รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 730 ผิดปกติ
บทที่ 730 ผิดปกติ
เมื่อไปถึงสวนหลังบ้าน ฉินหลั่งถามขึ้นว่า: “หยูนชิงชิงใช่ไหมที่มีปัญหา? เด็กสาวน้อยผู้แข็งแรงอย่างคุณนี้ ทำไมถึงมีอาการที่ไม่สบายผิดปกติไปได้”
เพราะการร่วมมือกันถ่ายโฆษณาทำให้หยูนชิงชิงกับจงยู่ ทั้งสองคนสนิมสนมกันเป็นอย่างมาก จงยู่มีนิสัยใจคอดีอ่อนโยน หยูนชิงชิงก็ฉลาดหลักแหลม ทั้งสองคนไม่ได้เป็นเพียงหุ้นส่วนทางธุรกิจปกติเท่านั้น แต่มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นระดับพี่สาวน้องสาวเลยทีเดียว
“อาหลั่ง อาชีพของชิงชิงค่อนข้างอ่อนไหว หากเธอไปที่โรงพยาบาล ก็จะถูกสื่อมวลชนรายงานข่าวใหญ่โต อนาคตกาลเป็นดาราก็จะดับสลายไป”
“ช่วงนี้ชิงชิงร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง มักจะนอนไม่หลับ ฝันร้าย ค่อนข้างเฉื่อยชา เบื่ออาหาร อาหลั่ง คุณว่าควรจะรักษาอาการของเธออย่างไรดี”
ขณะที่จงยู่พูดก็ได้ลากชิงชิงเข้ามาใกล้มากขึ้น ยิ้มและพูดว่า: “ชิงชิง คนกันเองทั้งนั้น คุณมีอะไรก็พูดออกมาได้ทั้งหมด ไม่ต้องกังวลว่าพวกนักข่าวปาปารัสซี่เหล่านั้นจะทราบ”
“เชื่อมั่นในอาหลั่ง คุณมีปัญหาอะไรเขาก็สามารถแก้ไขจัดการให้ได้ทั้งหมด”
หยูนชิงชิงไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงเขินอาย โดยเฉพาะได้ยินที่จงยู่พูดว่าอะไรก็สามารถแก้ไขจัดการปัญหาให้ได้ทั้งหมด จึงคิดย้อนถึงเรื่องอดีต ฉากภาพที่เธอกับฉินหลั่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้น จึงค่อย ๆ ก้มศีรษะลง แต่ว่าใบหน้าของเธอก็ยังคงมีรอยยิ้มอันอ่อนหวานอยู่
“หยูนชิงชิง พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว ยู่เอ๋อคุณก็ทราบอยู่แล้ว” ฉินหลั่งยิ้ม
“คุณคงไม่ได้รู้สึกว่าสภาพโรงหมอของพวกเราคงไม่ดีพอที่จะรักษาดาราดังแบบคุณใช่ไหม? ดูเหมือนว่าคุณคงไม่ได้คาดหวังอะไรจากฉันสักเท่าไหร่ เหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่? ”
“อา ไม่ใช่แบบนั้น ฉินหลั่ง คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณแน่นอน ได้พบเจอคุณ ดีใจมากจริง ๆ……” หยูนชิงชิงเสียงสั่นเล็กน้อย ยื่นมือที่ขาวผุดผ่องออกมาเพื่อจะจับมือทักทายกับฉินหลั่ง
ฉินหลั่งสะบัดมือ: “อืม คงไม่ต้องทำตามมารยาทหรอก สมัยไหนกันแล้ว ยังจะต้องมาจับมือทักทายกันแบบโบราณอีก? ”
หยูนชิงชิงค้อนตาขวับใส่ หากว่าตนเองล้าสมัย ถ้าอย่างนั้นก็คงมีไม่กี่คนที่ไม่ล้าสมัย แต่ว่า ฉินหลั่งพูดอย่างไรก็คืออย่างไร แค่ได้ยินเสียงก็มั่นใจมากแล้ว
น้ำเสียงของเธอดูมีความสุข: “ถ้างั้น ต้องลำบากรบกวนคุณแล้ว”
ฉินหลั่งขมิบมุมปากหยอกล้อ และก็ไม่ได้พูดมากอะไร เป็นเพราะจงยู่ เขาจึงตรวจจับชีพจรให้เธอ
“คุณหมอฉิน เป็นอย่างไรบ้าง? ฉันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? ”
จงยู่เห็นฉินหลั่งเงียบไม่พูด จึงถามขึ้นว่า: “ตกลงเป็นอย่างไรกันแน่? ”
ฉินหลั่งไม่ได้ตอบตรงออกไป แต่มองไปที่หยูนชิงชิงแล้วถามกลับว่า: “ไม่นานมานี้คุณมีไปที่บริเวณสุสานโบราณบ้างหรือไม่? ”
หยูนชิงชิงได้ยินแล้วถึงใจตกใจ เธอมองไปที่ฉินหลั่งด้วยความตะลึง:
“สัปดาห์ที่แล้วไปบริเวณนั้น เพราะช่วงนี้กำลังถ่ายละครแนวผจญภัย จึงไปที่บริเวณหลุมฝังศพ”
“แต่ก็อยู่ที่นั่นเพียงครึ่งชั่วโมง”
เธอถามอย่างแปลกใจว่า: “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับอาการป่วยของฉันด้วยเหรอ? ”
“เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน โชคชะตาของคุณกำลังเปลี่ยนไปแล้ว”
ฉินหลั่งบอกอย่างตรงไปตรงมา:
“ตอนนี้หน้าผากช่วงระหว่างคิ้วทั้งสองของคุณมีสีดำ ภายในสามวันจะต้องเกิดเรื่องอันตรายที่จะต้องถึงกับมีเลือดตกยางออก”
“ดังนั้นที่อดทนมาได้หนึ่งสัปดาห์ไม่เป็นอะไร ก็เพราะดวงช่วงเวลาเกิดของคุณที่รุ่งเรืองได้ช่วยระงับยับยั้งเอาไว้ แต่ตอนนี้ยับยั้งไว้ไม่อยู่แล้ว”
“พกเครื่องรางของขลังชิ้นนี้ติดตัวเอาไว้ สามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดีได้……”
หยูนชิงชิงตะลึงอีกครั้ง จึงรีบนำเครื่องรางของขลังพกติดไว้ที่ตัว แต่ก็ไม่ได้ที่จะสนใจอะไรมาก เหมือนกับว่าได้ซื้อสร้อยเส้นใหม่มาคล้องคออย่างไรอย่างนั้น ทำตัวสบาย ๆ
“อะไรกัน? นางฟ้าตัวน้อย อารมณ์ท่าทางของคุณนั้น คุณคงไม่ได้คิดว่าเครื่องรางของขลังของฉันชิ้นนี้คือเครื่องบินกระดาษที่ฉันพับให้คุณไว้เล่นหรอกนะ? ” น้ำเสียงของฉินหลั่งค่อนข้างไม่พอใจ ในเมื่อห้อยเครื่องรางของขลังติดตัว ก็ต้องมีท่าทางที่เคารพนอบน้อม จึงจะเป็นการกระทำที่เป็นปกติถูกต้อง
“อา? ไม่ใช่อย่างนั้น คุณฉิน คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันจะเก็บรักษาอย่างดี เพียงแค่ฉันคิดว่ามันสนุกดีก็เท่านั้น……” หยูนชิงชิงมีท่าทางยิ้มแย้ม
“หึ คุณนี่ทำไมถึงไม่ยอมโตสักที ฉันจะบอกคุณว่า อะไรกันที่บอกว่าน่าสนุก นี่คือผ้ายันต์! เข้าใจแล้วยัง? ” ฉินหลั่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ตำหนิ หากไม่ใช่ว่าให้เกียรติจงยู่แล้วล่ะก็ คาดว่าฉินหลั่งคงจะโมโหขึ้นแล้ว
“มีความคิดว่าอย่างไรก็พูดออกมาตรง ๆ ฉันไม่ถือสากับความคิดของคุณอยู่แล้ว พูดออกมาได้ ไม่อย่างนั้นผ้ายันต์ผืนนี้ หากคุณไม่มีความเคารพ ก็จะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ” ฉินหลั่งกล่าวอย่างจริงจัง
“ถ้างั้นฉันพูดนะว่า……” หยูนชิงชิงแลบลิ้นปลิ้นตา เธอคือดาราที่โด่งดัง ความคิดเห็นของเธอแน่นอนว่าต้องได้รับความเคารพ ดังนั้นจึงไม่ได้ปิดบังอะไร พูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า: “คุณฉิน ฉันรู้สึกว่า เครื่องรางของขลังนี้มันไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอาการป่วยเลย? ”
“ตอนนี้คือศตวรรษที่ยี่สิบแล้ว แม้ว่าในวงการของฉันจะมีหลายคนที่เชื่อในเรื่องพวกนี้ แต่ว่าตัวฉันเอง พวกเรารู้กันเป็นอย่างดีว่า ฉันไม่ค่อยที่จะใส่ใจอะไรกับของพวกนี้”
เธอใช้ความกล้าหาญอย่างมากที่พูดเรื่องนี้ออกไป จากนั้นก็หันไปมองจงยู่ที่มีท่าทางยิ้มแย้ม เพื่อยืนยันว่าตนเองได้รับการสนับสนุนเข้าข้างจึงกล้าที่จะพูดความคิดส่วนตัวออกมา แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เคารพในตัวฉินหลั่ง เป็นเพราะหลังจากที่หยูนชิงชิงเข้าสู่วงการดาราแล้ว การไม่เชื่อเรื่องงมงายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญสำหรับตัวเธอ ซึ่งแฟนคลับส่วนใหญ่ก็รับทราบและสนับสนุนเป็นอย่างมาก
หยูนชิงชิงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนฝึกนักแสดงอาชีพ มีแนวคิดอนุรักษนิยมที่หนักแน่นมาก
“ฉันคิดว่า ที่ฉันไปบริเวณสุสาน คงจะเป็นคุณพี่จงยู่บอกคุณอย่างแน่นอน? ฮ่าฮ่า……” หยูนชิงชิงเอามือปิดปากแล้วหัวเราะ ซึ่งมันแตกต่างกันกับท่าทางที่คึกคักสนุกสนาน ควบคุมทุกอย่างทุกสถานการณ์ขณะที่อยู่บนเวที เธอเป็นเพียงสาวน้อยที่ชอบยิ้มชอบหัวเราะผู้หนึ่ง
“ชิงชิง พูดซี้ซั้วอะไร ฉันจะบอกเรื่องพวกนี้กับอาหลั่งทำไมกัน? ” จงยู่ลูบที่ศีรษะของหยูนชิงชิง ยิ้มแล้วก็ส่ายศีรษะ
ฉินหลั่งก็ส่ายศีรษะอย่างจำใจ
จงยู่รับทราบถึงนิสัยของฉินหลั่งเป็นอย่างดี จึงรีบส่งสายตาให้กับฉินหลั่ง แสดงท่าทางที่จริงใจ ฉินหลั่งจึงครุ่นคิด และรีบวาดภาพยันต์ แล้วก็พับใส่ไว้ในถุงหอมยื่นส่งให้กับจงยู่
“คุณไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยครั้ง ช่วยเก็บรักษาสิ่งนี้แทนเธอ ป้องกันคุ้มครองไม่ให้เธอเกิดเรื่องไม่ดี”
จงยู่ตอบรับและก็รับสิ่งนั้นมา แล้วก็หันไปมองหยูนชิงชิงด้วยสายตาที่ตำหนิเล็กน้อย และทางหยูนชิงชิงเองต้องการที่จะพูดอะไรออกมา แต่ฉินหลั่งทำหน้าเย็นชาใส่ ทำเป็นไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำให้หยูนชิงชิงตกใจจนหน้าซีด นี่มันคือผู้ที่ฆ่าคนโดยไม่แม้แต่กระพริบตาชัด ๆ ซึ่งตนเองไม่ทราบได้ว่าไปกระตุกหนวดเสือของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
โชคดีที่ยังมีคุณพี่จงยู่อยู่ด้วย หยูนชิงชิงอดไม่ได้ที่จะแอบตบหน้าอกของตนเอง
จงยู่เก็บเครื่องรางของขลังนั้นไว้อย่างเรียบร้อยด้วยท่าทางที่เคารพ จากนั้นก็พาหยูนชิงชิงไปที่ห้องครัว หยูนชิงชิงทำอาหารไม่เป็น แต่จงยู่นั้น มีฝีมือทำอาหารได้เก่งมาก จึงอยู่ด้านข้างคอยช่วยเหลือ บรรยากาศสมานฉันท์กลมเกลียวกันมาก เมื่อทานอาหารเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินทางกลับ
ตลอดช่วงดังกล่าว เวลาการพูดคุยกันของฉินหลั่งกับจงยู่แบบส่วนตัวได้หมดไปกับการปรึกษาสอบถามจากหยูนชิงชิง ทำให้ฉินหลั่งรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
ช่วงดึกใกล้จะสิบเอ็ดโมง ฉินหลั่งเตรียมที่จะเข้านอน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาจึงไปรับสาย ซึ่งได้ยินเสียงของจงยู่ที่ดูร้อนรนกระวนกระวาย:
“อาหลั่ง ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องแล้ว……”
ฉินหลั่งตกใจ: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”
“ตกจากลวดสลิง หยูนชิงชิงไม่ทันตั้งตัว เส้นลวดสลิงขาด จึงตกลงมา”
“ฮือ……”
หลังจากที่ฉินหลั่งวางสายโทรศัพท์แล้ว ก็รีบพุ่งตรงไปขึ้นรถ เหยียบคันเร่งเต็มสปีดขับตรงไปที่โรงถ่ายทำหลานเตี้ยนที่อยู่ไกลออกไปสามสิบกว่ากิโลเมตร
ช่วงก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง หยูนชิงชิงกำลังถ่ายทำหนังในฉากตอนที่นางฟ้าโบยบิน ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังจะโบยบินผ่านแสงของดวงจันทร์ แต่ว่าลวดสลิงที่ผูกมัดกับตัวนั้นได้ขาดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ตกจากที่สูงลงมาอย่างแรง
โชคดีที่ด้านล่างได้มีจัดเตรียมมาตรการรองรับความปลอดภัยไว้อยู่แล้ว แต่ว่าหน้าผากของหยูนชิงชิงกระแทกจนเลือดออก แม้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่เธอนั้นตกใจอย่างมาก เอามือกุมไปที่บาดแผลแล้วเหม่อลอยไม่เคลื่อนไหว จะเรียกอย่างไรก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ
เมื่อหยูนชิงชิงได้สติกลับคืนมาเรื่องแรกที่ทำคือตามหาจงยู่ เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันผิดปกติไม่ธรรมดา ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยลอยตัวบนลวดสลิงอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยเกิดปัญหาใด ๆ ในคืนนี้ก่อนที่จะถ่ายทำ ก็ได้ตรวจสอบระบบความปลอดภัยหลายครั้ง ดาราที่โด่งดังแบบเธอนี้ ชีวิตมีมูลค่ามาก ไม่ร้อนรนไปถ่ายทำอย่างลวก ๆ เป็นแน่ แต่ทว่าก็เกิดอุบัติเหตุจนได้
ดังนั้น หยูนชิงชิงคิดว่า หรือจะเป็นไปตามที่ฉินหลั่งได้พูดไว้ว่า เธอนั้นถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าร่างแล้ว
จงยู่ผู้ซึ่งมีสัจธรรมรักเพื่อนฝูง ก็รีบมาถึงโรงถ่ายทำหลานเตี้ยนแล้ว ขณะเดินทางก็ได้โทรศัพท์ไปบอกกับฉินหลั่ง เนื่องจากหยูนชิงชิงหวังให้ฉินหลั่งมาด้วย เพราะเธอตกใจเป็นอย่างมาก
ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงจงยู่ ฉินหลั่งจึงรีบพุ่งตรงไปยังโรงถ่ายทำหลานเตี้ยน……
ขณะนี้ ที่โรงถ่ายทำหลานเตี้ยน ถนนชิงหมิง จงยู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้านั่ง มีท่าทางที่กระวนกระวายใจ
เธอมาถึงก่อนแล้ว และหลังจากที่โทรศัพท์ไปหาฉินหลั่ง อารมณ์ของเธอจึงค่อย ๆ ดีขึ้น
ทางตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบ คณะผู้กำกับถ่ายทำหนังก็ได้ประชุมกัน เพราะว่าบาดแผลของ
หยูนชิงชิง ถ้าโชคชะตาชีวิตไม่ดีจริง คงจะตกลงมาเสียชีวิต สุดท้ายทางตรวจและคณะผู้กำกับถ่ายทำหนังได้สรุปลงความเห็นเดียวกันว่า มีคนมาแอบลอบกระทำการ และหลังจากที่ได้ตรวจสอบ ผู้ต้องสงสัยที่ลงมือกระทำก็ได้ถูกจับกุมตัว และอีกหลายคนก็ถูกสั่งให้พักอยู่ที่นี่ก่อน เพื่อรอการสอบปากคำคดีความ
เมื่อฉินหลั่งมาถึง ก็ได้ยิ้มทักทายกับจงยู่ จากนั้นก็มองไปกลุ่มคนเหล่านั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนกำลังรุมล้อมหยูนชิงชิงกันอยู่ พูดคุยสอบถามด้วยท่าทีที่เป็นห่วง
แพทย์และพยาบาลต่างก็กำลังจัดการกับบาดแผลของเธออยู่
ส่วนหยูนชิงชิงเองนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่พูดไม่จา ไม่ตะโกนโวยวาย แววตาแข็งทื่อ แม้แต่ความเจ็บปวดก็เหมือนกับว่าจะไม่มีความรู้สึก
จงยู่มีท่าทีที่เป็นห่วงกังวล
เธอไม่รู้ว่าทำไมหยูนชิงชิงจึงกลายเป็นอย่างนี้
ทันใดนั้น เธอก็คิดถึงคำพูดที่ฉินหลั่งกล่าวไว้เมื่อช่วงบ่าย จึงเกิดอาการตื่นเต้น จึงรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไป ล้วงหยิบถุงหอมที่สอดเก็บอยู่ในอ้อมอกของหยูนชิงชิงออกมาดู
หากไม่ดูก็คงจะเป็นการดี เมื่อดูแล้ว เธอตกใจร้องตะโกนโดยพลัน จากนั้นก็ปิดปากเงียบลง
เธอพบว่า ผ้ายันต์สีเหลืองส้มในช่วงพลบค่ำนั้น ตอนนี้กลายเป็นผงเถ้าไปแล้วครึ่งหนึ่ง เหมือนกับว่าได้ทนรับอะไรแทนหยูนชิงชิงอย่างไรอย่างนั้น
จงยู่ตกตะลึงอย่างมาก: “ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้? ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้? ”
เธอต้องการที่จะสอดเก็บผ้ายันต์นั้นเข้าไป แต่ก็ถูกลมพัด ผงเถ้าลอยกระจายไปหมด เหลือเพียงแค่ผ้ายันต์ครึ่งหนึ่งในสภาพที่ไม่สมบูรณ์
“ชิงชิง ชิงชิง! ”
เวลานี้ หญิงผู้ทรงอิทธิพลสูงศักดิ์ในชุดจีนท่านหนึ่งพร้อมกับสาวใช้หลายคนได้รีบกรูกันเข้ามา และรีบพุ่งตรงเข้าไปหาหยูนชิงชิงด้วยท่าทางที่เป็นกังวลพร้อมกับร้องตะโกนไม่หยุด
ผู้กำกับจูและพวกพ้องรีบลุกขึ้นเพื่อมาต้อนรับ และเรียกทักทายว่าคุณหญิงหลิ่ว
คุณแม่ของหยูนชิงชิงมาถึงแล้ว ได้ยินว่าเธอคือประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง และยังได้เข้าร่วมโครงการบุกเบิกก่อสร้างวิลล่าหลานเตี้ยน ซึ่งร่ำรวยเป็นอย่างมาก
“คุณพ่อของเธอก็เก่งมากเช่นกัน เหมือนว่าจะเป็นประธานสมาคมแพทย์แผนจีนแห่งเมืองไห่ มีร้านยาและคลีนิคหลายสิบแห่ง”
“ทรัพย์สมบัติของพวกเธอมีอยู่ราวหลายพันล้าน แต่ใครทราบได้ว่าจะประสบอุบัติเหตุในวันนี้……”
เพื่อนพ้องร่วมงานต่างก็ซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องราวของครอบครัวหยูนชิงชิง มีทั้งนินทาทั้งอิจฉา และริษยาอยู่ในใจอย่างลึก ๆ
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น คุณหญิงหลิ่วก็ได้ดุด่าตำหนิทางผู้กำกับจู ราวกับคุณปู่กำลังสั่งสอนหลานอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ผู้กำกับจูอธิบายไปพลาง และก็หันมองดูหยูนชิงชิงไปด้วย เหมือนกำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเหมือนว่าไม่มีอะไรที่ผิดแปลกออกไป ซึ่งหลังจากที่คุณหญิงหลิ่วสอบถามเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็มีท่าทางที่โมโหอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก
รอจนกว่าหยูนชิงชิงฟื้นขึ้นจากอาการสลบ รอจนกว่าทางตำรวจจะตรวจสอบและได้ผลสรุปอย่างเป็นรูปธรรม ทุกอย่างก็คงอาจจะคลี่คลายชัดเจนแล้ว