ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 153 ก่อนการแข่งขัน (1)
ตอนที่ 153 ก่อนการแข่งขัน (1)
สถานีรถไฟ
ฟู่ชางติ่งถอนหายใจว่า “ฟางผิงและน้องสาวสนิทกันจริงๆ นะ!”
“ใช่สิ นายดูเขาทำท่าปวดใจ ไม่เห็นน้องสาวเขาจะผอมตรงไหน?”
—
ทุกคนพากันถอนหายใจ ยอมใจในความสัมพันธ์แน่นแฟ้นของสองพี่น้องฟางผิง
ส่วนฟางผิงกลับหยิกแก้มกลมของฟางหยวน ถอนหายใจไม่หยุดหย่อนว่า “ผอมลงจริงๆ บอกให้เธอกินข้าวเยอะๆ ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้าง!”
“เมื่อก่อนเวลาดึงแก้ม ฉันจำได้ว่ายืดได้ตั้งเท่านี้…”
ฟางผิงใช้มือหนึ่งยื่นออกมาเปรียบเทียบ ทำท่าว่าเมื่อก่อนแก้มยืดได้ตั้งไกล
ก่อนจะเริ่มทำการทดลอง ดึงแก้มกลมของฟางหยวน เอ่ยอย่างเสียดาย “เธอดูสิ ตอนนี้ยืดได้ถึงแค่นี้เอง!”
ฟางหยวนพองแก้มถลึงตามองเขา แต่ก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
ฉันว่าแล้ว!
เสี่ยวหลิงที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยอย่างอิจฉาว่า “หยวนหยวน พี่ชายดีกับเธอจริงๆ!”
“ฮ่าๆ”
ฟางหยวนกลอกตา ถ้าตอนนี้ฟางผิงไม่หยิกแก้มเธอ เธอยังจะเชื่อ แต่พี่ชายเธอตั้งแต่เจอหน้ากันจนถึงตอนนี้กลับหยิกแก้มมากว่าสิบนาทีแล้ว
ดีที่ยังมีคนอื่นๆ อยู่ ฟางผิงจึงแสดงความ ‘ห่วงใย’ น้องสาวแค่ครู่เดียว ก่อนจะนำทุกคนไปยังที่จอดรถ
เขาไม่ได้รีบร้อนทักทายพวกอู๋จื้อหาว ฟางผิงมองไปทางถานเจิ้นผิงด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้รบกวนลุงถานแล้ว”
“อย่าเกรงใจเลย ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง ฉันต้องเข้ามาที่นี่พอดี”
ถานเจิ้นผิงว่าแล้วก็เป็นฝ่ายถามก่อน “สองคนนี้คือ…”
“อ๋อ ผมลืมแนะนำไป ขอโทษด้วยครับ”
ฟางผิงรีบแนะนำทันที “นี่คือฟู่ชางติ่ง ส่วนนี่จ้าวเสวี่ยเหมย พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่เซี่ยงไฮ้ของผม”
“ที่แท้ก็เป็นอัจฉริยะของเซี่ยงไฮ้ เสียมารยาทซะแล้ว!”
ถานเจิ้งผิงทำหน้าเกรงใจ ในใจหวาดหวั่นเล็กน้อย สองคนนี้ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ?
ส่วนเรื่องปราณ เขาสัมผัสไม่ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุด แต่ขั้นหนึ่งสูงสุดของพวกเขานั้นไม่เหมือนกัน
พวกฟู่ชางติ่งแข็งแกร่งกว่าพวกเขา จงใจปิดบังไว้ ถานเจิ้งผิงก็สัมผัสอะไรไม่ได้อยู่ดี
เขายังสัมผัสไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น คนธรรมดาไม่อาจสัมผัสได้อยู่แล้ว
ฟางผิงแนะนำพวกฟู่ชางติ่งให้คนอื่นรู้จัก
ไม่นานทุกคนก็คุ้นเคยกันขึ้นมา ขณะที่เดินไปฟู่ชางติ่งถามขึ้นมาว่า “พวกนายมาดูการแข่งขันแลกเปลี่ยนงั้นสินะ?”
อู๋จื้อหาวพยักหน้า “ใช่แล้ว ได้ยินอาจารย์พวกเราว่า ครั้งนี้ล้วนเป็นการแข่งของอัจฉริยะในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศ ทุกคนต่างโดดเด่นเหนือคนอื่น…แม้ว่าพวกเราจะห่างไกลจากพวกเขา แต่สามารถเห็นฝีมือของพวกเขาได้ ก็กระตุ้นให้พวกเราอยากพัฒนาตัวเองแล้ว”
“แค่กๆ…”
ฟู่ชางติ่งไอแห้งๆ คำพูดนี้ เอ่ยเยินยอต่อหน้าพวกเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง?
อู๋จื้อหาวไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ กลับสอบถามอย่างสงสัยว่า “พี่ฟู่ พวกนายก็เป็นนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ ปีนี้นักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกนายก็คงรู้จักสินะ?”
“รู้จักๆ…”
ฟู่ชางติ่งชำเลืองมองฟางผิงแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากำลังถามว่าอยากให้พูดหรือเปล่า?
อยากให้พูดหรือเปล่างั้นเหรอ?
อยากพูดสิ!
แต่พูดไปแล้ว คนพวกนี้ก้มหัวกราบตรงนี้ทำยังไง?
ฟางผิงกลอกตา ไม่สนใจเขาอีก
ตอนนี้ฟางผิงไม่ได้เตรียมพร้อมจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขา บอกไปแล้ว คงไม่พ้นถูกถามจนปวดหัว
รอถึงพรุ่งนี้เริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ทุกคนคงรู้เองแล้ว
ถึงเวลานั้นไม่อยู่ข้างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรับมือกับความวุ่นวาย
เรื่องจริงเผยให้เห็นตำตาแล้ว อธิบายง่ายๆ อีกไม่กี่ประโยค คงไม่มีอะไรยุ่งยากอีก
ฟู่ชางติ่งเห็นแบบนี้จึงทำได้แค่ตอบไปอย่างคลุมเครือ ก่อนอู๋จื้อหาวจะถามถึงผู้เข้าแข่งขันที่มีรายชื่อแพร่หลายในอินเทอร์เน็ต อย่างเช่นจ้าวเหล่ย…
แววตาของฟู่ชางติ่งซับซ้อนอย่างถึงที่สุด เอ่ยกระอึกกระอักว่า “ใช่แล้ว จ้าวเหล่ยเก่งจริงๆ…”
ตอนนี้กระทั่งหลิวรั่วฉียังสนใจขึ้นมา ถามเบาๆ ว่า “จ้าวเหล่ย…ตัวจริงเหมือนรูปในอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า?”
พวกผู้หญิงจะหลงใหลคนรุ่นเดียวกันที่แข็งแกร่งกว่าถือเป็นเรื่องปกติ
หลิวรั่วฉีอาจจะไม่ถึงขั้นหลงใหล แต่ยังคงสงสัยอยู่บ้างเท่านั้น
“เออ…ไม่เหมือนอยู่บ้างล่ะมั้ง?” ฟู่ชางติ่งขัดแย้งในใจ สักพักค่อยเอ่ยว่า “หน้าเขา…อาจจะบวมกว่าเดิมนิดหน่อย เขาเปลี่ยนหน้าได้ บางครั้งหน้าจะเปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้น!”
“หา?”
หลิวรั่วฉีทำหน้างงงวย ทำแบบนี้ได้ด้วยงั้นเหรอ?
จ้าวเสวี่ยเหมยแทบจะหัวเราะออกมารอมร่อ ฝืนข่มกลั้นรอยยิ้มไว้ “อย่าฟังเขาพูดเหลวไหล พวกเราไม่สนิทกับจ้าวเหล่ย แต่ฟางผิงสนิทกับเขา พวกนายถามฟางผิงดูก็รู้แล้ว”
อู๋จื้อหาวทำหน้าประหลาดใจ “ฟางผิง นายและจ้าวเหล่ยสนิทกันด้วย? ใช้ได้นี่หว่า พวกผู้ฝึกยุทธ์ของหนานเจียงพวกเรายังเจอแค่ไม่กี่ครั้ง นายเลือกคบได้ไม่เลวเลย!”
“ไม่เท่าไหร่หรอก อันที่จริงฉันไม่ได้สนิทกับเขาขนาดนั้น แค่เวลาว่างๆ ชอบไปช่วยเขาเปลี่ยนหน้าก็เท่านั้น!”
“หา?”
พวกเขาต่างทำหน้างุนงง ฟางผิงกลับไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เผยยิ้มเบี่ยงไปประเด็นอื่น “พวกนายจองโรงแรมไว้หรือยัง?”
“จองแล้ว กลัวว่ากระชั้นชิดจะจองไม่ได้”
“พี่ ฉันและเสี่ยวหลิงยังไม่ได้จอง!”
ฟางหยวนรีบเอ่ยขึ้นมา เธอฝากความหวังทุกอย่างไว้กับฟางผิง จะมาจองโรงแรมล่วงหน้าได้ยังไง
“ไม่ได้ถามเธอ!”
ฟางผิงกลอกตาใส่น้องสาว เรื่องนี้ฉันจะไม่รู้งั้นเหรอ?
ถามทุกคนเรื่องที่พักแล้ว พวกเขาต่างพักอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เป็นเพราะครั้งนี้การแข่งขันจัดในมหาวิทยาลัยนั่นเอง
—
ขับรถจากสถานีรถไฟมาถึงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ประหยัดเวลาได้มาก
ไม่ถึงสี่สิบนาที รถก็มาหยุดหน้าประตูโรงแรมที่พวกอู๋จื้อหาวจองไว้
รอทุกคนลงจากรถแล้ว ฟางผิงจึงเอ่ยว่า “ลุงถานและทุกคนพักกันก่อนเถอะ ผมจะไปส่งพวกน้องที่โรงแรมของมหาวิทยาลัย”
ไม่ใช่ว่าฟางผิงเสียดายเงินจะเอาไปจองโรงแรมอื่น แต่โรงแรมของมหาวิทยาลัยปลอดภัยกว่าอยู่บ้าง ทั้งยังอยู่ใกล้ๆ
ถานเจิ้งผิงไม่คัดค้านอยู่แล้ว ขอบคุณพวกฟู่ชางติ่ง นัดไปกินข้าวด้วยกันแล้ว ทุกคนจึงเข้าโรงแรมไป
พอพวกเขาไปแล้ว ฟางผิงค่อยเอ่ยกับพวกฟู่ชางติ่งว่า “ครั้งนี้รบกวนพวกนายแล้ว พวกนายกลับไปทำธุระเถอะ ฉันจะจัดการที่เหลือให้น้องฉันเอง”
“ได้ มีอะไรให้ช่วยก็โทรหาฉัน แต่พ่อขี้งกฟาง นายควรจะซื้อรถสักคันได้แล้ว”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยหยอกเย้า ฟางผิงพูดอย่างจนใจว่า “ช่วงนี้ยุ่งจนไม่รู้จะทำอะไรแล้ว มีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน”
“ก็ถูกของนาย เอาเถอะ พวกเราไปก่อนล่ะ”
ฟู่ชางติ่งและจ้าวเสวี่ยเหมยออกไปอย่างรวดเร็ว อันที่จริงพวกเขายุ่งกว่าฟางผิงเสียอีก
โดยเฉพาะจ้าวเสวี่ยเหมย เมื่อคืนเพิ่งจะหลอมกระดูกช่วงล่างชิ้นสุดท้ายสำเร็จ
ตอนเช้าก่อนออกมาฟางผิงไม่ได้ขอให้เธอมาช่วยรับส่งด้วยซ้ำ เป็นจ้าวเสวี่ยเหมยที่เสนอความช่วยเหลือเอง
รอคนไปแล้ว ฟางหยวนจึงเอ่ยอย่างผิดหวังอยู่บ้าง “พี่ ไปหอพักนายไม่ได้หรือไง?”
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินฟางผิงพูดว่าเขาอยู่หอพักคนเดียว
“โซนหอพักห้ามคนนอกเข้าพัก ไปดูได้ แต่พักไม่ได้”
ฟางผิงส่ายหัว ไม่ใช่ว่าเขาโกหก หอพักของมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าพักจริงๆ
นักศึกษาและอาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ต่างถือว่าโซนหอพักเป็นพื้นที่บริสุทธิ์
พวกอาจารย์พาครอบครัวมาพักยังพอว่า แต่ฟางผิงเป็นแค่นักศึกษาใหม่ พาครอบครัวมาคงไม่เหมาะสม
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ถือกระเป๋าสัมภาระของทั้งสองคนเข้าไปในโรงแรมของมหาวิทยาลัย
เวลานี้โรงแรมของมหาวิทยาลัยมีคนเยอะกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
แต่พนักงานต้อนรับในโถงรับแขกพอเห็นฟางผิง ยังคงจำได้ทันที รีบทักทายว่า “สวัสดีคุณฟาง!”
“สวัสดีครับ ช่วยผมลงทะเบียนเข้าพักหน่อย น้องสาวผมสองคน”
“ได้ค่ะ รอสักครู่”
พนักงานไม่ได้ให้ฟางผิงแสดงบัตรยืนยันอะไร พวกเขามีข้อมูลบันทึกไว้แล้ว ไม่นานก็ช่วยทั้งสองคนลงทะเบียนสำเร็จ
ฟางหยวนมองอยู่ด้านข้างตลอดเวลา รอจนขึ้นลิฟต์แล้ว จึงอดเอ่ยไม่ได้ “พี่ไม่ได้จ่ายเงิน!”
“ฟรี”
“ฟรี?”
“ฉันไม่ได้บอกเธอเหรอ? โรงแรมของมหาวิทยาลัยกินฟรีอยู่ฟรี แน่นอนว่าคนหนึ่งสามารถเปิดได้ห้องเดียวเท่านั้น…”
“จริงเหรอ?”
“เจ้าเด็กไร้เดียงสา รู้อยู่แล้วว่าเธอขี้งก!”
ฟางผิงเอ็ดว่าพลางหัวเราะ พาทั้งสองคนมาถึงชั้นหก แม้จะไม่ใช่ห้องครั้งก่อนที่เขาเคยพัก แต่รูปแบบเหมือนกัน พอฟางหยวนเข้าห้องก็เปล่งเสียงร้องอย่างดีใจทันที เธอนึกไม่ถึงว่าห้องจะใหญ่ขนาดนี้
————————