ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 146.2 ความหมายที่แท้จริงของเคล็ดวิชาต่อสู้ (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 146.2 ความหมายที่แท้จริงของเคล็ดวิชาต่อสู้ (2)
ตอนที่ 146 ความหมายที่แท้จริงของเคล็ดวิชาต่อสู้ (2)
ฟางผิงเข้าใจอยู่แล้ว
ปกติพวกเขาประมือกับคนอื่น ไม่ได้สูญเสียปราณในครั้งเดียว แต่ค่อยๆ ลดลงไปตามแต่ละกระบวนท่าที่โจมตีออกไป
อย่างฟางผิง การแทงเท้าของเขา หากออกแรงไปทั้งหมด อย่างมากจะสิ้นเปลืองประมาณสิบแคล ความจริงนั่นเป็นกรณีพิเศษ หากสถานการณ์ปกติ เขาระเบิดแรงทั้งหมดแทงเท้าออกไป สิ้นเปลืองปราณแค่ห้าหกแคลเท่านั้น ดังนั้นฟางผิงที่ปราณสูงกว่าสามร้อยแคล หากใช้การแทงเท้า สามารถแทงติดต่อกันกว่าสิบครั้ง แน่นอนว่าพูดถึงในกรณีที่ไม่ใช้ระบบช่วยเหลือ
ร่างกายต้องเก็บรักษาปราณให้เพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อปราณต่ำกว่าหนึ่งร้อยแคล ก็จะขาดสมดุลไป
ปราณของฟางผิงสูงกว่าสามร้อยแคล จำนวนที่สามารถใช้งานได้คือสองร้อยกว่าแคล
เหมือนกับดาบเมื่อครู่ ฟางผิงสิ้นเปลืองปราณไปไม่น้อย เกือบจะยี่สิบแคล
หากเขาฟันออกมากว่าสิบดาบ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าจะโจมตีต่ออีก นั่นจำเป็นต้องเพิ่มปราณเสียก่อน
(ดาบคลั่งโลหิต) ที่ใช้ปราณยี่สิบแคลและหนึ่งร้อยแคล จะแสดงอานุภาพเหมือนกันหรือเปล่า? แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้
นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องปราณเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงกระดูก เส้นเดินปราณ และผิวหนังที่ต้องรองรับพลังระเบิดปราณ
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามมีปราณสูง ดังนั้นจึงสามารถฝึกจนฟันดาบออกมาติดต่อกันห้าดาบหรือเจ็ดดาบได้ เธอทำไม่ได้ จากสถานการณ์ของเธอ ฉันบอกไปแล้ว เลียนท่าฟันดาบออกมาติดต่อกันเจ็ดดาบนั้นได้อยู่แล้ว แต่การฟันต่อเนื่องเจ็ดดาบที่แท้จริง ปราณของเธอจะพร่องลงทันที เมื่อปราณขาดหายไป คนจะมีจุดจบยังไง เธอรู้หรือเปล่า?”
ฟางผิงส่ายหัว
“ปราณถูกดึงไปใช้หมด เธอว่ายังจะมีจุดจบยังไงได้อีก? กลายเป็นศพแห้งน่ะสิ! ดังนั้นอย่าได้คิดเพ้อฝันเกินตัว รอเธอฟันหนึ่งดาบระเบิดปราณออกไปได้ห้าสิบแคล เวลานั้นค่อยฝึกสามดาบหรือสี่ดาบต่อเนื่องกัน แรงระเบิดปราณเท่านี้อาจจะสามารถตัดอาวุธระดับ F ได้เช่นกัน”
เรื่องพวกนี้หลู่เฟิ่งโหรวไม่เคยพูดมาก่อน อันที่จริงทุกคนแทบไม่สนใจเหมือนกัน
เพราะต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ยังไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้
ไม่ว่าจะเคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานหรือเคล็ดวิชาระดับล่าง ล้วนยังไม่ถึงขีดกำจัดของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง
ไม่อาจใช้ปราณจนหมดเพราะการฝึกเคล็ดวิชาที่ลึกล้ำได้อยู่แล้ว
แต่หากเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลางกลับมีความเป็นไปได้
หากเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง สามารถฝึกวิชา (ดาบคลั่งโลหิต) ในตอนที่อยู่ขั้นหนึ่งจนประสบความสำเร็จได้
แต่เมื่อถึงจุดที่เสียปราณครั้งละหนึ่งร้อยแคล ฟันสามดาบต่อเนื่องกัน แทบไม่มีใครรอดชีวิต
เวลานี้ฟางผิงจึงค่อยเข้าใจ
ทำไมเคล็ดวิชาระดับกลางถึงได้มีเงื่อนไขที่เด็ดขาดอยู่บ้าง สาเหตุก็เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
“สิ่งที่เธอจำเป็นต้องทำในตอนนี้มีสองอย่าง หนึ่งคือเรียนรู้การควบคุมพลัง อย่าให้พลังกระจัดกระจาย สองคือฝึกการระเบิดพลังปราณให้รุนแรงกว่าเดิม ยิ่งระเบิดปราณได้เยอะเท่าไหร่ อานุภาพจะยิ่งมากเท่านั้น นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่ากัน ไม่งั้นแม้เธอจะฝึกเจ็ดดาบต่อเนื่องกันได้ แรงของหนึ่งดาบมีแค่ห้าหกแคล นั่นจะมีความหมายอะไร? กระบวนท่าขึ้นอยู่กับคนใช้ คือหลักการนี่แหละ”
ฟางผิงรีบพยักหน้างึกงัก ก่อนจะถามว่า “อาจารย์ ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่า พลังสังหารของกระบวนท่าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการระเบิดปราณในแต่ละครั้งที่โจมตี งั้นหมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสามารถโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามได้? ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งระเบิดปราณโจมตีที่หนึ่งร้อยแคล หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสู้เขาไม่ได้…”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย “ไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง? ตอนนี้หากเธอฟันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่มีดีแค่ปราณตายในหนึ่งดาบมันแปลกมากอย่างนั้นเหรอ?”
“อย่ามองแต่ระดับขั้น ตอนนี้มีการถกเถียงนโยบายแบ่งลำดับขั้นใหม่แล้ว อันที่จริงกำลังปรึกษากันว่าควรจะใช้การระเบิดปราณระหว่างต่อสู้หรือใช้ความอึดระหว่างต่อสู้เป็นตัวตัดสินลำดับขั้นดี”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยถึงอีกแนวคิดหนึ่งขึ้นมา “ความจริงในสายตาของผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มสู้รบหลัก ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งควรจะระเบิดปราณตอนออกกระบวนท่าได้หนึ่งในสิบของค่าปราณปัจจุบัน นี่ถึงจะนับว่าสามารถควบคุมพลังปราณของตัวเองได้อย่างแท้จริง ปราณของเธออยู่ที่สามร้อยแคล งั้นหนึ่งกระบวนท่าควรจะระเบิดพลังสังหารได้สามสิบแคล นี่ถึงจะพิสูจน์ว่าเธอสามารถควบคุมปราณได้ หากหนึ่งกระบวนท่าระเบิดปราณได้แค่หนึ่งในห้า กระบวนท่าเช่นนี้จะถูกเรียกว่าเคล็ดไม้ตาย หากสามารถแตะถึงหนึ่งในสามหรือกระทั่งหนึ่งในสอง นั่นจะเรียกว่าเคล็ดชั้นยอด!”
“งั้น…”
ฟางผิงยังไม่ทันถาม หลู่เฟิ่งโหรวก็ตัดบทออกมาก่อน “หากระเบิดพลังออกมาทั้งหมด นั่นเรียกว่าเคล็ดวายชีพ ระเบิดพลังจนหมดแล้ว เธอก็ตายด้วย!”
“แค่กๆๆ…”
ฟางผิงไอแห้งๆ ออกมา พูดมีเหตุผล ไร้ข้อโต้แย้งจริงๆ
“หากเธอฝึก (ดาบคลั่งโลหิต) จนสามารถระเบิดปราณหนึ่งร้อยแคลในดาบเดียว นั่นหมายความว่าเธอใช้เคล็ดชั้นยอดได้แล้ว เคล็ดไม้ตาย เคล็ดชั้นยอด วิธีเรียกพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องเคล็ดวิชา อยู่ที่การควบคุมของคนทั้งสิ้น ไม่ได้หมายถึงเคล็ดวิชาใดเคล็ดวิชาหนึ่ง เข้าใจหรือเปล่า?”
ฟางผิงผงกหัวอีกครั้ง
นี่แสดงว่า เคล็ดวิชาต่อสู้ใดใดล้วนสามารถเป็นเคล็ดไม้ตายหรือเคล็ดชั้นยอดได้ทั้งสิ้น แต่อยู่ที่พลังควบคุมของคุณ
หากฟางผิงสามารถเรียนเคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานจนถึงขั้นนั้นได้ เคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานก็จะเป็นเคล็ดชั้นยอดได้!
ฟางผิงครุ่นคิด ก่อนจะถือโอกาสถามขึ้นมาอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นการจัดลำดับของผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกจัดลำดับต้นๆ ล้วนมีเคล็ดชั้นยอดทุกคนหรือเปล่า?”
“ไม่จำเป็นเสมอไป เคล็ดชั้นยอดไม่ได้เรียนได้ง่ายๆ หวังจินหยางที่เธอรู้จักคนนั้นเรียนสำเร็จแล้ว ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าตัวเองเหนือกว่าคนระดับเดียวกัน! ผู้ที่ถูกจัดอยู่ในสามสิบอันดับแรก น่าจะมีเคล็ดชั้นยอดกันหมด ส่วนพวกหลังๆ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป”
แววตาของฟางผิงเป็นประกาย “อาจารย์ งั้นถ้าผมฝึกเคล็ดชั้นยอดสำเร็จก็หมายความว่าผมจะเหนือกว่าคนระดับเดียวกัน?”
“แน่นอน!”
ครั้งนี้หลู่เฟิ่งโหรวไม่คิดโต้แย้งแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เดิมทีปราณเธอก็สูงกว่าคนอื่นอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เคล็ดชั้นยอดเลย เธอเรียนเคล็ดไม้ตายแล้ว แต่ละดาบระเบิดปราณหกสิบแคล ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งคงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้หรอก ถึงกระทั่งขั้นหนึ่งหรือขั้นสองสูงสุดที่โง่เง่าควบคุมพลังปราณตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเช่นกัน!”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดปกติจะมีปราณอยู่ที่สี่ร้อยแคล หากไม่สามารถควบคุมพลังปราณของตัวเอง นั่นหมายความว่าพลังระเบิดนั้นสู้ฟางผิงไม่ได้
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดแบบนี้ ประลองกับฟางผิง มีโอกาสสูงที่จะถูกฟางผิงบั่นคอ
อย่างแรกฟางผิงต้องควบคุมพลังปราณของตัวเองและฝึกการระเบิดพลังที่รุนแรงให้ได้ก่อน
“อีกอย่าง อย่าลืมฝึก (ท่าเคลื่อนเมฆ) ด้วย ต่อให้ระเบิดพลังได้เยอะแค่ไหน ไล่ตามคู่ต่อสู้ไม่ทันก็ไม่มีประโยชน์ เธอระเบิดพลังได้หนึ่งร้อยแคลต่อหนึ่งดาบ คนอื่นวิ่งไปไม่เห็นเงาแล้ว คนที่ตายจะเป็นเธอแทน ปราณพร่องจนหมด ไม่ว่าใครคงจะเป็นได้แค่เนื้อบนเขียงเท่านั้น!”
ครั้งนี้หลู่เฟิ่งโหรวพูดตามคำสอนของอาจารย์ทั่วไป ฟางผิงกลับดวงตาสว่างวาบอีกครั้ง!
ครั้งหน้าฉันสามารถใช้วิธีนี้หลอกคนอื่นได้น่ะสิ?
แกล้งเป็นไล่ตามคนอื่นไม่ทัน ใช้ปราณจนหมดไปแล้ว รอคนอื่นกลับมาโจมตี ตัวเองก็ฟื้นฟูปราณขึ้นมาอีกครั้ง เกรงว่าคงหลอกคนมาตายได้เป็นเบือ!
ฟางผิงคิดว่าตัวเองจำเป็นต้องพัฒนาประโยชน์ของระบบให้ลึกลงไปกว่านี้
ปราณสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ คงไม่ต้องกังวลเรื่องยาบำรุงอีกแล้ว
อันที่จริงก่อนหน้านี้ฟางผิงใช้วิธีนี้หลอกคนไปไม่น้อยแล้วเหมือนกัน
วันนี้ไม่ใช่แค่ฝึก (ดาบคลั่งโลหิต) ได้อย่างง่ายดาย แค่ฟางผิงคิดว่าตัวเองได้รับอะไรกลับมามากเช่นกัน
บางครั้งเรื่องง่ายๆ ที่นึกไม่ถึง แค่มีคนชี้แนะให้นิดหน่อย อาจจะให้ผลดีกว่านั่งคิดหนักทั้งปี
“ยังมีเคล็ดไม้ตายและเคล็ดชั้นยอด…หากฉันเรียนจนกลายเป็นเคล็ดชั้นยอด ไม่ใช่ว่าเจอขั้นหนึ่งขั้นสองแล้วจะจัดการได้หมดเหรอ? นอกเสียจากจะมีเคล็ดชั้นยอดเหมือนกัน แม้จะเป็นอย่างนั้น คนอื่นระเบิดปราณหนึ่งกระบวนท่าคงถึงขีดจำกัดแล้ว มากสุดก็สองกระบวนท่า หากฉันต้านไหว ระเบิดปราณอย่างไม่จำกัด…”
ยิ่งคิดลึกลงไป ฟางผิงยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ด้านข้างชำเลืองตามองเขา อมยิ้มไม่พูดอะไร
ฟางผิงฟื้นฟูปราณได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้เธอรู้ดี
วันนี้พูดเรื่องพวกนี้ เพราะตั้งใจจะเพิ่มแรงผลักดันให้ฟางผิง กระตุ้นให้เด็กนี้ใช้ความได้เปรียบของตัวเอง
ส่วนการแข่งขันแลกเปลี่ยน ไม่ใช่จุดประสงค์หลัก
การแข่งขันแลกเปลี่ยน คนที่สามารถเอาชนะฟางผิงได้อย่างแท้จริงนั้นมีน้อย หากฟางผิงฝึกวิชาดาบชั้นยอดได้ ไม่ต้องถึงขั้นให้เป็นเคล็ดไม้ตาย แค่เรียนควบคุมพลังของตัวเอง คนที่อยู่เหนือเขาก็มีแค่ไม่กี่คนแล้ว
———————-