ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 137.2 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 137.2 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (2)
ตอนที่ 137 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (2)
ถังซงถิงบริหารจัดการคนในทีมได้อย่างละเอียด
นี่ถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งเช่นกัน
เรื่องมาถึงตอนนี้ พวกจ้าวชิงจึงนับว่าไม่มีโอกาสได้ติดตามฟางผิงแล้ว
หลังจากนี้นอกจากคะแนนพวกเขาจะได้น้อยลง ยังไม่มีโอกาสต่อสู้ในสถานการณ์จริงอีก
ฟางผิงครุ่นคิดพักหนึ่ง พยักหน้าว่า “ได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเรารวมตัวปรึกษากันก่อน แม้จะทำเบื้องหลัง ก็ต้องหารือเรื่องการแบ่งคดีให้ดี ไม่งั้นจะเป็นปัญหาได้”
“ได้ งั้นอย่ารอพรุ่งนี้เลย พวกเราจะเข้าไปคืนนี้แหละ!”
ทุกคนนัดแนะกันแล้ว คืนนี้รวมตัวกันที่เมืองเจียซินใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ไม่นานฟางผิงก็พาทีมตัวเองไปยังเจียซิน
—
เขตเมืองเจียซิน
โรงแรม
ตอนที่พวกฟางผิงเร่งตามมา พวกจ้าวเสวี่ยเหมยมาถึงก่อนแล้ว
ทุกคนตรงดิ่งไปยังห้องอาหารส่วนตัว
เข้ามาในห้องส่วนตัวแล้ว ถังซงถิงจึงเอ่ยทันที “ทุกคนน่าจะรู้แล้ว ตอนนี้คะแนนของทีมเราอยู่ในอันดับสอง แต่หากยึดตามค่าเฉลี่ยในตอนนี้ อันดับสองยังยากจะรักษาไว้ได้ แม้พวกเราจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน แต่คงจะอยากได้คะแนนกันเยอะๆ อยู่ดี อันดับหนึ่งอย่างน้อยจะได้หนึ่งร้อยคะแนน หารกันแล้วตกคนละสิบคะแนน แต่จนถึงตอนนี้ หากไม่นับรวมรางวัลที่มหาวิทยาลัยให้อีกเท่าตัว ทีมของพวกเรายังมีบางคนที่ได้ไม่ถึงสิบคะแนนด้วยซ้ำ ดังนั้น…”
เขายังพูดไม่จบ จ้าวชิงก็เอ่ยขึ้นว่า “คำแนะนำของนาย หัวหน้าบอกกับพวกเราแล้ว อันที่จริงพวกเราสัมผัสได้เหมือนกันว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ความสามารถของหัวหน้าพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้รับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งคนเดียวได้ด้วยซ้ำ แทบไม่ต้องยืมแรงพวกเราเลย ทั้งหากพวกเราเข้าร่วมภารกิจขั้นสองจริงๆ คงช่วยเหลืออะไรได้ไม่เยอะ กลับจะถ่วงแข้งถ่วงขามากกว่า อย่างภารกิจของสือเฟิงครั้งก่อน พวกเราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย”
ตอนนี้ฟางผิงค่อยเอ่ยว่า “ทุกคนสามารถเข้าใจได้ก็ดีแล้ว งั้นต่อไปนี้ ฉัน จ้าวเสวี่ยเหมย ถังซงถิงจะรวมทีมสามคนไปทำภารกิจขั้นสอง ส่วนจ้าวชิง อู๋เค่อเผิง จางเฮ่า…พวกนายห้าคนไปรับภารกิจขั้นหนึ่ง โจวเยวี่ยหง จางผิง พวกเธอสองคนรับผิดชอบหาข้อมูลให้พวกเรา ติดต่อกับหน่วยสืบสวนและหน่วยทหารในท้องที่ ภารกิจที่พวกเราเข้าร่วมแบ่งคะแนนตามผลงาน ส่วนโจวเยวี่ยหงและจางผิง ทุกครั้งที่ทีมของพวกเราทำภารกิจสำเร็จ พวกเธอหักไปสิบเปอร์เซ็นต์ ทุกคนมีอะไรจะคัดค้านหรือเปล่า?”
สิบเปอร์เซ็นต์ไม่ถือว่าน้อย ปกติพวกโจวเยวี่ยหงอยู่ในทีม ทำภารกิจครั้งหนึ่ง แทบเฉลี่ยได้ไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป
ตอนนี้แค่รับผิดชอบรวบรวมข้อมูล ทุกคนก็ได้คะแนนตั้งห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว หญิงสาวทั้งคนจึงไม่คัดค้าน
พวกจ้าวชิงส่ายหัวเช่นกัน ไม่เห็นต่างอะไรกับข้อเสนอนี้
“งั้นดีเลย เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกเรายึดตามแผนนี้ ตอนนี้เหลือเวลาอีกสิบกว่าวันจะสิ้นเดือน ทางที่ดีที่สุดทุกทีมต้องทำภารกิจให้สำเร็จสามภารกิจขึ้นไป!”
บางครั้งโชคไม่ดี หาคนไม่เจอให้รอเกือบครึ่งเดือนคงไม่สำเร็จอยู่ดี
ฟางผิงจึงเอ่ยง่ายๆ ว่า “หากหาตัวคนไม่เจอจริงๆ ให้มากสุดแค่สามวัน สามวันแล้วต้องละทิ้งภารกิจ รับภารกิจอันใหม่แทน แน่นอนว่าสามารถเก็บภารกิจไว้ได้ ฉันสอบถามแล้ว แค่ทำให้สำเร็จในหนึ่งเดือนก็เพียงพอ รอพวกเราสิ้นสุดการจัดอันดับ ค่อยไปทำต่อได้”
ทุกคนพยักหน้าอีกครั้ง
เริ่มแบ่งกันรับภารกิจ
ฟางผิงค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็เจอภารกิจที่รู้สึกว่าเหมาะสมอยู่ไม่น้อย
“ชื่อ : เหยาจินเฉิง
เพศ : ชาย
อายุ : 40 ปี
ความสามารถ : ขั้นสอง หลอมกระดูกส่วนล่างสำเร็จ หลอมกระดูกมือซ้ายสำเร็จ…
สถานที่ : เมืองซีเจียง
รางวัล : 15 คะแนน (ข้อควรระวัง : เป้าหมายเป็นสาวกของนิกายศักดิ์สิทธิ์ รอบกายอาจมีผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ลัทธิอื่นอีก จับตัวได้มีรางวัลให้เพิ่ม)”
“สาวกนิกายศักดิ์สิทธิ์?”
ฟางผิงเห็นข้อมูล ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี “ในที่สุดก็เจอแล้ว!”
ครั้งก่อนเขาเจอพวกลัทธินอกรีตเช่นนี้ในรุ่ยหยาง ภายหลังกลับไม่มีข้อมูลปรากฏอีกเลย
ตอนนี้นึกไม่ถึงว่ารับภารกิจแล้ว จะมาเจอคนประเภทนี้อีก
จ้าวเสวี่ยเหมยหน้าเปลี่ยนสีเช่นเดียวกัน เอ่ยว่า “พวกลัทธินอกรีตนั้นมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ประเด็นอยู่ที่การรวมกลุ่ม กลัวก็แต่ว่าจะรวมกลุ่มกันกะทันหัน เป็นแบบนั้นพวกเราคงอันตรายแล้ว ถ้าไม่รวมกลุ่ม พวกนอกรีตนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ทั้งสาวกขั้นสองพวกนี้ ปกติรอบกายจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งอยู่สองสามคน ยังจะสามารถได้รางวัลเพิ่มอีก”
“เมืองซีเจียง…อยู่ไม่ไกลจากเมืองหนานเจียง”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ซีเจียงน่าจะไม่ใช่ฐานทัพหลักของอีกฝ่าย หากเป็นแบบนั้นจริงๆ คงไม่ปล่อยให้พวกเขาไปโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองของอีกฝ่ายหรอก
“ไม่ต้องสนใจขนาดนั้นหรอก พรุ่งนี้ไปซีเจียงดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน”
ทุกคนต่างพยักหน้า เรื่องนี้รอถึงซีเจียงแล้วค่อยตัดสินใจ
คนพวกนี้จะรวมตัวกันไม่บ่อย หากเจอในสถานการณ์นั้นจริงๆ ทางที่ดีคงต้องละทิ้งภารกิจ ให้หน่วยทหารหรือหน่วยสืบสวนมาจัดการเอง
—
วันต่อมา กลุ่มของฟางผิงเร่งเดินทางไปยังเมืองซีเจียง
พวกโจวเยวี่ยหงยังไม่ส่งข้อมูลมา พวกฟางผิงไม่ได้รีบเช่นกัน หาที่โรงแรมเพื่อพักสักแห่ง
เมื่อถึงโรงแรม ฟางผิงก็ต้องขมวดคิ้ว หันไปมองหน้าประตูแวบหนึ่ง
ด้านนอกประตู มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในโรงแรมเช่นกัน
คนกลุ่มนี้ยังเป็นวัยรุ่น ทั้งหมดมีหกคน ประเด็นอยู่ที่พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน
ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ทั้งยังยากที่จะปรากฏตัวพร้อมกัน
เจอผู้ฝึกยุทธ์เป็นกลุ่มหกคนในครั้งเดียว ฟางผิงสำรวจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดาว่า นี่อาจเป็นนักศึกษาสายศิลปะการต่อสู้ของมหาวิทยาลัยอื่น
หน่วยทหารก็มีทีมแบบนี้เช่นกัน แต่คนของหน่วยทหารและนักศึกษาศิลปะการต่อสู้นั้นแยกออกได้ง่าย
ฟางผิงมองแวบเดียว ก่อนจะกวาดสายไปทางอื่น รับคีย์การ์ดแล้ว รอจนเข้าไปในลิฟท์ค่อยเอ่ยว่า “พวกที่เพิ่งเข้าประตู มาจาก มหาวิทยาลัยไหนกัน?”
เจอผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏตัวหกคนในครั้งเดียว หากเป็นนักศึกษาปีสูงคงไม่มีอะไร
แต่หากเป็นนักศึกษาใหม่ นั่นไม่ธรรมดาแล้ว
นอกจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปน้อยนักที่จะมีนักศึกษาใหม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้
แน่นอนว่าสถานการณ์ในปีนี้ไม่เหมือนกัน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปรวมตัวกัน ทั้งบ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นนักศึกษาใหม่ออกมาไม่น้อย
พวกจ้าวเสวี่ยเหมยมองเห็นเหมือนกัน ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจ้าวเสวี่ยเหมยจะเอ่ยว่า “เมืองซีเจียงตั้งอยู่ในมณฑลตงอู๋ ทางตงอู๋มีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋ และมหาวิทยาลัยสายศิลปะการต่อสู้อีกสองแห่ง แต่ที่นี่ไกลจากหนานเจียงไม่มาก ทางหนานเจียงมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามแห่งเช่นกัน มหาวิทยาลัยพวกนี้เปิดสาขาศิลปะการต่อสู้ ไม่น่าจะมีผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้ได้ ถ้าเป็นนักศึกษาใหม่ เป็นไปได้ว่าอาจจะมาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋ไม่ก็หนานเจียง”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงอย่างนั้นเหรอ?”
ฟางผิงนั้นมีความรู้สึกซับซ้อนกับมหาวิทยาลัยหนานเจียงอยู่บ้าง
แง่หนึ่งคือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเป็นมหาวิทยาลัยบ้านเกิดของตัวเอง ตอนแรกเขาวางแผนจะเข้าเรียนที่นั่นมาโดยตลอด
ส่วนอีกแง่หนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นของฟางผิง รวมทั้งหวังจินหยางเรียนที่นั่นด้วยเหมือนกัน
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฟางผิงได้เจอกับนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ต่างมหาวิทยาลัย
แน่นอน ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายอยู่มหาวิทยาลัยไหนกันแน่ แต่ไม่ว่าจะมาจากไหน หากเป็นนักศึกษาใหม่ ในหมู่คนพวกนี้เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนไปปรากฏตัวอยู่ในการแข่งขันแลกเปลี่ยนเร็วๆ นี้
ฟางผิงครุ่นคิด ก่อนเอ่ยว่า “เดี๋ยวต้องไปทักทายสักหน่อย ฉันกลัวว่าพวกเขาจะทำภารกิจเหมือนกัน หากภารกิจของพวกเราชนกัน คงเป็นปัญหาแล้ว”
เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แม้เมื่อรับภารกิจแล้ว ภารกิจจะถูกล็อกไว้
แต่เป้าหมายของอีกฝ่าย หากไม่ใช่เหยาจินเฉิง แต่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหยาจินเฉิง ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสจะผสมปนเปและปะทะกันได้
ถังซงถิงพยักหน้าเล็กน้อย ถามว่า “ฉันสัมผัสไม่ค่อยได้ ฟางผิง ความสามารถของพวกเขาเป็นไงบ้าง?”
“คนอื่นๆ ปกติ แต่คนที่เป็นหัวหน้าปราณอาจจะประมาณสองร้อยห้าสิบแคล”
“แข็งแกร่งขนาดนั้น? หากเป็นปีสูงคงแล้วไป แต่ถ้านักศึกษาใหม่ การแข่งขันแลกเปลี่ยนในปีนี้คงน่ากลัวอยู่บ้างแล้ว”
ถังซงถิงพึมพำ ตอนนี้ปราณของเขาอยู่ที่ปราณสองร้อยห้าสิบแคลเช่นกัน แต่เขาเป็นนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่น เวลานี้มีคนบ่มเพาะปราณได้ถึงขั้นนี้ เรียกได้ว่าน่ากลัวจริงๆ
————————-