลังจิตใจที่สิ้นเปลืองอย่างไม่ลดละ กลับไม่อาจเคลื่อนไหวอนุภาคพวกนี้ได้
“พลังจิตใจอ่อนเกินไป!”
ฟางผิงสัมผัสได้ จู่ๆ ก็ตัดสินใจ รวบรวบสมาธิคิดในใจ ‘เพิ่มพลังจิตใจ!’
ตั้งแต่ระบบมีการจำกัดตัวเลข ฟางผิงก็ไม่เคยใช้วิธีฝืนเพิ่มปราณและพลังจิตใจของตัวเองอีกเลย
เพราะฟางผิงอยู่ว่ามีการจำกัดนั่นก็หมายถึงขีดจำกัดของตัวเอง
หากเกินขีดจำกัด ฟางผิงกังวลมาตลอดว่าร่างกายตัวเองจะระเบิด
แต่ครั้งนี้ฟางผิงกลับตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ฝืนเพิ่มพลังจิตใจ!
ขอแค่พลังจิตใจสามารถเคลื่อนไหวอนุภาคพลังงานได้ เขาก็จะมีข้ออ้างพิสูจน์ปัญหาฟื้นฟูปราณของตัวเอง
อาศัยแค่การปิดบัง เมินเฉย ทำเหมือนเป็นใบ้จากพวกอาจารย์ นี่ทำให้ฟางผิงยากจะรับได้
เขาไม่อยากเหมือนคนโง่ เห็นได้ชัดว่าทุกคนรู้ว่าเขามีปัญหา แต่แค่ไม่พูด!
เขาเองก็แสร้งทำเป็นโง่เช่นกัน นี่ทำให้ฟางผิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก
ทุกคนต่างรู้ดี แต่ยังจงใจแสดงละครไปกับเขา ตัวเขาเองยังต้องจงใจทำเป็นว่าทุกคนไม่รู้…
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ฟางผิงไม่อาจบรรยายออกมาได้
ตอนที่ฟางผิงรวบรวมสมาธิเพิ่มขีดจำกัดของพลังจิตใจ กระดานระบบด้านหน้า เดิมทีขีดจำกัดพลังจิตใจอยู่ที่สี่ร้อยเก้าสิบเก้าเฮิรตซ์ จู่ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น…
พร่ามัวก่อนจะเปลี่ยนเป็นชัดเจน ไม่นานก็เปลี่ยนจากสี่ร้อยเก้าสิบเก้าเป็นห้าร้อยเฮิรตซ์
ชั่ววินาทีที่พลังจิตใจเปลี่ยนเป็นห้าร้อยเฮิรตซ์ ฟางผิงรู้สึกว่าสมองกำลังจะระเบิด!
‘ปัง!’
เสียงดังขึ้นในสมอง สติของฟางผิงค่อยๆ เลือนรางคล้อยตามเสียงระเบิดนั้น…
—
ด้านนอกประตู
อู๋ขุยซานสีหน้าเปลี่ยนทันที ตะโกนว่า “เปิดประตู!”
ซ่งอิ๋งจี๋เปิดประตูห้องฝึกวิชาอย่างรวดเร็ว
อู๋ขุยซานพุ่งเข้าไปทันที หวงจิ่งตามไปติดๆ ทั้งสองคนจ้องมองใบหน้าฟางผิงที่บิดเบี้ยว
อู๋ขุยซานไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ปลดปล่อยพลังจิตใจเพื่อรับรู้ ก่อนจะเอ่ยว่า “เหลวไหล! นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
หวงจิ่งขมวดคิ้วเช่นกัน ส่ายหัวว่า “ไม่แน่ใจ เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
ทั้งสองคนต่างพูดได้ไม่เต็มปาก หลู่เฟิ่งโหรวใช้พลังจิตใจสัมผัสเช่นกัน ผ่านไปสักพักก็เผยสีหน้าดำคล้ำ “พวกคุณเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างร้อนใจ “ตกลงเกิดอะไรขึ้น?”
อู๋ขุยซานสูดลมหายใจ เอ่ยว่า “ไม่ค่อยแน่ใจ เดิมทีพลังจิตใจของเขาก็ถึงขั้นพอสัมผัสได้เท่านั้น สถานการณ์แบบนี้ไม่อาจจับอนุภาคพลังงานได้อยู่แล้ว แต่เมื่อกี้จู่ๆ เหมือนว่าเขาจะทะลวงพลังจิตใจเพิ่มขึ้นมาช่วงหนึ่ง…พูดได้ว่าทะลวงอย่างกะทันหัน แต่เขายังไม่เคยรับพลังจิตใจถึงขั้นนี้มาก่อน ทะลวงอย่างฉับพลัน พลังจิตใจกระจัดกระจาย อาจจะพุ่งชนทำลายสติสัมปชัญญะของเขา…”
หวงจิ่งเอ่ยอย่างปวดหัวว่า “พูดง่ายๆ คือสติสัมปชัญญะของเขาถูกพลังจิตใจตัวเองโจมตีกระจัดกระจาย หากไม่กู้คืนมา…งั้นก็เท่ากับสมองตาย!”
หลู่เฟิ่งโหรวกัดฟันเอ่ยอย่างโมโหว่า “ไอ้บ้าเอ้ย!”
ระหว่างที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวตบกับกำแพงอย่างแรง ทั่วทั้งห้องฝึกวิชาสั่นไหวขึ้นมา
สูดสมหายใจลึกๆ แล้ว หลู่เฟิ่งโหรวก็มองไปยังปรมาจารย์ทั้งสองคน “ตอนนี้จะทำยังไงดี?”
อู๋ขุยซานจมดิ่งในความคิด เอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันจะเป็นคนช่วยนำทาง กลัวแค่ว่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ ตามหลักแล้วพลังจิตใจไม่อาจรับขีดจำกัดที่เกินกว่าร่างกายได้ หากเป็นแบบนั้นจริงๆ คงไม่เรียกว่าทะลวง แต่เรียกว่าเหนือกว่าควบคุม เจ้าเด็กนี่…ตกลงเกิดอะไรกันแน่!”
ตอนนี้อู๋ขุยซานไม่เข้าใจอยู่บ้าง ว่าตามเหตุผล หากฟางผิงทำถึงขั้นนั้นไม่ได้จริงๆ งั้นคงไม่อาจทะลวงพลังจิตใจได้
แต่เขากลับทะลวงแล้ว!
นี่เป็นข้อขัดแย้งที่ใหญ่อย่างหนึ่ง!
เหมือนกับเห็นได้ชัดว่าคุณยกหินหนักห้าร้อยกิโลกรัมไม่ได้ แต่คุณกลับยกมันขึ้นได้ ทั้งยังทำให้ทับตัวเองตาย ทำให้คนรู้สึกไร้เหตุผลอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้ร่างกายของฟางผิงเกิดเรื่องไร้เหตุผลเช่นนี้ขึ้นแล้ว
ทะลวงพลังจิตใจของตัวเอง กลับทำให้สติสัมปชัญญะของตัวเองกระจัดกระจาย นี่ไร้เหตุผลสิ้นดี สูญเสียการควบคุมก็ไม่อาจทำให้พลังจิตใจเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นได้
แม้อู๋ขุยซานจะพูดแบบนั้น แต่ยังคงเริ่มใช้พลังจิตใจของตัวเองช่วยรวบรวมพลังจิตใจที่กระจัดกระจายของฟางผิง
คล้อยหลังจากความช่วยเหลือของเขา พลังจิตใจของฟางผิงก็ค่อยๆ เกาะตัวเข้าด้วยกัน
อู๋ขุยซานถอนหายใจเบาๆ หวงจิ่งที่อยู่ด้านข้างอธิบายแทนทุกคนว่า “สติสัมปชัญญะไม่ได้ถูกโจมตีไปทั้งหมด ฟางผิงยังหลงเหลือสติอยู่บ้าง กำลังเก็บสติคืนกลับมาพร้อมกับความช่วยเหลือของเหล่าอู๋”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยทันที “หมายความว่าไม่เป็นไรแล้ว?”
“ไม่รู้ ใจเย็นๆ กันก่อน ตอนนี้ต้องดูที่เขาเองเป็นหลัก…”
ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วว่า “คุณหมายความว่าดูจากความยึดติดของเขาหรือจะพูดว่าแรงขับเคลื่อนของเขา?”
“ใช่”
———————–