ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 127-2 การจัดอันดับ (2)
ตอนที่ 127 การจัดอันดับ (2)
“ปรมาจารย์จำนวนเยอะขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่สามารถควบคุมทางเข้าถ้ำใต้ดินยี่สิบแห่งได้”
“ตอนแรกยังคิดว่าระดับกลางก็แข็งแกร่งมากแล้ว ดูจากตอนนี้ ฉันคงมองโลกในแง่ดีเกินไป”
ความจริงประชากรกว่าพันล้านคนของประเทศจีน มีปรมาจารย์ออกมาสามสี่ร้อยคน คิดเป็นสัดส่วนหนึ่งต่อเกือบห้าล้าน
สัดส่วนนี้ไม่ถือว่าเยอะเลย
ประเทศเล็กๆ บางแห่ง ประชากรหนึ่งล้านคนก็นับว่าเยอะแล้ว ยึดตามสัดส่วนนี้ ประเทศหนึ่งจะมีปรมาจารย์กี่คนกัน?
แน่นอน อาจจะไม่ต้องยึดตามจำนวนประชากร ประเทศเล็กๆ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขกายสบายใจ บางทีอาจเป็นเพราะมีทรัพยากรที่เพียงพอ ผู้ฝึกยุทธ์ก็จะมากขึ้นมาหน่อย
สิบกว่ามณฑลในประเทศจีน เฉลี่ยแล้วมณฑลหนึ่งมีปรมาจารย์ประมาณสิบคน
นี่ยังต้องนับรวมพวกที่อยู่ในถ้ำใต้ดินไม่ยอมโผล่ตัวออกมา เพราะจำนวนปรมาจารย์ที่เปิดตัวต่อสาธารณะจริงๆ แบ่งได้ค่อนข้างน้อย
หนานเจียงมีปรมาจารย์ไม่กี่คน นั่นถือว่าใช้ได้แล้ว
ดูอันดับปรมาจารย์กันแล้ว ไป๋รั่วซีค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ปรมาจารย์อยู่ไกลตัวจากพวกเราอยู่บ้าง ที่จริงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะสนใจอันดับของผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามมากกว่า แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสาม เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด ผู้ฝึกยุทธ์นับล้านในประเทศจีน ต่ำกว่าขั้นสามนั้นครองอันดับเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว แปดแสนคน! แทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้ คงไม่อาจประลองกันได้ทั้งหมด อยากจะจัดอันดับออกมาเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง! ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างสีสันให้ตัวเอง จัดอันดับออกมาเอง คนอื่นจะยอมรับหรือไม่ก็แล้วแต่ การจัดอันดับต่ำกว่าขั้นสามที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมมีอยู่สามฉบับ ฉบับแรกรวบรวมโดยมหาวิทยาลัยของพวกเรา ฉบับที่สองเป็นของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง ยังมีอีกฉบับที่จัดโดยหน่วยสืบสวน ของหน่วยสืบสวนน่าจะเป็นกลางกว่าอยู่บ้าง”
ระหว่างที่พูด ไป๋รั่วซีเอ่ยต่อว่า “เมื่อกี้แจกให้พวกเธอแล้วเหมือนกัน อยู่แผ่นสุดท้าย พวกเธอลองเปิดดูได้”
ฟางผิงรีบพลิกไปหน้าสุดท้าย การจัดอันดับผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามนั้นมีแค่หนึ่งร้อยคน ไม่เยอะเท่ากับอันดับปรมาจารย์ที่มีถึงสามร้อยกว่า
กวาดสายตาดูอันแรกแรกๆ ฟางผิงแทบไม่รู้จักใครเลย
เป็นเรื่องปกติ ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร
ในนั้นมีมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่นอยู่ด้วย
ฟางผิงค้นดูสักพัก ค่อยเจอชื่อของหวังจินหยาง
การจัดอันดับฉบับนี้คงไม่ใช่ของปัจจุบัน เป็นตอนที่หวังจิงหยางยังไม่ทะลวงขั้นสี่ ถูกจัดอันดับในต่ำกว่าขั้นสามถือเป็นเรื่องปกติ
“อันดับที่ยี่สิบเจ็ด มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง หวังจินหยาง”
“อันดับผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามเหล่าหวังอยู่แค่ที่ยี่สิบเจ็ดเองเหรอ?”
ฟางผิงไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง นี่คือเหล่าหวังที่ท้าประลองขั้นสามทั่วสารทิศ จัดการมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งจนแทบเงยหน้าไม่ขึ้น
รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเหล่าหวังอยู่บ้าง ฟางผิงเอ่ยออกมาตรงๆ “อาจารย์ไป๋ครับ หวังจินหยางจากหนานเจียงอยู่อันดับที่ยี่สิบเจ็ดเองเหรอครับ?”
ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “เธอรู้จักหวังจินหยางอย่างนั้นสินะ? ความจริงอันดับที่ยี่สิบเจ็ดถือว่าสูงมากแล้ว! เธออาจไม่รู้ว่าประเทศจีนนั้นกว้างใหญ่ นอกจากจะมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังมีพวกสำนัก หน่วยทหาร หน่วยสืบสวนและคนที่เฝ้าระวังอยู่ที่ถ้ำใต้ดินอีก”
“การจัดอันดับฉบับนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลผู้ฝึกยุทธ์ที่เปิดตัวกับสาธารณะ แม้หวังจินหยางจะมีผลการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาจากการประลองกับเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง แต่พวกขั้นหนึ่งที่ประลองในเซี่ยงไฮ้และขั้นสามที่ปักกิ่ง ไม่ใช่กลุ่มนักศึกษาที่โดดเด่นอะไร ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายหลายคนจะอยู่ในถ้ำใต้ดินมากกว่า พวกเขาไม่สนใจการท้าประลองพวกนี้เท่าไหร่ แต่พวกเขาแสดงฝีมือในถ้ำใต้ดินหรือในภารกิจได้อย่างยอดเยี่ยม! อยู่ในร้อยอันดับได้ นั่นหมายความว่ามีความสามารถแข็งแกร่ง การจัดอันดับอาจไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถที่แท้จริงเสมอไป ยังไงคนพวกนี้ก็แทบไม่เคยประลองกันมากันทั้งนั้น!”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย นับว่ายอมรับเรื่องนี้
หยางเสี่ยวม่านที่นั่งอยู่แถวหน้าเอ่ยอย่างอิจฉาอยู่บ้าง “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเราจะสามารถอยู่ในการจัดอันดับนี้ได้”
ไป๋รั่วซีระบายยิ้มไม่พูดอะไร ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามมีเยอะเกินไป คิดว่าใครจะสามารถเข้าไปอยู่ในนี้ก็ได้งั้นเหรอ?
หวังจินหยางอยู่ขั้นสามตอนปลาย สร้างผลการต่อสู้ที่น่าทึ่งทางเหนือ ยังอยู่ที่อันดับยี่สิบเจ็ดเท่านั้น
ทางฝั่งเซี่ยงไฮ้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่ติดร้อยอันดับ ตอนนี้มีแค่หกคน
และหกคนนี้เป็นนักศึกษาชั้นปีสี่เกือบทั้งหมด ตอนนี้ไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยสักคน กำลังพยายามทะลวงขั้นสี่ ไม่แน่ว่าอาจจะทะลวงแล้วก็ได้
ในหมู่นักศึกษาใหม่ หยางเสี่ยวม่านถือว่าความสามารถไม่แย่เลย แต่พอถึงปีสี่ อาจจะไม่สามารถอยู่ในร้อยอันดับแรกเสมอไป
บางคนอาจจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าไม่ออกมาประลอง เก็บตัวอยู่เงียบๆ คงไม่ถูกบันทึกเหมือนกัน
ฟางผิงไม่ได้สนใจคำพูดของหยางเสี่ยวม่าน
เขาหันกลับมามองการจัดอันดับอีกครั้ง อันดับแรกเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามในหน่วยทหาร คนที่จัดอยู่สิบอันดับแรก ส่วนมากมาจากในหน่วยทหารทั้งหมด
ฟางผิงเดาว่าอาจเป็นเพราะอีกฝ่ายอยู่ในถ้ำใต้ดิน มีโอกาสลงมือมากกว่า ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของหน่วยทหารจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง
ส่วนทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ คนที่ถูกจัดอันดับสูงที่สุดเป็นรุ่นพี่คนหนึ่ง อยู่อันดับที่สิบหก เฉินเหวินหลง
ฟางผิงเริ่มสืบถามข้อมูล นึกไม่ถึงว่าฟู่ชางติ่งจะรู้จักด้วย เป็นนักศึกษาปีสามคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นรองประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แต่แทบไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยเลย
ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างเสียดายอยู่บ้าง “ก่อนหน้านี้หวังจินหยางมาเซี่ยงไฮ้ รุ่นพี่เฉินไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นบางทีอาจได้เห็นการประลองของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายแล้ว สำหรับพวกเรา ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับสูงยังอยู่ห่างไกลอยู่บ้าง แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามกลับเป็นเรื่องใกล้ตัว…”
“…”
ทุกคนซุบซิบกันยกใหญ่ บางคนยังพูดเรื่องในอนาคตว่าตัวเองต้องถูกจัดในอันดับเช่นกัน
บางคนคิดว่าการจัดอันดับไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ นึกไม่ถึงว่านักศึกษาขั้นสามที่เก่งที่สุดของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะถูกจัดให้อยู่แค่อันดับที่สิบหก
ทั้งอันดับปรมาจารย์ก็ไม่ได้เหมือนที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ อธิการบดีของพวกเขาอยู่ตั้งอันดับสี่สิบเอ็ด ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างคิดว่าอธิการคงจะอยู่ในสิบอันดับแรก!
แม้จะไม่อยู่ในสิบอันดับแรก ก็ควรจะอยู่หน้าอธิการของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากอธิการยังเป็นรองคนอื่นแล้ว นักศึกษาแทบไม่ต่างกัน!
ทางปักกิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่อยู่ร้อยอันดับแรกมีแปดคน คนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่สิบอันดับแรก อันดับที่หก
เก่งกาจกว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยู่ไม่น้อยเลย
เซี่ยงไฮ้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทว่ากลับเหมือนว่าทุกอย่างด้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่บ้าง นี่ทำให้นักศึกษาหลายคนขุ่นเคือง
ที่ยอดเยี่ยมที่สุดยังคงเป็นหน่วยทหาร ไม่ว่าจะอันดับปรมาจารย์หรืออย่างอื่น ผู้ฝึกยุทธ์ในหน่วยทหารต่างครองอันดับเยอะกว่า
ได้ยินคนพูดคุยกัน ไป๋รั่วซีเอ่ยเสียงเบา “พวกเขาอาศัยความเป็นความตายแลกมาด้วยเกียรติยศ เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ของหน่วยทหารแล้ว นักศึกษาในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ใช้ชีวิตอย่างสบายกว่า”
ผู้ฝึกยุทธ์ของหน่วยทหาร บางคนยังไม่ทันกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็ต้องเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินแล้ว
รอจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังต้องสังหารพวกนั้นเช่นกัน
แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะไม่เก่งรอบด้านกว่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยเสมอไป
นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ไม่ได้ยึดการเข่นฆ่าเป็นเป้าหมายอย่างเดียว ยังต้องเรียนรู้วิชาวัฒนธรรม บริการจัดการพวกนี้อีก
หากทำได้ทุกอย่าง นั่นหมายความว่าจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ไม่ดีพอ รวมทั้งประสบการณ์น้อย จะตามหลังอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
พูดคุยกับพวกนักศึกษาพักหนึ่ง ก่อนไป๋รั่วซีจะเตือนว่า “สองวันนี้จะเป็นวิชาความรู้ทั่วไป รอถึงวันหยุด พวกเธอต้องเรียนวิชาอื่นแล้ว”
ตอนที่เลิกเรียน จู่ๆ ไป๋รั่วซีก็เอ่ยกับฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยว่า “อาจารย์ของพวกเธอ เมื่อวานไปถ้ำใต้ดิน จะไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยช่วงหนึ่ง เธอไปค่อนข้างกระชั้นชิด ไม่ทันได้แจ้งให้พวกเธอทราบ ถ้าพวกเธอมีปัญหาอะไร สามารถมาหาฉันแทนได้”
“อาจารย์ไปถ้ำใต้ดิน?”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย สถานการณ์ของถ้ำใต้ดินตึงเครียดขึ้นมาแล้วงั้นเหรอ?
———————–