รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 393 ไม่รวบรวมเงินไม่ได้แล้ว
บทที่ 393 ไม่รวบรวมเงินไม่ได้แล้ว
“คิดกันได้รึยัง! จะให้ไม่ให้?”ไอ้ผมทองหมดความอดทน คำรามลั่น
“ให้ ให้ ให้….”คนกลุ่มหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงแหบแห้ง ฉีกยิ้มที่ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้
“พี่ชาย ขอพวกเราปรึกษากันหน่อย วางใจได้ จะรวบรวมให้ในไม่ช้า….”
“เร็ว ๆ เข้า! ให้เวลา10นาที เฮยจื่อ จับตามองพวกมันไว้!”ไอ้ผมทองคำรามอย่างเหลืออด
เฮยจื่อนั้นก็คือชายฉกรรจ์ที่ทำร้ายนักเรียนแทนไอ้ผมทอง เขาขานรับ เก็บดาบ ก่อนหยิบนาฬิกาออกมาแล้วเริ่มจับเวลาอย่างไร้อารมณ์
ในขณะนั้นคนของแก๊งม้าบางคนเข้าไปในบ้านในสนามม้าแล้วหยิบเก้าอี้ออกมา ไอ้ผมทองเหลือบมองเข้าไปในรถ เหมือนกับฟังคำชี้แนะอะไรบางอย่าง จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้
ดูตามสภาพการณ์ เบื้องหลังของไอ้ผมทองเหมือนว่าจะมีคนคอยออกคำสั่ง เพียงแต่ผู้ออกคำสั่งนั้นอาจนั่งอยู่บนรถเพราะไม่ต้องการแสดงตัว
นักเรียนที่ฉี่ราดแล้วคุกเข่าลงคนนั้นชื่อว่าโย้วเสี่ยวจง เป็นลูกชายคนโตของบริษัทตระกูลโย้ว มักจะเป็นที่ชื่นชมของคนอื่น เคยทุกข์ทรมานแบบนี้ที่ไหนกัน เขาเองก็ไม่กล้าโทรเรียกคนมา คิดเพียงแค่อยากจะหนีจากที่แห่งนี้ให้เร็ว เมื่อเห็นไอ้ผมทองยอมรับเงื่อนไขของเขา ก็หน้าเบ้ไปหาเพื่อนร่วมชั้น แล้วเอ่ย
“ทุกคนรีบคิดวิธีเร็วเข้าสิ ไม่งั้นจะไม่รอดแล้ว”
พวกคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นรีบลุกขึ้นมา ทุกคนรวมตัวกันเป็นกลุ่ม พูดคุยปรึกษากัน หารือกันด้วยใบหน้าขมขื่นว่าจะแก้ปัญหาหนึ่งหมื่นล้านนี้ยังไง
ทุกคนพูดไปพูดมาก็พากันเบนสายตาไปที่อึ้งย้ง ตอนนี้อึ้งย้งกลายเป็นแกนกลางสำคัญของพวกเขา นักท่องเที่ยวที่มีค่อนข้างมีอายุพวกนั้น ก็ยังให้ความเคารพต่ออึ้งย้งอย่างมาก เพราะมีเพียงอึ้งย้งเท่านั้นที่ยังสงบนิ่งอยู่ ดูราวกับไม่ได้กลัวอะไรเลย
“อึ้งย้ง บ้านเธอพอมีเงินมั้ย?”โย้วเสี่ยวจงถามด้วยใบหน้าขมขื่นอย่างไม่ห่วงหน้าอะไรอีก
รวบรวมได้นิดหน่อยก็คือนิดหน่อย คนเยอะก็มีพลังมาก จะได้รีบหนีไปจากที่นี่
วัยรุ่นที่อยู่ข้าง ๆ อายุประมาณ25-26ปีสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล กดเสียงต่ำพูด “ครั้งนี้คนของแก๊งม้าคงจะฆ่าพวกเราทั้งหมด ดูคนพวกนี้สิ ดุร้ายและโหดเหี้ยม มีแต่จิตสังหาร ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ ตอนนี้ถ้าเราไม่มีเงินก็ไม่มีทางไปไหนได้”
โย้วเสี่ยวจงรีบพูดต่อ “ใช่แล้ว พี่น้องทั้งหลาย ฉันเห็นด้วยกับความคิดของพี่ชายท่านนี้ พวกเราเอาเงินมาเถอะ รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง กำลังคนหลายร้อย พวกเราไม่แส่หาเรื่องไม่ได้หรอก”
สิ้นเสียงพูด ผู้คนต่างก้มหน้าด้วยความหงุดหงิด
เรื่องเหตุผลก็เข้าใจดี ว่ากำลังของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมาก เทียบทุกคนกับแก๊งม้าแล้วก็คือความสัมพันธ์ของหมาป่าหิวโหยและชิ้นเนื้อ ไม่ถูกกินก็เป็นไปไม่ได้
อึ้งย้งที่เพิ่งถูกถามว่ามีเงินมั้ยนั้น ตอนนี้ก็รู้ดีว่ามันยากที่จะรอดพ้นจากอันตรายในขณะนั้นไปได้ แต่ด้วยนิสัยเข้มแข็งไม่ยอมแพ้โดยกำเนิดของเธอ เมื่อเห็นทุกคนเป็นแบบนั้น ก็เป็นกังวล
“บ้านฉันก็มีเงินอยู่บ้าง ปัญหาคือคนเหล่านี้ไม่รู้จักพอ ให้พวกเขาไปหมื่นล้าน พวกเขาก็อยากได้อีกพันล้าน ต่อให้คนเยอะก็ไม่ช่วยอะไร ไม่ได้ เงินนี้ทุกคนห้ามให้เขา!”
เมื่อเห็นท่าทีนั้นของอึ้งย้ง โย้วเสี่ยวจงก็ตกใจรีบขยิบตาให้อึ้งย้ง ด้วยกลัวว่าจะถูกแก๊งม้าได้ยิน
“อึ้งย้ง นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น ก็จำเป็นต้องก้มหัว”โย้วเสี่ยวจงพูดปลอบใจ”
“ใช่แล้ว ไม่ให้ก็ถูกฆ่า พวกเราไม่ใช่คู่มือหรอก”
“เรื่องที่แก้ไขได้ด้วยเงินก็ไม่ใช่ปัญหา พวกเราควรจะคิดแบบนั้น”
ผู้คนต่างพูดเกลี้ยกล่อมอึ้งย้ง แต่ในใจนั้นล้วนกระวนกระวาย คิดจะรวมความคิดให้เป็นหนึ่งก่อน เพื่อให้แน่ใจในวิธีการใช้เงินเพื่อขจัดภัย ส่วนจะรวบรวมเงินได้เท่าไหร่นั้น นั่นก็เป็นเรื่องต่อไป
อึ้งย้งกลับยังคงยืนกรานอย่างไม่ยอมแพ้ “พวกนายดูเหมือนพวกเสแสร้งสร้างภาพเลยนะ คงจะมาจากตระกูลมีชื่อในเย็นจีนทั้งนั้น ถูกคนรังแกแม้แต่ผายลมยังไม่กล้า ถ้าจะให้ฉันพูด คนชั่วมันยโสโอหังก็เพราะพวกนายยอมให้จนลำพอง ให้หัวมันมีกะโหลกหน่อยได้ไหม?”
เมื่อคำพูดนั้นออกไป ทุกคนล้วนหุบปากเงียบ ใบหน้าอับอายอย่างพูดไม่ออก ความรู้สึกผสมปนเปกัน แน่นอนว่าที่อึ้งย้งพูดนั้นก็มีเหตุผล พวกเขาเองก็เสียใจ เพียงแต่ถูกสถานการณ์นี้ทำให้ตื่นตระหนกไปเท่านั้น
“ฉันว่า พวกเรายอมรับมันไม่ดีกว่าเหรอ เมื่อตกที่นั่งลำบากก็ต้องยอมถอยบ้าง ยังไงซะคอของพวกเราก็ไม่ได้แข็งไปกว่ามีดของแก๊งม้าหรอก”หนุ่มวัยยี่สิบกว่าคนนั้นถ่มน้ำลาย ความหมายว่าเขาเตรียมจะยอมรับมันแล้ว
มีคนเห็นด้วยในทันที แต่คำพูดของอึ้งย้งนั้นก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ความคิดเริ่มจะแตกแยกกัน โย้วเสี่ยวจงอึดอัดมากกับทั้งสองฝั่ง 10นาทีนั้นเร็วมาก พวกเขาจะไม่ถูกสังหารหมู่ใช่มั้ย
ถัดจากโย้วเสี่ยวจงมีเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งชื่อโจวต้าหย่ง ตัวใหญ่เทอะทะ คำพูดของอึ้งย้งเมื่อครู่มอบความกล้าแก่เขา เขาเห็นโย้วเสี่ยวจงเป็นแบบพ่อที่ตายไป ในใจก็รู้สึกต่อต้านขึ้นมา เอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“พวกเราเองก็นับเป็นคนมีหน้ามีตา ไม่อย่างนั้นคงมาตีกันที่นี่ไม่ได้ ความเสียหายแบบนี้น่ะกลืนยังไงก็ไม่ลงหรอก หรือไม่งั้นฉันโทรหาพ่อฉันดูว่าทางนั้นว่ายังไง….
โย้เสี่ยวจงแทบจะฉี่ราดกางเกงอีกครั้ง รีบกดโจวต้าหย่งลงมา พูดเสียงต่ำ “หุบปาก หุบปาก ถ้าถูกได้ยินเข้า พวกเราจบเห่แน่….”
โจวต้าหย่งรีบปิดปากแล้วแอบย่อตัวลง เมื่อครู่ทั้งเทพธิดาและคนอื่น ๆ ต่างยึดคุณธรรมขนาดนั้น พวกเขาไม่พูดอะไรที่แน่วแน่สักหน่อย คงจะน่าอายเกินไป หลังจากนี้หากกระจายไปยังเย็นจีน คงได้เป็นความอัปยศไปชั่วชีวิต
ความคิดของโจวต้าหย่งแสดงแทนความคิดของผู้คน หมื่นล้านน่ะไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ นะ
“พวกนายมาล้อมรอบฉันไว้ ฉันจะลองโทรหาพ่อดู…..”เมื่อทุกคนมาล้อมรอบ ๆ แล้ว โจวต้าหย่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออกอย่างเงียบ ๆ
ความจริงแล้วเขาไม่รู้ ว่าคนของแก๊งม้าไม่ได้กลัวว่าพวกเขาโทรศัพท์ การรวบรวมเงินก็ต้องติดต่อบุคคลภายนอก ไม่อย่างนั้นใครจะไปพักเงินติดตัวตั้งหมื่นล้านกันล่ะ?
แก๊งม้ากินเนื้อ ไม่ใช่แค่น่าสยอง ต่อให้คุณเป็นราชาสวรรค์ มันก็จะฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ !
ไม่นาน โจวต้าหย่งก็ต่อสายติด
“พ่อ ผมกับเพื่อนมาเที่ยวที่สนามม้า สุดท้ายถูกคนของสนามม้ากักตัวไว้ ที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งม้า พวกเขาอาวุธครบมือ แล้วขอพวกเราหนึ่งหมื่นล้าน….”โจวต้าหย่งเล่าไปพลางตัวสั่นงก ทำนองระบายความอัดอั้น
“ว่ายังไงนะ?!”พ่อของเขาโจวฟู่ที่อีกฝั่งของสายส่งเสียงตอบกลับ น้ำเสียงวิตกกังวลและหวาดกลัวอย่างมาก
“แกกล้าไปยุ่งกับแก๊งม้าเชียวเรอะ?!”โจวฟู่ที่อยู่ในสีหน้าซีดเผือด ตัวสั่นด้วยความโกรธ ก่อนด่าออกมาอย่างรุนแรง “ไอ้หน้าโง่ รนหาที่ตายรึไง? หาเรื่องให้ฉันจริง ๆ ! ไปหาเรื่องแก๊งม้าได้ยังไง? เร็วเข้า เขาว่ายังไงก็ตกลงไปซะ อีกเดี๋ยวฉันไม่อยากจะซื้อโลงศพให้แกหรอก!”
“ปึง!”
ทางนั้นพูดจบก็วางสาย! โจวต้าหย่งถือมือถือด้วยความหวาดผวา
ดูเหมือนพ่อของเขาจะกลัวแก๊งม้ามากจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“ขนาดพ่อฉันยังกลัว ให้ฉันตอบรับพวกเขาไป”โจวต้าหย่งสีหน้าขมขื่น พ่อของตัวเองยังไม่ทำอะไรไม่ได้แล้วเขาอายุเท่าไหร่กัน?
หลังจากโจวต้าหย่งวางโทรศัพท์ คนอื่น ๆ เองก็พากันหยิบมือถือขึ้นมาติดต่อหาคนที่บ้าน
ผ่านไปหนึ่งนาที โย้วเสี่ยวจงก็วางโทรศัพท์ รู้สึกแย่ซะยิ่งกว่าอะไร “พ่อด่าฉันยกใหญ่เลย บอกว่าไปยุ่งกับแก๊งม้าไม่ได้ ฉันว่า รีบรวบรวมเงินกันเข้าเถอะ เรื่องวันนี้คงให้ผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้แล้ว…..”
เงียบกริบ ทุกคนล้วนนิ่งเงียบ สีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น