รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 760 ยี่สิบรุมหนึ่ง
บทที่ 760 ยี่สิบรุมหนึ่ง
เทพสงครามระดับเซียน…….ซิงจ้าง
เป็นที่ร่ำลือว่าร่างเดิมของเขาก็คือกะเหรี่ยงเจิดจรัส ตอนนี้มีอายุ 100 กว่าปีแล้ว แต่ก็ยังคงดูเหมือนอยู่ในวัยหนุ่มสาว
ตั้งแต่แรกเกิดก็ครอบครองพลังจากแสงสว่าง สุดท้ายเมื่อผ่านการฝึกบำเพ็ญตนเคล็ดลับวิชาของโลกซ่างถิง นำเอาพลังแสงสว่างในร่างหยั่งรู้ถึงขั้นบรรลุชั้นสูงสุดของผู้แข็งแกร่ง ถูกขนานนามให้เป็นมนุษย์วิเศษที่มีความแข็งแรงที่สุดในโลกปัจจุบันว่า เทพสงคราม!
“ฟู้ฟู้!”
ซิงจ้างสยายปีกทั้งคู่ออก ร่อนลงมาจากท้องฟ้า เหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิดพุ่งลงทั้งลำ ดวงตาทั้งสองปรากฏแสงเทพสีขาว ขนนกที่เกิดจากการรวมตัวของลำแสงมีความคมดั่งมีด สามารถตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างได้
“โต่ง!”
ฉินหลั่งใช้ขาเตะเหลยซีกระเด็นออกไป จากนั้นอาศัยร่างเนื้อตัวที่แข็งแกร่งแบกรับมนตร์คาถาสาปแช่งของหยูจืด จากนั้นกระทืบเท้าอย่างแรง พุ่งสูงท้องฟ้า เหมือนหัวยักษ์กระเด็นขึ้นกลางอากาศ พุ่งสู่สวรรค์ชั้น9 ออกหมัดจากข้างล่างขึ้นบน ชกไปยังซิงจ้าง หมัดแสงสีเขียวที่เจิดจ้า ทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่ว
“ปั่งปั่งปั่ง!”
ฉินหลั่งเพิ่งกระโดดขึ้นไป 10 เมตร ก็ชนกับซิงจ้างพอดี
หมัดแสงสีเขียวชนกับขนนกแสงสีขาวด้วยกัน เหมือนกับว่าค้อนเหล็กทับลงบนคมดาบ เกิดเสียงดังแสบแก้วหู ทำให้ทุกคนต้องเอามืออุดหูไว้
“ร่างทิพย์มาอีกคนแล้วเหรอ?”
ฉินหลั่งทำตาหรี่ รับรู้ได้ว่าพลังแสงที่รวมตัวกันบนหมัดนั้นปาดทะลุผ่านลมปราณคุ้มกาย สับลงบนกำปั้นหมัดของเขา หากพูดว่าเหลยซีเป็นเพียงแค่ร่างทิพย์ในระดับต้น สัมฤทธิผลออกมาบางครั้งเท่านั้น ฉะนั้นแล้วซิงจ้างก็คงใกล้สำเร็จขั้นร่างทิพย์ระดับต้นอย่างสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งยังเป็นร่างทิพย์ธรรมดาที่ค่อนข้างแข็งแกร่งที่เรียกว่า ‘ร่างทิพย์เจิดจรัส’
ร่างกายของซิงจ้าง จากภายในสู่ภายนอก ล้วนถูกพลังแสงสว่างห่อหุ้มไว้ ไม่ว่าจะเป็นเอ็นกระดูก กล้ามเนื้อ เลือดแม้กระทั่งอวัยวะภายใน ก็ถูกพลังแสงสว่างแทรกซึมไปทั่ว ต่อให้กระสุนปืนก็ไม่มีทางที่จะทะลวงเข้าไปได้
นี่ก็คือความแข็งแกร่งของร่างทิพย์ระดับต้น
หากสามารถฝึกบำเพ็ญตนถึงขั้นโลกเซียนเทียนแล้ว ร่างทิพย์ระดับสูงสุด จะมีอายุยืนยาวถึง 500 ปีขึ้นไป ต่อให้ปะทะกับขีปนาวุธก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“เสียดายที่ว่า คุณเป็นแค่ร่างทิพย์ธรรมดาเท่านั้น ส่วนที่ข้าฝึกบำเพ็ญตนนั้น คือร่างกายจื่อย่า! หนึ่งในร่างกายห้าธาตุ ร่างเทพที่แข็งแกร่งที่สุด”
ฉินหลั่งหัวเราะเสียงดังลั่น ปล่อยให้ซิงจ้างใช้ปีกซ้ายสับลงบนตรงแผ่นหลังของตัวเอง สงบนิ่งไม่ไหวอิง อีกทั้งยังชกหมัดกลับคืนไปหนึ่งหมัด ทะลวงลำแสงคุ้มกายของซิงจ้าง ประทับรอยหมัดลงตรงหน้าอกของซิงจ้าง
ซิงจ้างร้องโหยหวน ถูกหมัดของฉินหลั่งชกกระเด็นออกไป ถอยหลังไปหลายสิบเมตรอยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงได้ฝืนยืนตั้งตัวได้
“เนื้อกายในตัวเขาแข็งแกร่งกว่าข้าอีก!”
เทพสงครามระดับเซียนท่านนี้ตื่นตกใจมาก
ตั้งแต่ที่เขาหยั่งรู้‘ร่างแห่งแสงสว่าง’เป็นต้นมา นอกจากอาวุธร้ายแรงทางการทหารปัจจุบันที่สามารถทำให้เขาเกรงกลัวได้ พวกปืนไรเฟิลธรรมดาทั่วไปทำอะไรซิงจ้างไม่ได้เลย อีกทั้งปีกทั้งคู่ของเขานั้น เกิดจากลำแสงสว่างเทพประกอบขึ้นมา มีความคมอย่างมาก พอที่สามารถที่ตัดเหล็กเส้นหนาขนาดเท่าปากชามได้ แต่การจู่โจมครั้งนี้ หั่นลงบนแผ่นหลังของฉินหลั่ง ก็ยังไม่สามารถบาดให้เกิดรอยได้เลย กลับทำให้หน้าอกของเขาสะเทือนจนเจ็บร้าว
‘เจ้าหมอนี่จะต้องหยั่งรู้ร่างกายของเทพชนิดหนึ่งอย่างแน่นอน อีกทั้งยังแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าร่างแห่งแสงสว่างของข้ามากเลย อีกทั้งยังสามารถหยั่งรู้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว’ซิงจ้างในใจรู้สึกเกิดความอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
ในโลกบำเพ็ญเซียนปัจจุบันนี้ สามารถจำแนกผู้แข็งแกร่งออกเป็น 2 จำพวก
พวกที่ 1 เกิดจากการฝึกบำเพ็ญตนของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนักต่อสู้ศิลปะป้องกันตัว นักพรต ผู้ชำนาญเวทมนตร์ อาจารย์ยิงหยาง ผู้บำเพ็ญเซียน ผู้อาวุโสต่างๆ ล้วนต้องการฝึกบำเพ็ญตนตั้งแต่ยังเด็ก ค่อยๆก้าวทีละขั้นจากฝึกพลังภายใน การบรรลุฌานสู่แดนสุขาวดี จนสุดท้ายถึงระดับขั้นเทพ
ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็คือผู้วิเศษที่มีความสามารถหยั่งรู้ ถึงแม้ว่าพวกเขาก็ต้องการเคล็ดลับวิชามาช่วยสนับสนุนในการฝึกบำเพ็ญตนก็ตาม แต่พลังจิตนั้นต่อให้ไม่ต้องฝึกบำเพ็ญตนก็สามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยตัวมันเอง เพราะว่าผู้วิเศษได้รับพลังภายในมาแต่กำเนิดแล้ว ดังนั้นจึงทะนงตัวว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่น อยู่เหนือผู้ที่เพียรพยายามฝึกบำเพ็ญตนด้วยความลำบาก หากผู้วิเศษฝึกบำเพ็ญตนได้ระดับสูงสุดแล้ว ก็จะหยั่งรู้ ‘ร่างกายแห่งเทพ’ได้
เมื่อหยั่งรู้ร่างกายแห่งเทพแล้ว อย่างเช่นซิงจ้างและเหลยซีพวกนี้ ก็แทบจะไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งในโลกเทพเลย
เสียดายที่ว่าไม่ว่าจะเป็นซิงจ้างหรือว่าเหลยซี ยังห่างไกลจากการหยั่งรู้ร่างกายแห่งเทพอย่างสมบูรณ์ ยังขาดเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่สามารถก้าวข้ามขั้นนั้นไปได้ แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม ความสามารถในการสู้รบของทั้งสองคนนั้นก็ยังสามารถกวาดล้างภายใต้แดนแห่งเทพได้ โดยเฉพาะซิงจ้าง ในหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมง ทุกวันเกือบจะใช้เวลาวันละยี่สิบสามชั่วโมงในการประคองรักษาระดับร่างกายแห่งเทพให้คงอยู่
ส่วนฉินหลั่งในสายตาของเขาแล้ว ก็คือคนที่หยั่งรู้ร่างกายแห่งเทพที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง
ฉินหลั่งอายุยังไม่ครบ 20 ปีเลย แต่อายุของซิงจ้างก็ไม่ใช่น้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้ซิงจ้างจะไม่อิจฉาได้อย่างไรเล่า
“โป้ง!”
ฉินหลั่งใช้พลังกระโดดข้ามจนสุดแรง ก็ตกลงมาบนพื้น ตอนนี้เหลยซีก็สั่นไปทั้งตัวอีกครั้ง หยูจืดก็อาศัยพลังเวทมนตร์ออกมาจากใต้ดิน กลายร่างเป็นมนุษย์ยักษ์ดินปั้นที่ใหญ่โตมาก กำหมัดแล้วชกมายังฉินหลั่ง
“ไอ้พวกมดตัวเล็กตัวน้อย”
ฉินหลั่งบ่นเสียงเบา กำหมัดชกเหลยซีกระเด็นออกไป จากนั้นก็พุ่งเข้าชนขวาง ไปยังอ้อมกอดของมนุษย์ยักษ์ดินปั้น ทำให้มนุษย์ยักษ์ดินปั้นที่สูงถึง3เมตรกว่าถูกทำลายกลายเป็นเศษผงดิน จากนั้นก็กระทืบเท้า แล้วลากรอยเงาเวทมนตร์ออกมา พุ่งไปยังหยูจืด
เขาเตรียมที่จะจัดการตัวน่ารำคาญที่แอบใช้เวทมนตร์คาถาอยู่ข้างหลังคนนี้
“ระวัง!”
เหลยซีหน้าเปลี่ยนสี ส่วนซิงจ้างก็มีบินวนอยู่กลางอากาศ ศรธนูแสงขาวมากมายยิงออกจากปีกหลังของเขา ดูราวกับกลุ่มฝนธนูกินพุ่งเข้าไปหาฉินหลั่ง
ฉินหลั่งก็อาศัยปราณคุ้มกายปะทะกับฝนธนู แต่ก็ถูกกระแทกจนถอยหลังไปหลายก้าว จึงไม่สามารถที่จะบุกขึ้นไปได้อีก ส่วนหยูจืดก็ฉวยโอกาสนี้ ร่ายมนตร์อำพรางตัว ทำให้ทั้งตัวจางหายไปในอากาศ ใกล้เคียงการพรางตัวได้
“อาศัยเวทมนตร์เล็กน้อยแค่นี้ ก็คิดว่าจะรอดสายตาข้าได้เหรอ?”
ฉินหลั่งแสยะยิ้ม ดวงตาเจิดจ้าด้วยประกายแสงแห่งเทพ ส่องไปยังร่างของหยูจือ
แต่ตอนนี้ ซิงจ้างก็บุกลงมาถึงอีกครั้ง
ฉินหลั่งจึงจำเป็นต้องปะะมือกับซิงจ้างก่อน ซิงจ้างอย่างไรก็เป็นถึงร่างทิพย์ระดับต้น
เนื้อตัวก็แข็งแกร่งมหาศาล ถึงแม้หมัดทุกหมัดที่ฉินหลั่งชกออกไปยังร่างของเขา ก็ล้วนทำให้เขากระเทือนจนเลือดลมปราณสับสน อวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือน รู้สึกทรมานจนอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่ถ้าเขาพยายามใช้พลังเต็มที่ที่สุดแล้ว ก็ยังสามารถที่จะต้านทานฉินหลั่งไว้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
รวมทั้งเหลยซีก็ยังบุกเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต ร่างกายเทพฟ้าผ่าของเขาจะแข็งแกร่งสู้ร่างกายเจิดจรัสของซิงจ้างไม่ได้ก็ตาม แต่ก็สามารถต้านทานหมัดของฉินหลั่งได้หลายหมัด อีกทั้งยังมีหยูจืดที่คอยร่ายเวทมนตร์ช่วยก่อกวนอยู่ด้านข้าง ฉินหลั่งก็ถึงกับถูกทั้งสามคนเข้ารุมเล่นงานอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“สุดยอดมาก! เห็นทีคนนี้สามารถเลื่อนสูงขึ้นไปจนถึงเขตโลกซ่างถิงได้เลย!”
ฉินหลั่งกลับไม่รู้ว่า บรรดาผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหลายที่ยืนอยู่ด้านนอก แทบจะมองดูด้วยอาการที่ตกตะลึงตาค้าง
ในสายตาพวกเขาแล้ว ฉินหลั่งคนเดียวสู้กับ 3 คน อีกทั้งยังอยู่ในสภาวะที่ได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเหลยซี หยูจืดหรือว่าซิงจ้างก็ตาม ล้วนถูกฉินหลั่งควบคุมไว้ได้อย่างเข้มแข็ง หมัดของเขาทุกหมด ท่าเตะทุกท่วงท่า เวทมนตร์ทุกครั้งที่เสกออกไป ล้วนทำให้ทั้ง 3 คนต้องต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชจึงจะรอดพ้นไปได้ แต่ว่าการบุกโจมตีของทั้ง 3 คนที่เข้าจู่โจมฉินหลั่งนั้น แทบจะไม่ทำให้ฉินหลั่งระคายผิวแม้แต่นิดเดียว
ต่อให้ซิงจ้างสู้อย่างสุดฤทธิ์ แล้วรวบรวมเอา‘วิชากระบี่ลำแสงถล่มภูเขาแม่น้ำ’ ออกมา ผ่าลงกลางไหล่ของฉินหลั่ง ก็แค่ทำให้ฉินหลั่งขมวดคิ้วเท่านั้นเอง
“ความแข็งแกร่งของเนื้อกายในตัวเขาถึงระดับไหนกันแน่? แข็งแกร่งกว่าร่างแห่งเทพเชียวหรือ?”
เจ้าสำนักเสว่ซานอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยความหวาดผวา
“นี่ก็คือผู้แข็งแกร่งระดับเทพตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นวิชาเวทมนตร์ วิชาศิลปะการต่อสู้ ความแข็งแกร่งด้านเนื้อตัว ทุกอย่างเขาก็อยู่เหนือพวกเราทั้งหมด บรรลุถึงขั้นอีกระดับหนึ่งแล้ว” ท่านนักพรตป๋ายซุยกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
‘อาศัยพวกเขา 3 คน สามารถที่จะเอาชนะฉินหนานจงได้จริงเหรอ? ’
ทุกคนล้วนเกิดความสงสัยขึ้นมา
“บุกเข้าไปพร้อมกันเลย ถ้าไม่ชนะหรือสังหารฉินหนานจง เช่นนั้นแล้วพวกเราก็จะไม่ได้ดอกไม้ซานเหยียนแน่นอน อีกทั้งอาจจะต้องมาตายที่นี่ด้วย!”
เสินจีจื่อกระทืบเท้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถูกต้องแล้ว บุกขึ้นไปพร้อมกันเลย!”
ทุกคนลังเลสักครู่ จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมกันทุกคน
ถึงแม้คนเดียวสู้กับ 3 คน ฉินหลั่งก็ยังอยู่ในสภาวะที่ได้เปรียบ บรรดาพวกคนโลกผู่ซิวก็ตัดสินใจละทิ้งผลประโยชน์ทั้งหมด หันมาพร้อมใจกันร่วมลงมือ ฉินหลั่งแข็งแกร่งเกินไป ถึงขั้นที่ทำให้ทุกคนหวาดผวา เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ มีเพียงร่วมมือด้วยกันเท่านั้น แล้วสู้อย่างเต็มที่ จึงจะสามารถเอาชนะได้
“ไอ้พวกเวรตะไล พวกคุณยังเป็นปรมาจารย์อยู่หรือเปล่า? ผู้เป็นเซียนหรือเปล่า? ถึงขนาดต้องเอา 20 คนมารุมตีคนคนเดียว?”
หลิวหย่งเฉียงยืนดูอยู่ด้านข้าง เดินทีเมื่อเห็นฉินหลั่งคนเดียวสู้กับ 3 คนก็ยังได้เปรียบ ใบหน้าก็แสดงสีหน้าระรื่นออกมา แต่ตอนนี้เมื่อเห็นบรรดาผู้แข็งแกร่งทั้งหลายเข้าร่วมใจกันลงมือรุมฉินหลั่ง จึงกระโดดขึ้นมาตะโกนใส่ทันที