ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 178-2 เขตทางใต้ของมหาวิทยาลัย (2)
ตอนที่ 178 เขตทางใต้ของมหาวิทยาลัย (2)
ระหว่างที่ฟู่ชางติ่งพูด จู่ๆ ก็คล้ายกับนึกอะไรได้ กระซิบว่า “ปรมาจารย์?”
“นายเดาดูสิ?”
“เดาหาปู่แกสิ!”
ฟู่ชางติ่งเบะปาก รู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ถือเป็นการพึ่งพาสนับสนุนอย่างหนึ่งเช่นกัน
ฟางผิงเอาแต่บอกว่าตัวเองมีฐานะทางบ้านไม่ดี แต่เบื้องหลังของเขากลับมีปรมาจารย์คนหนึ่งยืนอยู่ มันยากจนตรงไหนเนี่ย!
จ้าวเสวี่ยเหมยที่เงียบมาตลอด เวลานี้แววตาซับซ้อนขึ้นมา “หลอมกระดูกเก้าสิบหกชิ้นแล้วจริงๆ?”
ในการแข่งขันแลกเปลี่ยน เธอได้รับบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าหยางเสี่ยวม่าน ตอนนี้ยังไม่หายดี
อยากจะทะลวงขั้นสอง อย่างน้อยต้องรอเดือนหน้า
เดือนหน้าเธอทะลวงขั้นสอง แล้วฟางผิงล่ะ?
หนึ่งวันหลอมกระดูกได้หนึ่งชิ้น รอถึงเดือนหน้า ฟางผิงอาจจะหลอมกระดูกแขนขาเสร็จแล้วหรือเปล่า?
ระยะห่างของทุกคน ค่อยๆ ห่างไกลกันออกไป ไกลจนถึงขั้นอาจจะไม่สามารถตามทันได้ตลอดไป
ฟางผิงล่วงรู้ความคิดของจ้าวเสวี่ยเหมยเหมือนกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามจะฝึกวิชาค่อนข้างเร็วอยู่แล้ว รอเข้าสู่ขั้นสาม หรือขั้นสามขึ้นไป นั่นถึงจะเป็นโอกาสไล่ตาม! ก่อนหน้านี้หวังจินหยางอยู่ขั้นสี่เหมือนกัน รอฉันเข้าขั้นสี่แล้ว เขาอาจจะยังอยู่ขั้นสี่ก็ได้ รอฉันกลายเป็นปรมาจารย์ ไม่แน่ว่าเขาอาจยังอยู่ขั้นสี่เหมือนเดิม ดังนั้นต้องพูดว่าช่วงที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสาม ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้”
“ขั้นสาม…”
ทุกคนต่างถอนหายใจ ขั้นสามไม่ได้ทะลวงกันง่ายๆ คงจะมีแค่ฟางผิงที่เอาแต่อ้างเรื่องปรมาจารย์เท่านั้นแหละ
—
พูดคุยกันสักพัก ทุกคนก็กลับมหาวิทยาลัย
ฟางผิงกลับหอพัก พักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าไปในห้องฝึกวิชา
หลายวันนี้แม้เขาจะยุ่งกับเรื่องแพลตฟอร์ม แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ถ่วงรั้งการฝึกวิชา
ยาชุบร่างกายที่แลกเปลี่ยนมาจากมหาวิทยาลัย ฟางผิงใช้ไปแล้วสิบเม็ด
ค่าทรัพย์สินลดฮวบจนน่าตกใจ
นี่ถึงเป็นสาเหตุที่เขาสามารถหลอมกระดูกเก้าสิบหกชิ้นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
กวาดตามองระบบแล้ว ฟางผิงก็ถอนหายใจ การฝึกวิชาดูดกลืนทรัพย์สินจริงๆ ปรมาจารย์พวกนั้น จะสิ้นเปลืองเท่าไหร่กันนะ
ทรัพย์สิน : 13,000,000
ปราณ : 400 แคล (439 แคล)
จิตใจ : 380 เฮิรตซ์ (399 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 96 ชิ้น (90%) , 110 ชิ้น (30%)
กลับมามหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้เป็นเวลาสิบวันแล้ว ฟางผิงหลอมกระดูกได้ยี่สิบหกชิ้น สิ้นเปลืองทรัพย์สินไปกว่าสิบสี่ล้าน
ทั้งเขายังใช้ปราณหล่อเลี้ยงกระดูกอยู่ตลอด จึงทำให้ลดการสิ้นเปลืองน้อยลง
กระดูกแขนและขามีทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบหกชิ้น ตอนนี้ฟางผิงเหลือแค่สามสิบชิ้นที่ยังไม่ได้หลอม
ยึดตามการพัฒนาในตอนนี้ เขามีโอกาสที่จะหลอมกระดูกแขนขาสำเร็จก่อนสิ้นเดือน
อันดับแรกค่าทรัพย์สินของเขาต้องมีเพียงพอ ไม่งั้นเขาคงต้องเสียเวลาหลายวัน พึ่งพาการฟื้นฟูปราณของตัวเองเท่านั้น
“ไม่มีค่าทรัพย์สิน หลังจากนี้ฉันคงไม่สามารถรักษาปราณให้ถึงจุดสูงสุดตลอดเวลาได้แล้ว ช่วงหลังการฝึกวิชาจะช้าลงมาก หากเจอกับเภทภัย คงเป็นอันตรายอย่างมาก”
คุ้นชินกับการใช้ค่าทรัพย์สินเติมเต็มปราณ หากค่าทรัพย์สินไม่เหลือแล้ว ฟางผิงคงขาดความรู้สึกปลอดภัย
ถึงเวลานั้นต่อให้ใบมีดคมเท่าไหร่ ไม่มีปราณอยู่ ฟางผิงก็ไม่อาจออกกระบวนท่าระเบิดพลังตามใจได้อีกแล้ว
เขาไม่คิดเรื่องพวกนี้อีก ฟางผิงฝึกวิชาอีกพักหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ
สิ่งที่เขาใช้อาบไม่ใช่น้ำ แต่เป็นเงิน!
อาบน้ำครั้งหนึ่ง ค่าใช้จ่ายเป็นล้าน จะมีใครฟุ่มเฟือยกว่าเขาอีก?
—
วันต่อมา วันที่อาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์
มหาวิทยาลัยไม่มีคลาสเรียน แต่ฟางผิงยังคงตื่นแต่เช้าตรู่
วันนี้หลู่เฟิ่งโหรวจะพาเขาไปในบริเวณหัวใจสำคัญของมหาวิทยาลัย ฟางผิงตั้งตาคอยอยู่บ้าง
อ่างเก็บน้ำ
หลู่เฟิ่งโหรวมาเร็วกว่าฟางผิง
พอเห็นเขาก็ไม่พูดมาก สาวเท้าไปทางทิศใต้ของมหาวิทยาลัยทันที ทิศใต้นั้นติดกับอาณาเขตทะเล เป็นเขตหวงห้ามของนักศึกษาใหม่มาโดยตลอด
แม้ว่าจะอยู่ภายในมหาวิทยาลัย แต่ที่นั่นมีการจัดการเข้มงวด ปกติไม่อนุญาตให้นักศึกษาใหม่เข้าไปข้างใน
ฟางผิงเดินตามหลู่เฟิ่งโหรวไป เดินอยู่พักหนึ่ง อดถามขึ้นไม่ได้ “อาจารย์ครับ ตกลงบริเวณทางใต้ของมหาวิทยาลัยมีอะไรกันแน่?”
“ถึงแล้วจะรู้เอง”
“คงไม่ใช่ปากทางเข้าถ้ำใต้ดินหรอกนะครับ?”
ฟางผิงเดาออกไปอย่างไม่คิดอะไร หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยเรียบนิ่งว่า “ทางเข้าถ้ำไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย แต่อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ เขตทางใต้ของมหาวิทยาลัยมีอุโมงค์ใต้ดินเหมือนกัน ทะลุหาปากทางเข้าถ้ำได้ เธออยากเข้าไปดูหรือเปล่าล่ะ?”
“แค่กๆ ช่างเถอะครับ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดไว้”
“งั้นก็อย่าถาม”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจเขาอีก เดินต่อไป
ระหว่างทางพวกเขาพบอาจารย์และนักศึกษาหลายคน
พอเห็นหลู่เฟิ่งโหรว พวกนักศึกษาก็ดี พวกอาจารย์ก็ดีต่างเอ่ยปากทักทาย รีบหลบหลีกให้เธอ
เหตุการณ์นี้ทำให้ฟางผิงแอบนินทาในใจ หลู่เฟิ่งโหรวอยู่ในมหาวิทยาลัยไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์เท่าไหร่
เดินไปประมาณสิบกว่านาที ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่แห่งหนึ่ง
เขตทางใต้ถูกมหาวิทยาลัยแบ่งแยกออกมา
ที่นี่มีกำแพงสูงโอบล้อม ทุกวันจะมีสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ลาดตระเวนอยู่ทางนี้ รวมทั้งอาจารย์บางส่วนด้วย
กำแพงอยู่ในเขตสถานศึกษา ส่วนประตูเชื่อมติดกับเขตทางใต้ มีผู้ฝึกยุทธ์นั่งรักษาการณ์อยู่
เห็นหลู่เฟิ่งโหรวพาฟางผิงมุ่งหน้ามาทางประตู ชายกำยำวัยกลางคนหัวล้านผู้หนึ่งก็หัวเราะว่า “หลู่เฟิ่งโหรว นี่คือลูกศิษย์คนใหม่ของเธอ? ฉันได้ยินมาว่าลูกศิษย์คนนี้เตรียมจะท้าประลองกับจางอู่สิ้นเทอม ตอนนี้เหมือนฝีมือจะยังไม่พอนะ”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดไร้สาระอะไรมากมาย เปิดประตู เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย!”
ชายร่างใหญ่คนนั้นไม่โกรธเช่นกัน จ้องมองฟางผิงด้วยรอยยิ้มอยู่พักหนึ่ง เปิดประตูไปพลาง เอ่ยด้วยรอยยิ้มไปพลาง “เจ้าเด็กนี้ก้าวหน้าเร็วจริงๆ แต่ระดับต่ำกว่าขั้นสามและขั้นสามมันคนละเรื่องกัน ปีนี้ทะลวงขั้นสามอาจจะมีหวัง แต่จางอู่อยู่ขั้นสี่แล้ว เด็กน้อย ถึงเวลานั้นยอมแพ้แต่โดยดีไปซะ จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บเสียเวลาฝึกวิชา”
ฟางผิงเผยยิ้ม ไม่ได้รับบทสนทนา
แม้ว่าจะไม่รู้จักอาจารย์คนนี้ แต่อีกฝ่ายสามารถพูดแบบนี้กับหลู่เฟิ่งโหรว ถ้าไม่ได้อยู่ขั้นหกก็คงอยู่ขั้นหกสูงสุด
หากปากมากต่อหน้าอาจารย์ที่มีฝีมือเช่นนี้ คงไม่มีประโยชน์นัก
ชายกำยำเห็นฟางผิงเงียบกริบ จึงหมดอารมณ์อยู่บ้าง “ตอนนี้นับวันนักศึกษาก็ยิ่งน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ ช่างเถอะ เข้าไปสิ ครั้งหน้าไม่ต้องให้อาจารย์พามาแล้ว อยากมาก็มาเองได้”
“ขอบคุณครับอาจารย์”
“ไปเถอะ”
ชายกำยำไม่สนใจเขาอีก พิงเก้าอี้ฮัมเพลงออกมาเบาๆ
ฟางผิงรีบตามหลู่เฟิ่งโหรวไปทันที ก้าวข้ามประตูผ่านสู่เขตทางใต้ของมหาวิทยาลัย
เพิ่งจะเข้ามาเขตทางใต้ ฟางผิงก็ได้ยินเสียงคลื่นทะเลขนาดใหญ่!
พอเงยหน้าดู หลายพันเมตรข้างหน้านั้น นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีกำแพงโอบล้อม ทั้งไม่มีสิ่งอื่นใด มีแต่พื้นที่ติดกับทะเลโดยตรง
ตอนนี้หลู่เฟิ่งโหรวยืนอยู่ที่เดิม เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “รู้สึกเปิดหูเปิดตาบ้างแล้วสินะ?”
“ในมหาวิทยาลัย ประตูใหญ่นั้นเป็นเพียงภาพฉากหนึ่ง แต่นั่นเป็นสิ่งที่คนประดิษฐ์ สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองกระจ้อยร้อยอย่างแท้จริง ยังคงเป็นธรรมชาติ ทะเลที่โหมสาดซัด คลื่นที่กระทบหาฝั่งไม่ขาดสาย ต้องมีสักวันที่มนุษยชาติเอาชนะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ เวลานั้นบางทีถ้ำใต้ดินอาจไม่เพียงพอให้พิสูจน์ แม้จะเป็นปรมาจารย์ ก็ไม่กล้าพูดว่าตัวเองเอาชนะธรรมชาติได้เช่นกัน…”
หลู่เฟิ่งโหรวถอนหายใจ สาวเท้าเดินไปข้างหน้าต่อ
ฟางผิงมองขอบชายฝั่งทะเลที่อยู่ไกลๆ นั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะไล่ตามหลู่เฟิ่งโหรวไปทันที
—————-