รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 457 พาพี่ฉินหลั่งกลับมาละกัน
บทที่ 457 พาพี่ฉินหลั่งกลับมาละกัน
“ฉินหยวน ทำไมล่ะ? ไม่นั่งแล้ว?” ฉินป๋อสงถามเสียงอ่อน
ตอนนี้คนทั้งหมดมองฉินหยวนอย่างเย็นชาแล้ว เมื่อกี้ที่ฉินหยวนพูด เท่ากับว่าจะบีบให้ลงจากตำแหน่งนี่นา นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคัดค้านโดยพร้อมเพรียงกัน
ที่ตระกูลฉิน ฉินป๋อสง ฐานะพูดคำไหนคำนั้นไม่มีใครกล้าโต้แย้งทั้งนั้น แต่นี่ฉินหยวนเผลอหลุดปากพูดถึงความไม่เคารพนับถือต่อเจ้าตระกูลออกมา นี่ปู่ของตัวเองนะ หลายคนอดมองเหยียดฉินหยวนไม่ได้
ฉินหยวนรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของท่าทีคนรอบข้าง เขาเริ่มลุกลี้ลุกลนขึ้นมา รีบพูดว่า: “คุณปู่ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”
“งั้นแกหมายความว่าไงล่ะ?” ฉินป๋อสงถามเสียงเย็น
“แกปลุกระดมทุกคนให้แบ่งมรดกเอาเอง แกมีสิทธิ์นั้น แกมีอำนาจนี่หรือไง?” น้ำเสียงฉินป๋อสงขึ้นสูงเล็กน้อย
ฉินหยวนเริ่มเหงื่อตก ไม่กล้าสบตาคมปลาบของฉินป๋อสง มันเหมือนจะมองทะลุใจเขา
“รีบคุกเข่าขอขมาคุณท่านซะ” พ่อบ้านชี้ไปที่ฉินหยวนพลางว่าอย่างโกรธจัด ศัตรูมารุกราน ลูกหลานอกตัญญูอย่างฉินหยวกลับทำแบบนี้ ทำให้หัวใจคนหนาวเหน็บจริงๆ!
“คุกเข่าลงซะ!”
“คุกเข่าลงซะ!”
“เร็วสิ!”
ผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลฉินต่างพากันพูดเสียงเย็น เมื่อกี้ที่สนับสนุนฉินหยวนให้แบ่งมรดกแค่อารมณ์ชั่ววูบ แถมอำนาจในการสั่งการของคุณท่านก็เป็นอะไรที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ ฉินหยวนบังอาจมากไปจริงๆ
ฉินหยวนเดินออกมาคุกเข่าลงกับพื้นท่ามกลางสถานการณ์บีบคั้นแบบนี้ เขาก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
เพราะเขารู้ว่า ถ้าพูดต่อไป บางทีคนตระกูลฉินทั้งหมดอาจเสนอให้ไล่เขาออกไป ถึงเวลานั้นต่อให้แบ่งมรดกกันก็คงไม่มีส่วนของเขาแล้ว
ฉินป๋อสงมองเขาอย่างรังเกียจ สำหรับพวกพอเจอสถานการณ์คับขันหน่อยก็แตกกระจายไม่สามัคคีพวกนี้ ต้องให้มันคุกเข่าลง ไม่งั้นความคิดเชิงลบแบบนี้จะกระจายไปทั่วตระกูลฉินเหมือนโรคระบาด
ตอนนี้ฉินป๋อสงไม่อยากลงโทษอะไรฉินหยวนจริงจังนัก เพราะศัตรูมาประชิดอย่างนี้ ตระกูลฉินไม่ควรมาห้ำหั่นกันเอง
ไม่นานทุกคนเข้าสู่ภาวะครุ่นคิดหาทางว่าตระกูลฉินจะผ่านเหตุการณ์คับขันนี้ไปได้ยังไง
ผ่านการแนะนำเมื่อกี้ของฉินป๋อสง เกี่ยวกับภาวะคับขันที่หุ้นร่วงกราว เมื่อกี้ตระกูลฉินได้ส่งคนออกไปนำเงินทุนจำนวนมากมาจากช่องลับสักแห่ง ดังนั้นเงินทุมของตระกูลฉินมีการต่ออายุอีก ไม่ได้ขาดหาย นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
“เว่ยเฉิง ทางตระกูลถังว่ายังไง?” ฉินป๋อสงถามขึ้น
“คุณพ่อ พวกผู้รับผิดชอบของตระกูลถังต่างพากันปัดบอกว่า ยุติการร่วมงานในสัญญาเป็นคำสั่งของเจ้าตระกูลพวกเขา” ฉินเว่ยเฉิงพูดด้วยสีหน้าไม่ดีนัก: “ทางตระกูลโจวเองก็ตอบแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้มีหนึ่งร้อยสี่สิบสามบริษัทยุติสัญญากับเราพร้อมกัน ตระกูลโจว ตระกูลฉาง ตระกูลลู้ และยังมีอีกหลายบริษัท ตอนนี้พวกเราแทบไม่มีการค้าทำแล้ว”
“พร้อมใจกันผิดสัญญาแบบนี้ แน่ใจได้อย่างละว่า มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ตัวการนี่มีอำนาจมาก แถมยังละโมบไม่น้อย”
คนตระกูลฉินอีกคนพูดขึ้น
“อืม พวกเธอมีความเห็นอะไรก็พูดออกมา ไม่ต้องเก็บไว้” ฉินป๋อสงบอก
จ้าวหมิงหมิงพูดขึ้นในตอนนี้ว่า: “คุณพ่อ ฉันว่า พวกเขาหาว่าเราหลีกเลี่ยงภาษีไม่ใช่หรือไง งั้นพวกเราก็ยอมรับโทษซะ จ่ายภาษีที่หลีกเลี่ยงมาหลายปีนั่นขึ้นไป ควรเข้าคุกก็เข้าคุก ควรลงโทษก็ลงโทษ อาศัยจังหวะนี้จัดระบบการค้าของตระกูลฉินใหม่ ขอเพียงสินค้าตัวหลักของบริษัทใต้เครือเรายังอยู่ ก็ไม่กลัวการโจมตีจากภายนอก ยืนหยัดอยู่ได้ก็ชนะแล้ว ส่วนเรื่องสัญญา อย่างมากไม่เซ็นก็ได้นี่นา”
จ้าวหมิงหมิงพูดอย่างหนักแน่น หลายคนพยักหน้าแผ่วเบา ส่วนฉินป๋อสงแววตามีความชื่นชมแฝงอยู่
หลิ่วเพียวเพียวกลับถลึงตาใส่จ้าวหมิงหมิงอย่างริษยา เธอเก่ง! จ้าวหมิงหมิง!
ตระกูลฉินตั้งแต่ฉินหลั่งถูกขับออกไป สายฉินเว๋ยเจียนก็ได้รับอำนาจมากกว่าแต่ก่อน เดิมฉินหยวนเดิมก็พุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งเจ้าตระกูลอยู่แล้ว ดังนั้นแค่ไม่กี่วันก็เปลี่ยนลูกน้องตัวเองใส่ไปเยอะมาก ฉินป๋อสงเองสังเกตเห็นได้นานแล้ว แต่ไม่ได้ขัดขวาง ด้วยเหตุนี้การที่ฉินหยวนจะกำเริบเสิบสานก็ถือว่ามีสาเหตุเหมือนกัน
หลิ่วเพียวเพียวช่วงนี้มีความสุขมาก เพราะในที่สุดก็ชนะจ้าวหมิงหมิงซักที
แต่ที่จริงแล้วฉินป๋อสงมอบหมายหน้าที่มากมายให้กับฉินเว่ยเฉิง ทั้งคอยขัดขวางความทะเยอทะยานของฉินหยวน และยังเป็นการชดเชยให้กับความเจ็บปวดที่สูญเสียฉินหลั่งไปด้วย
ตอนนี้ฉินหยวนมีลูกน้องมากมายในบริษัท สุดท้ายพอเกิดเรื่องครั้งนี้ขึ้น กว่าครึ่งคือลูกน้องของฉินหยวนที่เกิดเรื่อง ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวเนื่องมาถึงตัวฉินหยวนและฉินเว่ยเจียนด้วยก็ได้ ดังนั้นฉินหยวนรีบบอกให้แบ่งมรดกก็เป็นสิ่งที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว แต่ฉินป๋อสงรีบเบรความคิดเขาอันนี้ลงไป ไม่ได้ใช้กฎบ้านมาลงโทษถือว่าปราณ๊มากแล้ว
“คุณพ่อ นอกจากที่หมิงหมิงบอกแล้ว พวกเรายังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหม? อย่างเช่นติดต่อคุยกับทางตำรวจ?” ฉินเว่ยหย้วนถาม
“อธิบดีเฉินไม่ยอมรับสายเลยด้วยซ้ำ คนอื่นก็เหมือนกัน” ฉินป๋อสงบอก สายตากังวลเผยออกมา
พอพูดคำนี้ไป ทั่วทั้งคฤหาสน์ตกอยู่ในความเงียบ
สายหลักของตระกูลฉินเห็นได้ชัดว่าละทิ้งตระกูลฉินแล้วในเวลาสำคัญอย่างนี้
“ตัวการเบื้องหลังเป็นใครกันแน่? คุณปู่ พวกเราสู้กับมันเลยดีกว่า!” รุ่นหลานหลายคนของตระกูลฉินแผดเสียงกร้าว
“ใจเย็นหน่อย!” เสียงแหบพร่าฉินป๋อสงก้องไปทั่วคฤหาสน์
“คือตระกูลสิน สินต้าหัว” ฉินป๋อสงพูดช้าๆ
พริบตาเดียวเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น
“ที่แท้ก็เจ้าหมาสินนี่เอง”
“ตระกูลสินเมื่อก่อนไม่ใช่เคารพนบนอบเราหรือไง ขอแค่เจอคนตระกูลฉิน พวกตระกูลสินก็จะรีบยืนตรงทำความเคารพเราทันที”
“กำเริบเสิบสาน สันดานออกมาแล้วนี่ไง!”
“สินต้าหัว เราอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!”
แต่ละคนพากันร้องด่าทอออกมา ตอนนี้ฉินเว่ยหย้วนตบขาผ่างพลางว่า: “เจ้าสินต้าหัวน่าตายนัก เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังเชิญฉันไปกินข้าวอย่างเคารพนอบน้อม ไม่คิดเลยว่ามันจะเล่นสกปรกไม้นี้!” การโจมตีของสินต้าหัวนี้เรียกได้ว่าได้เลือดทุกมีด ส่วนนิ่งต้าฟู่ทรยศ ทำให้ไม่เพียงบริษัทฉินซื่อเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ บริษัทอื่นก็ด้วย เพราะโครงสร้างหุ้นส่วนก็เห็นๆกันอยู่ ทางตำรวจเลยจับไปทีละเปลาะ นี่ไง ขนาดฉินกั๋วขิ่งยังโดนจับเลย
ตอนนี้เอง น่ากลัวแม้แต่ฉินป๋อสงเองก็คงเครียดเหมือนกัน ทั่วทั้งตระกูลฉิน มีเพียงจ้าวหมิงหมิงเท่านั้นที่พูดจามีเหตุผลหน่อย
ส่วนอธิบดีและผู้รับผิดชอบตามแต่ละเขตที่ตระกูลฉินให้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญ พวกเขารู้เรื่องสงครามทางแวดวงธุรกิจเป็นอย่างดี มีเส้นสาย มีแผนงานรัดกุม แต่ตอนนี้สงครามกลับเกินขอบเขตไปมาก ดูสับสนมาก พวกเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ละ
“คุณปู่ ผมมีข้อเสนอ” ตอนนี้เองมีเสียงเด็กผู้หญิงออกมาจากมุมหนึ่ง
ดูเหมือนจะพยายามอย่างหนักกว่าจะกล้าพูดออกมา
เด็กผู้หญิงคนนี้คือหลินจู วันนั้นหลังจากที่เธอแอบเห็นวิชาการต่อสู้อันสะท้านฟ้าสะเทือนดินของฉินหลั่ง พอกลับมาเธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ทำได้เพียงแค่คอยคิดถึงลูกผู้พี่ที่ไม่มีวันอยู่ด้วยกันได้ที่บ้านเท่านั้น
“คุณปู่ ถ้าไงตามฉินหลั่งกลับมาเถอะ พี่ฉินหลั่งต้องไม่นิ่งเฉยแน่ ตอนนี้เขาเก่งมากเลยนะ” หลินจูบอก