รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 670 สูงสุดคืนสู่สามัญ
บทที่ 670 สูงสุดคืนสู่สามัญ
“อาหลินครับ ท่านเป็นวีรบุรุษมาทั้งชีวิต ชีวิตแบบสามัญชน ไม่ใช่คนทั่วไปจะสามารถที่เทียบทานได้ พวกเราก็คงไม่มีโอกาสใช้ชีวิตแบบนั้น” ฉินหลั่งเดิน เคียงบ่าไปกับหลินเส้าโส
“ถูกต้องแล้ว” หลินเส้าโสพยักหน้าเล็กน้อย “ฉินหลั่ง อาอยากจะขอคุยอะไรหน่อย เจ้าจะว่าอย่างไร?”
“อาหลินโปรดพูดมาเถิด” ฉินหลั่งพูดอย่างกันเอง หลินเส้าโสจับมือฉินหลั่งไว้ สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“อาได้ข่าวมาว่า ร้านขายยาของหมอเทพสวี่ ตอนนี้เป็นของหลานแล้วใช่ไหม?”
“ฉะนั้น อาอยากจะไปอยู่ที่ร้านยานั่น หวังว่าหลานจะยอมรับอาไว้สักคน”
“นี่ไม่ใช่เพราะว่าจะตอบแทนหลานที่ช่วยชีวิตนะ แต่เป็นเพราะว่าอาอยู่ในสถานพักฟื้นรู้สึกเหงามาก อาจึงอยากอยู่กับวัยหนุ่มสาวอย่างพวกหลานด้วยกัน ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่มีบรรยากาศของครอบครัว พักผ่อนอย่างมีความสุข”
“ประสบการณ์ชีวิตของอากับหลานไม่เหมือนกัน แต่ว่านิสัยใจคอนับว่าเข้ากันได้ดี หลานลองดูว่า ที่ร้านยังมีงานอะไรที่เหมาะกับอาบ้าง”
“เงื่อนไขของอาไม่สูงหรอก ให้อากวาดพื้น ยกน้ำชารินน้ำ เฝ้ายามประตูทำได้ทุกอย่าง”
“อาไม่เอาค่าตอบแทนเงินเดือนอะไร แค่ขอได้ค่ากินค่าอยู่อาก็พอใจแล้วล่ะ”
สายตาของหลินเส้าโสจริงใจมาก “ก็ถือว่าอามาอาศัยหลานอยู่ก็แล้วกัน อาจจะมาอยู่กับหลานขอข้าวหลานกินไปวันๆ ถ้าหลานไม่ว่าอะไร อาขออยู่ซักสามปีห้าปีเลย”
หลินเส้าโสจะมารับจ้างทำงานที่ร้านหุยชุนหรอ?
ฉินหลั่งอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจ นี่เป็นถึงราชาหนานแห่งสำนักหมิง ตำแหน่งและอำนาจบารมีของเหลิ่งเชียนชีว ฉินหลั่งก็เคยเห็นมาก่อน เขารู้ว่าสำนักหมิงไม่ใช่แก๊งเล็กพรรคน้อย เหลิ่งเชียนชีวตอนนั้นพาผู้คนมาช่วยตัวเองนั้น มันช่างสะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดินไปทั่ว ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน หากเปรียบเทียบตำแหน่งและฐานะ ระหว่างหลินเส้าโสกับเหลิ่งเชียนชีวแล้ว ไม่ได้แตกต่างกันเลย อาจเป็นไปได้ที่ยังอยู่เหนือเหลิ่งเชียนชีวด้วยซ้ำไป
ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือของราชาหนานที่เคยปรากฏหลายครั้ง ฉินหลั่งก็ตัดสินได้ว่า เขาคนนี้เป็นบุคคลระดับชั้นยอดเยี่ยมของยุทธภพ
ฉินหลั่ง กำลังตะลึงงง ส่วนหลินเส้าโสก็ยิ้มให้ “ฉินหลั่ง เป็นยังไงไม่ต้อนรับอาหรือ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่ครับ” ฉินหลั่งยังยืนฉงน “อาหลินครับ อาเป็นผู้อาวุโสในยุทธภพ จะมาพักอยู่ในร้านหุยชุนของผม มันเป็นการหยามเกียรติอานะครับ”
“เฮ้ย” หลินเส้าโสพูดดักคอฉินหลั่ง
“ผู้อาวุโสในยุทธภพอะไรกัน ถ้าตอนนี้ อายังปลงต่อทุกสิ่งไม่ได้แล้ว มันก็เสียเวลาเปล่าประโยชน์ที่อาต้องนอนป่วยมา 20 ปี สูงสุดคืนสู่สามัญ นี่คือกฎเกณฑ์ธรรมชาติของชีวิต อากลับรู้สึกชื่นชอบชีวิตที่เรียบง่ายธรรมดาเช่นนี้”
พูดพลาง หลินเส้าโสก็สูดลมหายใจเข้า ราวกับว่าอากาศในโรงเรียนมัธยมหัวเจี๋ยมันช่างหอมหวานเหลือเกิน ทำให้เขารู้สึกใฝ่ฝันหา
“เอาล่ะ บอกมาเลยว่าหลานจะต้อนรับอาหรือเปล่า?”
หลินเส้าโสแกล้งทำหน้าบึ้งตึง “ศัตรูของอามีมากมาย เจ้าคงเป็นห่วงว่าหากอาไปอยู่ด้วยจะสร้างความเดือดร้อนให้กับร้านหุยชุน จึงไม่อยากรับอาไปอยู่ด้วยหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เดี๋ยวสักพักอาก็จะไปแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
“อาหลินครับ ผมสามารถเชิญระดับปรมาจารย์อย่างท่านมาอยู่ด้วยได้ นับว่าเป็นบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อน ผมเพียงแต่ไม่กล้าที่จะคิดเช่นนั้น”
ฉินหลั่งก็ไม่พูดเรื่องไร้สาระ ยื่นมือออกไปหาแล้วยิ้มให้ “อาหลินครับ อาอยากอยู่ที่ร้านหุยชุนนานเท่าไหร่ก็ย่อมได้ ยกร้านนี้ให้กับอาเลยก็ยังได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาอยากเป็นเถ้าแก่ร้านขายยาหรือเปล่า”
“นี่สิถึงจะเป็นเด็กดีของอา” หลินเส้าโสหัวเราะด้วยความยินดี ยื่นมือออกไปจับมือฉินหลั่งไว้แน่น
เวลาเกือบจะแปดโมงกว่าแล้ว ฉินหลั่งและหลินเส้าโสก็มาถึงร้านหุยชุน แนะนำให้อิงจิ่งหลิง สวี่ซีเหวิน แปดหมอเทพได้รู้จักกับหลินเส้าโส หลินเส้าโสอยากได้งานทำบ้าง ฉินหลั่งก็จัดให้เขารับผิดชอบด้านการจัดยา
หลินเส้าโส เดิมทีเคยใช้ชีวิตอยู่ในท่ามกลางกลิ่นคาวเลือด ผ่านพายุฝนมาหลายสิบปี แต่แล้วต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นอีกหลายสิบปี
การได้รับบาดเจ็บและการช่วยชีวิตคนนั้นเป็นเรื่องที่พบเจอโดยปกติอยู่แล้ว จึงรู้เรื่องแพทย์แผนจีนในระดับที่ค่อนข้างลึก
ช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งวัน หลินเส้าโสก็คุ้นชินกับงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ทำได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว เพลิดเพลินเจริญใจ
ตอนอยู่ที่สำนักหมิง หลินเส้าโสก็เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการทำผลงานอย่างไม่คิดชีวิต ตอนนี้กลับมาอยู่ร้านหุยชุน นิสัยก็ยังเหมือนเดิม มีความรับผิดชอบต่องานมากกว่าคนอื่น
เมื่อเห็นหลินเส้าโสสามารถเข้ากับสมาชิกในร้านหุยชุนได้ดี ฉินหลั่งก็ค่อยสบายใจขึ้น เดิมทีในใจที่มีแต่ความกังวลก็ค่อยๆวางใจ และดีใจอย่างยิ่งที่เก็บของล้ำค่าอย่างอาหลินได้
ตอนนี้มีอาหลิน เทพแห่งการต่อสู้เช่นนี้มาอยู่ด้วย
ฉินหลั่งจึงยกเลิกเวรยามบริเวณร้านหุยชุนที่มาจากแก๊งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ เปิดร้านทำการค้าขาย ไม่จำเป็นต้องระวังตัวเพียงนี้ มีแค่หลินเส้าโสคนเดียวก็มากเกินพอแล้ว
พอถึงตอนบ่าย ฉินหลั่งมาเชิญหลินเส้าโสไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่หลินเส้าโสกลับปฏิเสธไป
“เอ๊ย ไม่ต้องพิเศษอะไร ทุกคนกินอะไรอาก็กินอย่างนั้น หลานไม่ต้องเป็นห่วงอาหรอก ไปทำงานเถอะ”
ในใจฉินหลั่งเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา จัดการได้เรียบง่ายดี หลินเส้าโสเหมือนพนักงานที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ หากฉินหลั่งไม่พูดถึงเขา ทุกคนก็นับถือหลินเส้าโสเป็นเหมือนอาจารย์ผู้ซื่อสัตย์ที่ชอบพูดคุยคนหนึ่ง หลินเส้าโสท่องยุทธภพตั้งแต่อายุสิบสี่ ไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ สามพรรคก้าวสำนักเขาก็ลุยมาแล้ว ความสามารถในการติดต่อประสานงานก็เป็นที่หนึ่ง นับได้ว่าเป็นคนที่มีฝีมือเก่งกาจในทุกด้าน
ช่วงบ่าย ฉินหลั่งเห็นว่าคนไข้ไม่ค่อยมาก เขาจึงออกจากหน้าร้าน ฝากเรื่องราวให้คนอื่นจัดการ จากนั้นก็เดินไปห้องหลังร้าน เริ่มเตรียมตัวสอบ นั่นก็คือการสอบแข่งขันแพทย์แผนจีนถ้วยเปี่ยนเชวี่ย ระดับจังหวัดในครั้งต่อไป
ช่วงเวลานั้นเอง ได้ยินเสียงรถดังมาจากข้างนอก จากนั้นก็มีรถเบนซ์คันหนึ่งขับเข้ามา ประตูรถก็เปิดออก ปรากฏชายวัย 50 กว่ารูปร่างทะมัดทะแมงคนหนึ่ง มือเขาถือกล่องของขวัญ เดินเชิดหน้าย่างก้าวเข้าไปในร้านหุยชุน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น
ฉินหลั่งสัมผัสได้ว่า ชายสูงวัยคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่มาหาตัวเองเพื่อจะให้รักษาโรคแน่นอน เพราะว่าร่างกายเขาแลดูผอมบางแข็งแรง ท่าทางกระปรี้กระเปร่า
“ท่านไหนคือคุณหมอฉิน? ข้ามาเยี่ยมโดยเฉพาะเลย” อีกฝ่ายหน้าตายิ้มแย้ม เป็นคนนอบน้อม มองดูแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ
“ท่านคือ?” ฉินหลั่งเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยปากถามขึ้น
“อ๋อ ข้าคือฉิวเฉิงกงแห่งแก๊งแถ่จ่าง ได้ข่าวว่าหลานสาวข้า เมื่อวันก่อนไม่รู้สาเหตุอะไรทำให้คุณชายฉินโกรธเคือง เลยตั้งใจจะมาขอขมา พร้อมกับของขวัญเล็กน้อย เพื่อแสดงน้ำใจ” พูดพลางหยิบกล่องของขวัญวางบนโต๊ะ
“ได้มาพบเจอกันครั้งแรก แสดงน้ำใจเล็กน้อย ขอให้คุณหมอฉิน รับไว้เพื่อเป็นเกียรติด้วย”
มองผ่านกล่องใสของกล่องของขวัญก็จะเห็นว่า ภายในมีบัวหิมะเทียนซานหลายอัน อายุของบัวหิมะก็แก่พอสมควร รูปทรงก็ถือว่ายอดเยี่ยม
บรรยากาศทั้งห้องสว่างไสวขึ้นเพราะบัวหิมะเทียนซานไม่กี่อันนี้
ฉินหลั่งเองเพื่อช่วยเหลือเฟิงเอ๋อ จึงมีความต้องการบัวหิมะเทียนซานพวกนี้ อีกทั้งยังได้ส่งคนไปเอาที่ยาวเย่วกง แต่ว่ายังส่งมาไม่ถึง
ฉินหลั่งในใจก็หวั่นไหว แต่สายตาของหลินเส้าโส ดูเหมือนเขาจะพบอะไรบางอย่าง นึกถึงฉิวฟาชุ่ย ยายแก่ขี้โวยวายคนนั้น ฉินหลั่งก็ยากที่จะเอาชายชราหน้าตาใจดีคนนี้ไปเกี่ยวโยงกับแก๊งแถ่จ่าง……
ฉิวกงเฉิงมีศักดิ์สูงกว่าฉิวฟาชุ่ยหนึ่งรุ่น แต่หน้าตากลับดูอ่อนเยาว์กว่าฉิวฟาชุ่ยสิบกว่าปี
มันคงเป็นเพราะว่าผลของการฝึกหัดวิชาศิลปะการต่อสู้ คนเช่นนี้มาขอขมาตัวเองถึงบ้าน ก็รู้สึกหยามเกียรติลดศักดิ์ศรีผู้อาวุโสแล้ว
“ท่านฉิว หัวหน้าฉิววันนั้นรู้สึกมุทะลุไปหน่อย แต่ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก พวกเราเพิ่งจะรู้จักกัน ของขวัญอันล้ำค่าชิ้นนี้ข้าไม่กล้ารับไว้หรอก”
ฉินหลั่งพูดว่า “มีเรื่องอะไร ท่านก็พูดมาได้เลย พวกเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอ้อมค้อมเลย”
“งั้นก็ดีแล้ว คุณชายฉินเป็นคนใจกว้างดี ข้าชอบ”
ฉิวเฉิงกงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่น