ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 199 วิชาความรู้ทั่วไปของถ้ำใต้ดิน (1)
ตอนที่ 199 วิชาความรู้ทั่วไปของถ้ำใต้ดิน (1)
เรื่องของคืนวาน พอล่วงสู่วันต่อมา ทั้งมหาวิทยาลัยต่างก็รู้ทั่วกัน
มาถึงห้องในตอนกลางวัน แววตาของนักศึกษาทั้งคลาสต่างแปลกๆ ไปอยู่บ้าง
“ขั้นสาม!”
ยังไม่ทันจบปีหนึ่ง ฟางผิงกลับเข้าสู่ขั้นสามแล้ว ความเร็วเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆ
ทั้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ไม่ได้มีขั้นสามเยอะเท่าไหร่
รอเทอมนี้สิ้นสุด พวกที่อยู่ปีสี่จบการศึกษาแล้ว คงจะเหลือน้อยลงไปอีก
ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามหลายคนต่างเป็นนักศึกษาปีสี่ ไม่ใช่แค่เซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็เหมือนกัน
ภาคเรียนจบลง แต่ละมหาวิทยาลัยจะตกสู่ช่วงที่ต่ำที่สุดอยู่ระยะหนึ่ง
เวลานั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่มีอย่างจำกัดและผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของเซี่ยงไฮ้จะมีไม่ถึงห้าสิบคนเท่านั้น
รอจนปีหน้า จำนวนถึงจะเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
พูดอีกนัยหนึ่ง เมื่อถึงเทอมถัดไป ฟางผิงก็จะเรียกได้ว่าเป็นนักศึกษาแนวหน้า
เหมือนกับตอนที่ฟางผิงเพิ่งเข้าเรียน ฉินเฟิ่งชิงเพิ่งทะลวงขั้นสามเช่นกัน เวลานั้นฉินเฟิ่งชิงก็ถือเป็นหนึ่งในนักศึกษาแนวหน้า ไม่งั้นเขาคงเป็นรองประธานสมาคมไม่ได้หรอก
อันที่จริงครั้งนี้เด่นชัดยิ่งกว่า
นักศึกษาปีสามรุ่นฉินเฟิ่งชิง กลับยังสู้นักศึกษาปีสี่ของรุ่นนี้ไม่ได้
เดิมทีนักศึกษาปีสี่ของเซี่ยงไฮ้รุ่นนี้ก็มีอัจฉริยะไม่น้อย
รุ่นของฉินเฟิ่งชิงจะสามารถสร้างผลงานโดดเด่นได้หรือไม่ ต้องดูที่ปีสุดท้ายว่ามีผู้แข็งแกร่งออกมามากน้อยเท่าไหร่
—
ฟางผิงนั้นไม่ใส่ใจแววตาของทุกคนที่มองมา
ฟังอาจารย์สอนอย่างสบายๆ…ด้วยอาการเคลิ้มหลับ
ทว่าเขากลับตั้งตารอวิชาความรู้ทั่วไปของถ้ำใต้ดินในตอนเย็นอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ไป๋รั่วซีเคยพูดให้ฟังบางส่วน แต่ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ส่วนมากจะเกริ่นเล็กน้อยสักพักก็หยุดไป
พูดถึงไป๋รั่วซี จู่ๆ ฟางผิงก็หันกลับมาว่า “ช่วงนี้ไม่เห็นอาจารย์ไป๋ ไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยเหรอ?”
เฉินอวิ๋นซีกำลังใจลอย พอฟางผิงหันมากะทันหันจึงตกใจอย่างยิ่ง สูดลมหายใจเล็กน้อย “ออกไปข้างนอก”
“น่าเสียดาย”
เฉินอวิ๋นซีเผยสีหน้าสงสัย ฟางผิงถอนหายใจว่า “งั้นตอนเย็นคงไม่ใช่คลาสของอาจารย์ไป๋ หวังว่าจะไม่ใช่เหล่าถังนะ”
เข้าเรียน อาจารย์ก็ต้องดูรื่นหูรื่นตาหน่อยหรือเปล่า
หากเป็นถังเฟิงมาสอนจริงๆ ฟางผิงคงผิดหวังอยู่บ้าง
แต่เมื่อคิดดูดีๆ ก็คงไม่ใช่ ถังเฟิงที่อยู่ขั้นหกสูงสุดไม่ได้ว่างอะไรขนาดนั้น
—
อันที่จริงนักศึกษาในคลาสฝึกพิเศษต่างตั้งหน้าตั้งตารอวิชาในตอนเย็นอยู่บ้าง
ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องถ้ำใต้ดินกันหมดแล้ว
แต่สถานการณ์หลักๆ ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ รู้แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น
—
คลาสเรียนตอนกลางวัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองพวกนี้ต่างฟังจนสับหงก
รอจนกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา วิ่งไปยังตึกเรียนอย่างว่องไว
—
ในห้องเรียน
ทุกคนต่างดูตั้งอกตั้งใจ พกสมุดมาเตรียมจดสรุปไปด้วย
บางคนก็ยกมือถือเตรียมจะถ่ายรูป เวลานี้ถึงจะนับว่ามีบรรยากาศของมหาวิทยาลัยขึ้นมาหน่อย
ก่อนหน้านี้ทุกคนหน้าตาดูอึมครึมกันไปหมด
อวี๋ซั่งหวาและจางจื่อเวยมาถึงแล้วเหมือนกัน ทั้งสองคนยังคงสีหน้าซีดเซียวอยู่บ้าง
เข้าห้องมาก็ไม่มองฟางผิง มุ่งตรงไปที่กลุ่มเล็กๆ ของตัวเอง
ฟางผิงไม่คิดสนใจพวกเขาเช่นกัน นั่งตัวตรงเตรียมความพร้อมรออาจารย์เข้าห้อง
ไม่ให้พวกเขาได้รอนานนัก สักพักอาจารย์ผมสีดอกเลาก็เดินเข้าประตูมา
“สวัสดีนักศึกษาทุกคน ฉันอวี๋ป๋อ”
อาจารย์ท่าทางอ่อนโยน แนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยว่า “หลังจากนี้ฉันจะรับผิดชอบสอนวิชาประวัติศาสตร์มนุษย์ถ้ำให้ทุกคนฟัง”
—
“ความเป็นมาของถ้ำใต้ดิน สามารถย้อนกลับไปถึงยุคสมัยที่ไกลโพ้นได้…”
ประโยคแรกของศาสตราจารย์เฒ่าก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้ว มีคนอดเอ่ยไม่ได้ “อาจารย์ ไม่ใช่ปี 1920…”
ศาสตราจารย์เฒ่าหัวเราะ “ปี 1920 นั่นเป็นครั้งที่สามที่ปากทางเข้าถ้ำถูกเปิดออก ไม่ใช่ครั้งแรก หากจะย้อนกลับไปจริงๆ ปากทางเข้าถ้ำแห่งแรก อันที่จริงมีบันทึกที่ชัดเจนบอกว่าถูกค้นพบเมื่อปี 1303 หรือจะพูดว่าอาจนานกว่านั้น ปี 1303 มณฑลซีซานเกิดแผ่นดินไหว ตามพงศาวดารราชวงศ์หยวนบันทึกไว้ว่า แผ่นดินถล่มแยกเป็นคูคลอง ผู้คนถูกฝังทั้งเป็นไม่อาจประมาณการณ์ได้”
“เจ็ดร้อยกว่าปีมาแล้ว?”
ทุกคนต่างตกใจอย่างยิ่ง ครั้งก่อนไป๋รั่วซีไม่ได้พูดว่าปากทางเข้าถ้ำแห่งแรกถูกค้นพบเมื่อเจ็ดร้อยกว่าปีมาแล้ว
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นการคาดคะเนของพวกเราเท่านั้น อาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ยังไงก็เป็นเรื่องเจ็ดร้อยกว่าปีก่อน พวกเราไม่กระจ่างชัดเช่นกัน แต่ว่าเป็นการคาดคะเนที่มีหลักฐาน ซีซานมีสำนักหนึ่งชื่อว่าก่วงเซิ่งซื่อ สืบทอดกันมานับพันปี จากบันทึกของสำนักกว่งเซิ่งซื่อ รวมถึงคำพูดของคนรุ่นก่อนที่มีการสรุปไว้ เจ็ดร้อยกว่าปีก่อน ยอดฝีมือของกว่งเซิ่งซื่อค้นพบแดนสวรรค์!”
ทุกคนถูกดึงความสนใจขึ้นมาชั่วพริบตา
“แดนสวรรค์?”
“ใช่ จากคำพูดของนักปราชญ์กว่งเซิ่งซื่อ การค้นพบแดนสวรรค์นั้นเกิดขึ้นอย่างบังเอิญ มียอดฝีมือของกว่งเซิ่งซื่อเข้าไปสู่แดนสวรรค์ ภายหลังกลับออกมา…กลับออกมาไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหว! แต่ตอนที่ท่านผู้นั้นค้นพบแดนสวรรค์และย้อนกลับมา ได้รับบาดเจ็บหนักจากแผ่นดินไหว ภายหลังเอาแต่พูดว่า ‘มนุษย์ไม่ควรโลภ เทพสวรรค์ลงโทษแดนมนุษย์’ อะไรทำนองนี้ หลังจากนั้นเขาก็ตายด้วยภาวะตื่นกลัว จากเหตุนี้พวกเราจึงอนุมานได้ว่า ตอนแรกคนของกว่งเซิ่งซื่อเป็นผู้ค้นพบปากทางเข้าถ้ำใต้ดิน หลังจากนั้นทางเข้ามีการขยับขยาย ทำให้เกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ทางเข้าถ้ำแห่งแรกก็อยู่ในมณฑลซีซาน ถือเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งเช่นกัน”
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจอยู่บ้าง “อาจารย์ครับ งั้นเจ็ดร้อยปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการล่วงล้ำของสิ่งมีชีวิตใต้ดินมาก่อน?”
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จุดนี้ไม่น่าแปลกใจ ถ้ำใต้ดินกว้างใหญ่ไพศาล กว้างใหญ่จนพวกเราไม่อาจสำรวจได้หมด ตอนแรกที่ทางเข้าถ้ำปรากฏ สิ่งมีชีวิตในถ้ำอาจจะไม่รู้เรื่อง การเคลื่อนไหวของถ้ำใต้ดินก่อให้เกิดภัยพิบัติ อันที่จริงไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์อย่างเดียว แต่เป็นภัยของธรรมชาติเช่นกัน ขอแค่ทางเข้าขยับขยายก็จะทำให้บนโลกเกิดภัยพิบัติขึ้นมา ดังนั้นแผ่นดินไหวจึงไม่ได้มาจากการโจมตีของสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินอย่างเดียว ความจริงปากทางเข้าถ้ำขยายด้วยตัวมันเองเช่นกัน ตอนแรกที่ปากทางเข้าถ้ำแห่งแรกปรากฏ ไม่เจอสิ่งมีชีวิตใต้ดินยังเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้”
“อีกอย่างแม้จะค้นพบ แต่ก็ไม่อาจจะสามารถทะลวงประตูออกมาได้เสมอไป”
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยต่อ “ทำไมสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินถึงบุกโจมตีปากทางเข้า เพราะพวกเขาเองได้รับการจำกัด พื้นโลกและถ้ำใต้ดิน อันที่จริงระหว่างกลางกั้นด้วยมิติหนึ่ง พวกเราสามารถเข้าใจว่าเป็นอุโมงค์ของกาลเวลา หรือจะพูดว่าการวาร์ปก็ได้ จากการศึกษาวิจัยหลายปีของพวกเรา บางทีนี่อาจเป็นช่องทางการเข้าถึงจากฝ่ายเดียว มนุษย์สามารถเป็นฝ่ายเข้าไปได้ แต่สิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินคิดจะเข้าสู่พื้นโลก ต้องทำลายมิติที่กั้นกลางก่อนถึงจะเข้ามาได้”
ระหว่างที่ศาสตราจารย์เฒ่าพูดก็ลอบพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “บางทีนี่อาจจะเป็นการชดเชยที่จักรวาลมอบให้ผู้อ่อนแอ ผู้อ่อนแอสามารถเข้าไปในอาณาเขตผู้แข็งแกร่งได้เพราะไม่อาจได้รับผลกระทบอะไร แต่ผู้แข็งแกร่งเข้าสู่อาณาเขตของผู้อ่อนแอ กลับต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน ป้องกันไม่ให้ผู้อ่อนแอถูกทำลาย”
“ตอนที่ทางเข้าแห่งแรกปรากฏอาจจะมีสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินเช่นกัน แต่ไม่มีความสามารถทำลายเขตแดนนี้ พวกเราสงสัยว่าเจ็ดร้อยปีที่ผ่านมาพลังของมิติที่กั้นอยู่นี้กำลังเสื่อมโทรมลงอย่างไม่หยุดหย่อน บางทีเจ็ดร้อยปีก่อนพลังประเภทนี้อาจจะแข็งแกร่งอย่างมาก แข็งแกร่งจนแม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าก็ไม่อาจทะลวงฝ่าไปได้เช่นกัน! แต่ตอนนี้มาถึงขั้นที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามก็สามารถเข้าไปได้แล้ว”
ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ถามขึ้นมาอีกครั้ง “อาจารย์ครับ งั้นความหมายของคุณคือ พลังที่ขวางกั้นนี้ยังกำลังอ่อนแอลง ในอนาคตผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งอาจจะทะลวงฝ่าไปได้เช่นกัน?”
“เป็นอย่างนั้นแหละ”
ศาสตราจารย์เฒ่าถอนหายใจว่า “สถานการณ์อย่างนี้ อันที่จริงแสดงให้เห็นชัดเจนมากแล้ว ช่วงหลายปีนี้ที่ถ้ำใต้ดินมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อก่อนพลังที่ขวางกั้นแข็งแกร่งมาก อันที่จริงมีสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินจำนวนมากเคยบุกจู่โจมทางเข้า ทั้งไม่ได้ฮึกเหิมขนาดนี้ ยังไงก็แค่อยากออกมาจากถ้ำใต้ดิน ก่อนหน้านี้ต้องใช้พลังของขั้นสามขึ้นไปเท่านั้น แต่ตอนนี้หากพลังกั้นกลางนี้อ่อนแอลงอีกครั้ง นั่นหมายความว่าแค่กองทัพของสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินก็สามารถบุกทะลวงออกมาได้แล้ว!”
————-