รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 97 ฝีมือของเย้นนี
บทที่ 97 ฝีมือของเย้นนี
สายตาของเผิงเมิ่งนั้นมองไปที่ฉินหลั่งตลอดเวลา ไม่ได้สังเกตรอบๆเลย ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างรถรถ Cadillac CT6
“เฮ้ย คนสวย ทำไมรีบร้อนแบบนี้……” ชายหนุ่มได้ไปขวางไว้ด้านหน้าของเผิงเมิ่ง มองเห็นเผิงเมิ่งในระยะใกล้ ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้น สาวสวยคนนี้ไม่ใช่สวยแบบธรรมดา “ดวงตาเปล่งประกาย ริมฝีปากแดงระรื่น ฟันขาวเรียงรายสวยงาม กิริยางดงาม” นำคำเปรียบเปรยความงามทั้งหมดที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอเลย
เผิงเมิ่งมองชายหนุ่มโดยไม่พูด คิดจะเดินไปจากด้านข้าง แต่แล้วชายหนุ่มก็ยังคงมาขวางเธอเอาไว้
“คนสวย ไม่ต้องเดินหรอก อากาศร้อนขนาดนี้ ขึ้นไปนั่งบนรถ……..” ชายหนุ่ม “ทอดสายตา”มองหน้าของเผิงเมิ่ง เพียงแค่มอง ก็ทำให้ร่างกายของเขาตื่นตัวมากแล้ว
“ไสหัวไป–” เผิงเมิ่งได้ด่าออกไป มองสายตาที่หื่นของชายหนุ่ม เผิงเมิ่งถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วก็ได้ด่าชายหนุ่มอย่างแรง
“แม้แต่เสียงยังไพเราะเพียงนี้” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างไร้มารยาท สมองและร่างกายของเขานั้นต่างตื่นตัวอย่างมาก เวลานี้ เขามีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คืออุ้มผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปข้างในรถ
“สาวสวย มาเถอะ ขึ้นรถเดี๋ยวฉันพาเธอไปซื้อของ………” ในหัวของชายหนุ่มถูกสเปิร์มครอบครองโดยสมบูรณ์ จู่ๆเขาก็อยากอ้าแขนเหมือนหมาป่า ตะครุบไปทางเผิงเมิ่ง
“อ้า!” เผิงเมิ่งปิดหูแล้วร้องอย่างเสียงดัง
“ตู๊มๆ……” ขณะที่ชายหนุ่มเกือบจะทำสำเร็จแล้วนั้น มือที่ใหญ่ได้ถูกชกเข้าที่หัวของชายหนุ่ม
“อ้า…….” ชายหนุ่มถูกทุบตีและเซไปทางขวา หูก็ดังด้วยเสียง “โวง” เขาก็โมโหทันที เตรียมตัวจะต่อสู้กับคนที่มาทำร้ายตัวเอง แต่เมื่อเขาหันหน้ากลับมา ฉินหลั่งก็ได้จ้องมองเขาแล้ว มือใหญ่ก็ได้ชกเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มเจ็บจนเห็นดาว
ฉินหลั่งกระชากผมของชายหนุ่มไว้ ใช้เท้าถีบไปที่ก้นของเขาจนไปชนกับรถ Cadillac ฟันหน้าของชายหนุ่มไปขุดโดนสีรถ จนฟันหลุดออกมา ปากของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือด
“ไสหัวไป- -” ฉินหลั่งไล่ชายหนุ่มอย่างแรง
ชายหนุ่มโดนฉินหลั่งชกจนมึนไปแล้ว เขารีบขึ้นรถอย่างลนลาน ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉินหลั่งจึงได้มองไปที่เผิงเมิ่ง เพื่อจะดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า กลับเห็นว่าเธอกำลังมองตัวเองอย่างเพ้อฝัน ฉินหลั่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังเดินไป
“ฉินหลั่ง ขอบคุณนะ” เผิงเมิ่งเดินตามฉินหลั่งอยู่ด้านหลัง พูดอย่างมีความสุข ฉินหลั่งยังคงช่วยตัวเองอย่างกระตือรือร้นเหมือนวันนั้น
คุณอย่ามาเดินตามผมได้มั้ย? ฉินหลั่งหยุดเดิน มองไปที่เผิงเมิ่งแล้วพูด เผิงเมิ่งจ้องมองดวงตาของฉินหลั่งอย่างเงียบๆ
“ฉันจะไม่รบกวนนาย หากนายรู้สึกว่าฉันรำคาญ ฉันก็จะไม่พูด……….” เผิงเมิ่งยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกได้ ฉินหลั่งก็คือคนคนนั้นในชีวิตของเธอ
“คุณจะเดินตามผมทำไม!” แววตาของฉินหลั่งปรากฏด้วยความเงียบงัน
“นายก็น่าจะรู้ดี ฉันชอบนายไง” เผิงเมิ่งพูดอย่างไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
“ผมได้คุยกับคุณชัดเจนแล้ว ผมไม่มีความรู้สึกกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว!” ฉินหลั่งพูดอย่างลนลาน
“พูดไปเรื่อย หากนายไม่ชอบฉันแล้วเมื่อกี้จะช่วยฉันทำไม?” เผิงเมิ่งไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ฉินหลั่งช่วยตัวเองนั้น ก็แค่เพื่อความยุติธรรม
คำพูดของเผิงเมิ่ง ทำให้สมองของฉินหลั่งว่างเปล่า เขารู้ว่าเมื่อกี้ตอนที่เขาได้ยินเสียงร้องของเผิงเมิ่ง เขาร้อนใจทันที ความรู้สึกแบบนี้ไม่ค่อยดี ฉินหลั่งต้องตัดมันเสียแต่ต้นลม
“คุณเผิง คุณสมบัติของคุณดีขนาดนี้ ที่บ้านก็ทำธุรกิจอีกด้วย และผมเป็นเพียงนักศึกษาจนๆที่ไม่มีค่าคนหนึ่ง ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมคุณต้องตอแยผมไม่ปล่อยด้วย?” ฉินหลั่งขมวดคิ้วถาม
“ใช่ นายพูดชัดเจนมากแล้ว คุณสมบัติของฉันเพียบพร้อมขนาดนี้ แต่นายเป็นเพียงนักศึกษาจนๆคนหนึ่ง แล้วทำไมนายถึงไม่ชอบฉันล่ะ?” เผิงเมิ่งมองฉินหลั่งอย่างไม่หลบสายตา แล้วก็ได้พูดวกกลับไปที่คำพูดของฉินหลั่ง
ฉินหลั่งไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงแล้ว เขาเพียงแต่มองเผิงเมิ่งด้วยความโกรธ จากนั้นก็หันหลังเดินไปข้างหน้า เผิงเมิ่งก็เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างคาใจ เธอได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าฉินหลั่งจะเดินไปทางไหน ก็จะเดินตามไปด้วย เพียงแต่จะไม่คุยกับฉินหลั่ง
ตอนนี้หากพูดกับเขา ก็จะทำให้เขาเกลียดตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น
ฉินหลั่งเดินไปถึงร้านริมทางร้านหนึ่ง ก็ได้สั่งผัดหมี่กับเถ้าแก่หนึ่งที่
เผิงเมิ่งก็นั่งอยู่ข้างกายของฉินหลั่งโดยไม่พูดไม่จา ฉินหลั่งทำราวกับเธอไม่มีตัวตน
“ไอ้หนุ่ม แฟนนายจะกินอะไร?” เถ้าแก่เนี้ยถามฉินหลั่ง ฉินหลั่งที่ไม่พูดกำลังจะอธิบายกับเถ้าแก่เนี้ย ตัวเองกับเผิงเมิ่งไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย เพียงแต่เผิงเมิ่งได้แย่งพูดเสียก่อน: “คุณน้า เอาเหมือนของเขา”
เห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยไปผัดหมี่แล้ว เผิงเมิ่งก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ฉินหลั่งกลับหน้าดำคร่ำเครียด
หมี่สองที่ได้ถูกเสิร์ฟพร้อมกัน ฉินหลั่งกินอย่างรวดเร็ว แป็บเดียวก็หมดเกลี้ยง เขาไม่สนใจเผิงเมิ่ง จ่ายเงินแล้ว ก็เดินไปเลย
“นังหนู พวกเธอสองคนทะเลาะกันใช่ปะ อย่างนี้ไม่ได้นะ แค่เป็นแฟนกัน ก็ทิ้งเธอไว้คนเดียวโดยไม่สนใจ หนุ่มน้อยคนนี้ช่างใจแคบเหลือเกิน…….” เถ้าแก่เนี้ยคุยกับเผิงเมิ่งที่ยังคงนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร
เผิงเมิ่งยิ้มกับเถ้าแก่เล็กน้อย สายตาก็ได้มองไปที่หลังของฉินหลั่ง จนกระทั่งลับตา เธอจึงได้กินหมี่ต่อ……..
ณ โรงพยาบาลดี้อีเหรินหมิงของเซี่ยงไฮ้
จงยู่ที่นอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้สามชั่วโมง น้ำเกลือพยาบาลได้ถอดออกไปแล้ว เธอค่อยๆตื่นขึ้นมา
“จงยู่ เธอตื่นแล้ว” ที่ข้างเตียงจงยู่ เย้นนี เฉินจิ้งอี๋ กัวย่าหนานและคนอื่นต่างก็อยู่ที่นี่ ก่องเจียวและจางเสี่ยวหย่าเวลานี้ไม่กล้าที่จะชักสีหน้าใส่จงยู่แม้แต่นิดเดียว พวกเธอกำลังยิ้มอย่างเอาใจ ในใจรู้สึกกระวนกระวาย กลัวว่าจงยู่จะคิดบัญชีเก่ากับพวกเธอ
“พวกเธอ………” จงยู่ถูกคนมากมายขนาดนี้มองตัวเองอย่างทะนุถนอมเหมือนสัตว์เลี้ยง รู้สึกไม่ชินอย่างมาก เธออยากจะนั่ง เพื่อนๆได้พยุงจงยู่พิงอยู่บนเตียงคนไข้
“พวกเธออย่าทำแบบนี้เลย ฉันไม่เป็นไร พวกเธอไปยุ่งเรื่องของตัวเองกันเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน……” จงยู่มองคนเหล่านั้นแล้วกล่าว
“พวกเราไม่ได้มีธุระอะไรกัน ตอนนี้ร่างกายของเธอสำคัญที่สุด”
“ใช่ จงยู่ เธอต้องการอะไรก็บอกกับพวกเรา พวกเราช่วยเธอจัดการเอง ตอนขึ้นมาฉันได้ซื้อสับปะรดมาด้วย ฉันหยิบให้เธอกิน……..”
ก่องเจียวและจางเสี่ยวหย่าเวลานี้ต่างพยายามทำดีกับจงยู่
ในใจของกัวย่าหนานดูถูกพวกเธอมาก ตอนที่จงยู่ยังไม่ตื่นนั้น เธอทั้งสองคนรออยู่ด้านข้างอย่างกังวล เดี๋ยวๆก็เดิน เดี๋ยวๆก็นั่งแล้วบ่นพึมพำ กำลังร่างข้อความ ฝึกฝนว่าควรจะพูดยังไงเมื่อจงยู่ตื่น
“ไม่ต้องจ้า” จงยู่ยิ้มเล็กน้อย เธอไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าคิด
“พี่เฉิน พวกเราจะกลับจินหลิงกันเมื่อไหร่?” ก่อนที่จะมาเซี่ยงไฮ้ จงยู่ได้ยินเฉินจิ้งอี๋เคยพูดกับอาจารย์หลายคน พวกเขาได้จองตั๋วขากลับกันไว้แล้ว
“เรื่องนี้เธอก็อย่าห่วงเลย” เฉินจิ้งอี๋จับมือของจงยู่ไว้ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ในใจของเธอก็รู้สึกผิดต่อจงยู่อย่างมาก: “เดี๋ยวฉันจะไปทำเรื่องเลื่อนตั๋ว” พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ เธอก็พักฟื้นให้สบายใจเถอะนะ เดิมทีเฉินจิ้งอี๋วางแผนไว้ว่าจะอยู่ดูแลจงยู่กับกัวย่าหนานสองคน แต่ในเมื่อเย้นนีเธอทั้งสามคนเสนอตัวที่จะอยู่ดูแลด้วย เวลาแบบนี้หากพวกเธอกลับไป ก็เท่ากับหาเรื่องตาย
“ไม่เอา จงยู่ฟังเฉินจิ้งอี๋พูดจบ คิดยังไม่ทันได้คิด ก็ได้ปฏิเสธความคิดของเธอ จงยู่ไม่เคยคิด เพราะเรื่องของตัวเอง แล้วไปทำให้คนอื่นเสียการเสียงาน: อย่าเลื่อนตั๋วเลย พวกเราก็กลับตามแผนที่วางเอาไว้เลย………”
“เธอย่าดื้อหน่อยเลย ตอนนี้ร่างกายของเธอไม่สามารถที่จะขยับอย่างตามใจชอบ เธอไม่ต้องสนใจพวกเรา ต่อให้กลับไปถึงจินหลิง ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้น พวกเราอยู่ดูแลเธอพักรักษาตัวที่นี่…….” ตอนนี้เฉินจิ้งอี๋ต้องการให้จงยู่พักรักษาตัวอย่างดี
“ใช่ จงยู่ เธออย่าคิดมากเลยนะ”
“พวกเราเป็นทีมเดียวกัน จะทิ้งเธอไว้คนเดียวได้ยังไง”
“ไม่ได้เห็นอาการเธอดีขึ้น พวกเราก็จะไม่สบายใจนะ”
พวกเย้นนีก็ได้พูดกล่อมจงยู่
จงยู่ยิ้มแล้วส่ายหัว มีคนมากมายเป็นห่วงเธอ ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก แต่เธอไม่สามารถที่จะรับ ความเสียสละของผู้อื่นเพื่อมารองรับตัวเอง เฉินจิ้งอี๋เป็นเพียงผู้จัดการคนหนึ่งของบริษัทช่างเมิ่งมิวสิค ทุนที่มาเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ก็มีจำนวนจำกัดด้วย ค่าเลื่อนตั๋วเธอต้องเป็นคนมาออกแน่ พวกเธอยู่เซี่ยงไฮ้ดูแลเธอ ต่างก็ต้องกินต้องใช้ นี่ก็ต้องเป็นเงินที่ไม่น้อยก้อนหนึ่ง
“พี่เฉิน ความหวังดีของพวกพี่ฉันซาบซึ้งแล้ว แต่ไม่ต้องจริงๆ พี่อย่ามองว่าบนร่างกายของฉันมีแผลหลายแห่ง ที่จริงมันเป็นเพียงแผลเล็กน้อย อีกอย่างจินหลิงห่างจากเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ไกลนัก กลับไปถึงจินหลิง ฉันจะไปหาหมอทันที…..ครั้งนี้พี่ฟังฉันได้มั้ย? เดินทางตามแผนที่พวกเราวางไว้กันเถอะ”
ทุกคนมองจงยู่อย่างไม่มีคำพูด สายตาของเฉินจิ้งอี๋เต็มไปด้วยความอ่อนโยน เธออยู่กับจงยู่มานานขนาดนี้ ทำไมจะไม่เข้าใจความคิดของจงยู่ล่ะ?
“ได้ ทำตามที่เธอพูดละกัน” เวลานี้เฉินจิ้งอี๋ได้ตกลงตามคำขอของจงยู่
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เฉิน ไฟรท์บินของเรากี่โมงคะ?” จงยู่หัวเราะเบาๆ
“คืนนี้สองทุ่ม……..”
“อ่อ งั้นเรากินข้าวเที่ยงแล้ว ก็กลับไปที่โรงแรม ไปเก็บข้าวของ แล้วพักผ่อนสักพัก เวลาก็พอดีเลย” จงยู่คิดแล้วกล่าว
หลังจากที่หารือกันแล้ว กัวย่าหนานไปซื้อข้าวให้จงยู่ที่โรงอาหาร ผู้หญิงหกคนยากนักที่จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุข
กินข้าวเสร็จ เฉินจิ้งอี๋จึงได้ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล คุณหมอได้กำชับไว้ว่าหากกลับไปถึงจินหลิงต้องรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลทันที
ผู้หญิงหกคนได้เรียกรถสองคัน มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่พัก
กลับถึงโรงแรม เย้นนี ก่องเจียว จางเสี่ยวหย่าต่างกระตือรือร้นที่จะช่วยจงยู่เก็บกระเป๋า ไม่นานนัก กระเป๋าของจงยู่ก็ได้ถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณนะ” จงยู่ขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
“อย่าเลย มันเป็นเรื่องที่พวกเราสมควรทำอยู่แล้ว เอาอย่างนี้ จงยู่เธอไปนอนพักที่เตียงก่อน หกโมงครึ่งแล้วพวกเราจะมาปลูกเธอเอง…..”
จงยู่พิงอยู่บนเตียง เธอถือโทรศัพท์ไว้ ตอนนี้ฉินหลั่งน่าจะไม่มีธุระอะไรแล้วมั้ง? จงยู่อยากได้ยินเสียงของฉินหลั่งมาก เธอครุ่นคิดไปสักพัก ก็ได้หาเบอร์ของฉินหลั่งจากในรายชื่อ เธอคิดดีแล้ว เธอจะยังไม่บอกเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บกับฉินหลั่ง ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเป็นห่วง หากกลับไปถึงจินหลิง เขาก็จะรู้ทุกอย่างเอง
“ตู๊ด–ตู๊ด—” โทรศัพท์ดังจนสายตัดไปเอง ฉินหลั่งยังคงไม่รับสาย
“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ค่ะ……” ได้มีเสียงอ่อนหวานตอบกลับโดยอัตโนมัติ
จงยู่รู้สึกเศร้าเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ ถ้าเขาเห็นแล้ว ต้องโทรกลับมาหาเธออย่างแน่นอน โทรไม่ติดก็ดีเหมือนกัน เธอก็ไม่ต้องไปคิดหาทางปกปิดสถานการณ์ของตัวเอง
ครุ่นคิดไปสักพัก สุดท้ายจงยู่ก็ได้ส่งข้อความไปให้ฉินหลั่ง: “คืนนี้เก้าโมงฉันจะไปถึงสนามบินจินหลิง นายจะมารับฉันมั้ย?”
และสิ่งที่จงยู่ไม่รู้ก็คือ โทรศัพท์ของฉินหลั่งไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ข้อความกลับไปโผล่ที่โทรศัพท์ของเย้นนีที่อยู่ห้องด้านข้าง
มองดูที่หน้าจอ เห็นมิสคอลของจงยู่ เย้นนียิ้มที่มุมปากอย่างตัวร้าย
ช่วงเช้าที่โรงพยาบาล เย้นนีได้แก้เบอร์โทรของฉินหลั่ง เป็นเบอร์ของตัวเอง และเธอก็ได้เซฟเบอร์ของฉินหลั่งไว้ในโทรศัพท์ของตัวเอง
ฉินหลั่งนั้นเป็นพี่ชายของฉินเทียน เป็นคนตระกูลฉินในเย็นจีน เป็นลูกมหาเศรษฐีคนหนึ่ง เย้นนีจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?