ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 208-2 โจมตีกลางดึก (2)
ตอนที่ 208 โจมตีกลางดึก (2)
ฟางผิงนิ่งไปเล็กน้อย กู้สยงเอ่ยเสียงเบาว่า “ใช่ ความจริงก่อนหน้านี้ทุกคนไม่ได้พูดถึง ฉันอยากจะพูดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นทุกคนรีบแยกย้ายกันเร็วเกินไป ฉันเลยไม่ได้พูดขึ้นมา การลอบโจมตีค่ายมีโอกาสเกิดสูง แม้ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตพวกนั้นจะคาดไม่ถึง พวกอาจารย์ของเราก็อาจจะให้บทเรียนกับพวกเราเช่นกัน ในหน่วยทหารและถ้ำใต้ดิน ผู้ฝึกยุทธ์ต่างต้องถ่างตานอนหลับ พวกเรานั้นหละหลวมเกินไป ฝีมือนายไม่ได้อ่อนด้อย ทั้งมาจากหนานเจียงเหมือนกัน พวกเราไปเฝ้ายามสักหน่อย แม้จะไม่เจอใครลอบโจมตี แต่ฝั่งอาจารย์จะได้แบ่งคะแนนให้มากหน่อย ประธานบอกว่าช่วงเวลาสำคัญให้ลากนายไปด้วยกันได้”
“ประธานของพวกนาย?”
“ใช่”
“พี่หวังแกล้งฉันหรือประเมินฉันสูงไปกันแน่?”
ฟางผิงพูดแขวะออกไป ครุ่นคิดแล้วก็หยัดตัวขึ้น “ได้ นายพูดมีเหตุผลเหมือนกัน พวกเราออกไปเดินดูรอบๆ กัน”
“พวกเราจะไปด้วย”
ฟางผิงมองพวกฟู่ชางติ่งไปแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าว่า “ไปสิ ถ้าเจอปัญหาจริงๆ พวกนายจะได้มาเรียกคนด้วย”
—
พวกเขาเดินออกจากฐานทัพมาจนถึงหน้าประตูทางเข้า
หามุมลับตาคน ก่อนฟางผิงจะนั่งลง ถามว่า “นายเคยไปถ้ำใต้ดินมาก่อน?”
กู้สยงไม่ได้นั่ง มองสำรวจไปรอบทิศทาง ตอบว่า “เคยไปครั้งหนึ่ง”
“รู้สึกยังไงบ้าง?”
“น่าสลดใจ”
“หืม”
“ครั้งก่อนที่ฉันไปเป็นการต่อสู้ระหว่างสองกองทัพพอดี สงครามอาวุธเย็นขนาดใหญ่ที่แท้จริง! บาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ผู้บัญชาการใหญ่ตงหลินถือหอกขึ้นไปเป็นแนวหน้าด้วยตัวเอง เกรงว่านายคงจะคาดไม่ถึง คุณลุงที่ดูสุภาพเรียบร้อยขนาดนั้น พออยู่ในสนามรบกลับฉีกร่างของอีกฝ่ายทั้งเป็น! เวลานั้นฉันค่อยเข้าใจว่าบัญชีแค้นของพวกเราและพวกใต้ดิน ถูกกำหนดให้ไม่มีวันเลิกราได้ตั้งนานแล้ว อยู่บนโลกผู้บัญชาการใหญ่ตงหลินอาจจะดูแลประชาชนเหมือนลูก แต่ในถ้ำเขายินดีที่จะเป็นปีศาจร้ายในสายตาพวกนั้น สังหารอย่างเหี้ยมโหด”
กู้สยงพูดด้วยความเรียบนิ่ง เอ่ยต่อว่า “ภายหลังฉันเข้าร่วมสงครามเช่นกัน ฆ่าคนไปมากมาย รวมถึงคนธรรมดาและทหารในถ้ำ ฟางผิง สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีวันจบสิ้นเช่นนี้! ในถ้ำใต้ดินสิ่งที่ไม่สมควรที่สุดคือความเมตตา”
ฟางผิงเบะปาก “ฉันรู้”
“นายไม่รู้”
กู้สยงส่ายหัว “สงครามของมนุษย์และพวกถ้ำใต้ดิน บางครั้งอาจทำให้คนสับสน อย่างเช่นมนุษย์ก็สามารถสังหารคนในหมู่บ้านของพวกถ้ำ บั่นคอทารกที่ยังอยู่ในผ้าอ้อม นายลองคิดดู นายทำอย่างนั้นได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ค่อยๆ ดูกันไป หากถึงเวลานั้นจริงๆ ฉันก็ไม่ใจอ่อนเหมือนกัน!”
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
กู้สยงเอ่ยต่อ “ดังนั้นเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต พวกเราต้องปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนสิ่งมีชีวิตในถ้ำ สังหารให้หมดสิ้น! พรุ่งนี้อาจจะเจอคนธรรมดาบางส่วน ถึงกระทั่งเป็นหญิงชราหรือเด็กน้อย แต่ถ้าถึงเวลานั้นพวกเขายังเลือกอยู่กับพวกนอกรีต นั่นถือเป็นการจงรักภักดีของพวกเขา ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตไม่อาจพาผู้ติดตามครึ่งๆ กลางๆ พวกนี้หนีไปตลอดหรอก นายเข้าใจความหมายของฉันใช่หรือเปล่า?”
“อืม”
ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตถูกหน่วยทหารหนานเจียงและพวกปรมาจารย์บีบบังคับให้หนีมาที่นี่ หากไม่ใช่ผู้ติดตามที่คลั่งไคล้ลัทธิจริงๆ คงถูกพวกเขาทิ้งไปนานแล้ว
ผู้ติดตามที่บ้าคลั่งงมงายไม่เหมือนคนอื่น ดังนั้นจึงถูกดึงตัวไว้
ตอนนี้พวกที่ปะปนกับผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตล้วนเป็นผู้ติดตามที่ถูกล้างสมองมาหลายปี
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน คนอื่นๆ ก็เงี่ยหูฟังเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก กู้สยงกลับเอ่ยว่า “เหมือนจะได้ยินเสียง”
ฟางผิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเหมือนกัน ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
รอจนเสียงเข้ามาใกล้ ฟางผิงก็กระซิบว่า “เป็นเหมือนที่นายเดาไว้จริงๆ พวกคนด้านหน้านั้นมาจากหน่วยทหารหรือมหาวิทยาลัย?”
“หน่วยทหาร”
“โหดร้ายจริงๆ นี่คือจะสร้างบทเรียนให้พวกเราจดจำสินะ”
ชั่วพริบตานั้นฟางผิงก็คาดเดาความตั้งใจของหน่วยทหารได้ทันที พวกนายไม่อยู่เวรยามกันใช่ไหม?
งั้นได้ ครั้งนี้จะถูกคนลอบโจมตีค่าย ครั้งหน้าจะได้จำเป็นบทเรียน!
ส่วนบาดเจ็บหรือตายคงไม่เยอะเท่าไหร่
ผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยที่อยู่ตรงนี้ต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสาม ขอแค่ค้นพบผู้บุกรุก ไม่นานก็จะมีปฏิกิริยา โจมตีกลับอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ว่าจะยังไง หากถูกคนลอบเข้ามาในค่ายอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งเป็นมือสังหารที่มีฝีมือสูง คงไม่ได้บาดเจ็บล้มตายกันน้อยๆ แน่
—
“ทหารรับใช้พวกนี้เห็นพวกเราเป็นหินทดลอง!”
ด้านหน้าค่ายมีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนมารวมตัวกันอย่างช้าๆ เอ่ยเสียงเบาว่า “ถึงจะมองออก แต่เรื่องมาถึงตรงนี้หนีออกไปจากวงล้อมไม่ได้ ฆ่าคนหนึ่งเพื่อชดใช้คนหนึ่งแล้วกัน พวกเขาอยากใช้เราเป็นหินทดลองเองนี่? เติมเต็มความปรารถนาให้พวกเขาสักหน่อย ไม่รู้ว่าพวกสุนัขรับใช้ในค่ายนี้จะเป็นคนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หรือผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมที่ถูกรังแกเหมือนพวกเรา…”
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ฆ่า! เข้าไปก็ฆ่า เจอใครก็ฆ่าเท่านั้น!”
พวกเขาปรึกษากันเงียบๆ ส่วนเรื่องเป็นหรือตายนั้น…
ถูกล้อมไว้ที่นี่ตั้งนานแล้ว ไม่เหลือทางรอดอะไรอีก พวกเขารู้แล้วว่าความตายเท่านั้นถึงจะเป็นปลายทางเพียงอย่างเดียวของพวกเขา
แต่หลายคนยังเชื่อมั่นว่า แม้จะตายก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า!
อุทิศชีวิตเพื่อการรวมโลก!
เมื่อวันที่โลกรวมกันมาถึง พระศาสดาจะรวบรวมทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียว ถึงเวลานั้นบางทีพวกเขาอาจจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
สิ่งมีชีวิตใต้ดินสามารถคืนชีพใหม่ พวกเขามีพระศาสดาของโลก ก็ต้องทำได้เหมือนกัน
ความตายนั้นไม่น่ากลัว!
ระหว่างที่พวกเขาปรึกษากัน ผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหารด้านหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
พวกผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตไม่ตกใจเช่นกัน คนพวกนี้น่าจะรอดูผลงานอยู่ด้านนอกเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นหัวหน้าเผยรอยยิ้มออกมา “ฆ่าได้มากเท่าไหร่ก็เท่านั้น ในไม่ช้าฉันจะกลับไปสู่โลกที่แท้จริงเช่นกัน!”
สามคนที่อยู่ด้านหลังพยักหน้าอย่างแน่วแน่!
เรื่องฟื้นคืนชีพเป็นสิ่งที่พวกเขามั่นใจ!
ครู่ต่อมาทั้งสี่คนก็มุ่งหน้าเข้าไปใกล้ค่ายทหารอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่คนเหล่านั้นอยู่ห่างจากค่ายไม่ถึงสิบเมตร จู่ๆ คนที่อยู่ท้ายสุดก็รู้สึกขนหัวลุก ด้านบนมีเสียงลมหอบพัดอย่างรุนแรง
“มีคน!”
‘ฉับ!’
ฟางผิงที่อยู่กลางอากาศชักดาบฟันอีกฝ่ายขาดเป็นสองท่อน
สภาวะยืนว่างเปล่า นั่นสามารถยืนกลางอากาศได้จริงๆ!
“ปรมาจารย์…ไม่สิ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขั้นสภาวะว่างเปล่า!”
สามคนด้านหน้าได้ยินเสียงเช่นกัน รีบลากระยะห่างออกมา ฟางผิงรวบรวมสมาธิลงสู่พื้นดิน
“ขั้นสามสี่คน ความสามารถยังมองไม่ออก ไม่สิ…ตอนนี้เหลือสามคนแล้ว!”
ฟางผิงหัวเราะ เอ่ยว่า “หัวหน้ายกให้ฉัน ที่เหลือนายแบ่งกันเอง”
สิ้นเสียงของเขา ฟางผิงก็บุกจู่โจมคนที่เป็นหัวหน้าทันที
ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตสามคนคิดจะล้อมโจมตีฟางผิง เสี้ยวนาทีต่อมา เงาของกู้สยงก็ปรากฏขึ้นขัดขวางไว้หนึ่งคน
ฟู่ชางติ่ง จ้าวเหล่ย ถังซงถิงและคนอื่นๆ ปรากฏตัวสกัดอีกคนไว้อย่างว่องไวเช่นกัน
“ฆ่า!”
ทั้งสามคนตะโกนเสียงดัง ไม่มีใครหวั่นเกรงต่อความตาย เริ่มต่อสู้ประชิดตัวกับพวกฟางผิงทันที
ฟางผิงฟันดาบลงไป อีกฝ่ายก็กวาดดาบออกมาเช่นกัน แรงปะทะดังไปทั่วค่ายทหาร ด้านในได้ยินเสียงตะโกนของพวกนักศึกษาแล้ว
“ขั้นสามตอนกลาง!”
ฟางผิงเผยแววตาหนักแน่นขึ้นมา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พบเจอผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันหลังจากเข้าสู่ขั้นสาม แต่ปราณของอีกฝ่ายยังต่ำกว่าตัวเองอยู่ไม่น้อย
‘เคร้ง…’
เสียงโลหะกระทบกันไม่หยุดหย่อน ภายใต้ความมืดมีประกายไฟเกิดขึ้น เปิดเผยใบหน้าของอีกฝ่ายให้เห็นซึ่งกันและกัน
“มีฝีมือก็แสดงออกมาให้ดู!”
ฟางผิงพูดยั่วยุอีกฝ่าย ปรากฏว่าเพิ่งจะยั่วโทสะ อีกฝ่ายกลับพุ่งหมัดตรงมาที่หน้าอกอย่างรวดเร็ว
ปราณทั่วร่างนั้นกลอกกลิ้งไปทั่ว ครู่ต่อมาดาบใหญ่ในมืออีกฝ่ายก็ฟันเข้ามาหาฟางผิงราวกับสายฟ้าฟาด
ฟางผิงอยากจะถอยหลัง แต่ไม่นานก็เผยใบหน้าจริงจัง คำรามเสียงดัง เหวี่ยงดาบฟันออกไปแทน!
‘เคร้ง!’
เสียงกระทบระลอกใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง แขนของฟางผิงสั่นเทา รู้สึกแน่นที่อก อดกระอักเลือดออกมาไม่ได้
“ยังมีฝีมือจริงๆ ด้วย”
ฟางผิงก่นด่า ไม่ชักช้าอีกเช่นกัน ดาบยาวเหลือเพียงเงากลางอากาศ
ฝีเท้าแตะขึ้นในอากาศหนึ่งก้าว ร่างอยู่สูงขึ้นไปหนึ่งช่วงตัว ฟันลงมาจากด้านบนไม่ยั้ง!
ฟางผิงที่อยู่สภาวะว่างเปล่าถือครองความได้เปรียบ ฟันติดต่อไปหลายครั้ง อีกฝ่ายไม่อาจถอยหนี ทำได้เพียงป้องกันเท่านั้น
เสียง ‘เคร้งๆ’ ดังขึ้นไม่ขาดสาย หัวหน้าพวกนอกรีตคนนั้นแทบจะลืมไปแล้วว่าฟางผิงฟันดาบออกมากี่ครั้ง
สุดท้ายเสียง ‘ฉับ’ ก็ดังขึ้นแผ่วเบา ก่อนภาพเบื้องหน้าของหัวหน้าผู้ฝึกยุทธ์จะดำวูบไป เห็นเพียงประกายแสงสีแดงจากดาบเท่านั้น
“แปดร้อยแคล แปดแสน!”
สติเฮือกสุดท้ายกลับได้ยินประโยคนี้ เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ฟางผิงเก็บดาบ ถอนหายใจออกมา ไม่เข้าใจไม่เป็นไร
ครั้งนี้ตัวเองสิ้นเปลืองปราณไปแปดร้อยแคล เสียค่าทรัพย์สินแปดแสน คนพวกนี้ไม่ได้ช่วยล้อมฆ่าสักหน่อย สินสงครามคงนับว่าเป็นของตัวเองสินะ?
—————